ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 334 กลับบ้าน
ตอนที่ 334 กลับบ้าน
ในเรือนจำกรมยุติธรรม ขณะที่หิมะเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ น้ำหิมะที่สะสมก็ไหลลงมาตามรอยร้าว กลายเป็นแอ่งโคลนเล็กๆ บนถนนที่นำไปสู่ห้องขัง
ประตูห้องขังที่ลงกลอนไว้แน่นหนาเปิดออกกะทันหัน เสียงดังเสียดหู
แม่ทัพใหญ่ลั่วนั่งอยู่ในมุมที่มืดสลัว เมื่อได้ยินเสียง เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้น
“แม่ทัพใหญ่” ผู้มาเยือนเรียก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ แววตาของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็เปลี่ยนไป
เซิงเอ๋อร์ให้เขารอ จากเสียงเรียกที่เจือความกระตือรือร้นนี้ สิ่งที่เขารอคงมาถึงแล้ว
ผู้มาเยือนเดินเข้ามาใกล้และเอ่ยเรียกอีกครั้ง “แม่ทัพใหญ่”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าสงบนิ่ง “กงกงเกรงใจแล้ว ขุนนางผู้มีความผิดมิบังอาจรับตำแหน่งนี้ได้”
ขันทีโจวซานส่งยิ้มให้แล้วรีบพูดว่า “แม่ทัพใหญ่อย่าพูดเช่นนี้เลย ข้าน้อยรับบัญชาให้พาท่านเข้าวังขอรับ”
“เข้าวัง?” แม่ทัพใหญ่ลั่วสับสน
“ใช่แล้ว ฝ่าบาททรงเรียกพบท่าน”
แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงักเล็กน้อย พึมพำว่า “ฝ่าบาทจะพบข้าหรือ”
ดวงตาของเขาเริ่มแดง มือทั้งคู่ปิดหน้าตัวสั่นไม่หยุด “ข้ารู้ว่าถึงอย่างไรฝ่าบาทก็ยังคงคิดถึงข้า…”
ขันทีปล่อยให้แม่ทัพใหญ่ลั่วซาบซึ้งใจอย่างเห็นอกเห็นใจ เมื่อเขาสงบอารมณ์ลงได้แล้ว ขันทีจึงกล่าว “แม่ทัพใหญ่ตามข้าน้อยไปเถอะ”
ช่วงเวลานี้จักรพรรดิหย่งอันนั่งรออยู่ในห้องทรงอักษร เขาให้เว่ยหานกลับไปแล้ว จนเมื่อเขาดื่มชาจอกที่สอง ในที่สุดก็ได้รับรายงานจากขันที
“พาเข้ามา”
เสียงฝีเท้าอันหนักอึ้งดังขึ้น ชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าขาดรุ่ยและมีผมเผ้ารุงรังถูกพาเข้ามา เขาโค้งคำนับเล็กน้อย รูปร่างที่แต่เดิมสูงใหญ่ของเขาจึงดูเตี้ยลงเล็กน้อย
ทันทีที่แม่ทัพใหญ่ลั่วเข้ามา เขาก็คุกเข่าลง “ลั่วฉือขุนนางผู้มีความผิดถวายบังคมฝ่าบาท”
จากนั้นก็เริ่มร้องไห้
จากตอนแรกที่แค่สะอื้นเบาๆ กลายเป็นร้องไห้อย่างหนักจนน้ำมูกไหล
จักรพรรดิหย่งอันนั่งฟังบนเก้าอี้มังกรเงียบๆ รอจนรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้อง เขาก็หน้าขรึม “พอแล้ว ร้องอีกก็ไสหัวออกไป!”
เสียงร้องไห้หยุดชะงัก แม่ทัพใหญ่ลั่วลืมตาที่ร้องไห้จนแดงมองจักรพรรดิหย่งอันอย่างเศร้าหมอง
จักรพรรดิหย่งอันโบกมือเล็กน้อย “ทุกคนออกไป”
เหล่าขันทีออกไปจากห้องทรงอักษร ประตูห้องปิดสนิท
ผ่านไปนานประตูด้านหลังก็เปิดออก แม่ทัพใหญ่ลั่วเดินออกไป ร่างกายที่โค้งเล็กน้อยตั้งตรง ดวงตาเปล่งประกาย
ในขณะที่แม่ทัพใหญ่ลั่วจากไป ทหารกลุ่มหนึ่งก็ล้อมบ้านพักหลันเต๋อไว้และนำตัวนายอำเภอหลิวชิงออกมา
นายอำเภอหลิวชิงสีหน้าหวาดวิตก ถามด้วยเสียงเคร่งเครียดว่า “พวกเจ้าคือใคร ข้าเป็นถึงขุนนางราชสำนัก มีสิทธิ์อะไรมาจับข้าโดยไม่มีเหตุผล”
หัวหน้าเจ้าหน้าที่แสดงป้ายอาญาสิทธิ์ พูดเสียงเย็นชาว่า “ท่านนายอำเภออย่าเพิ่งโวยวาย ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะยิ่งแย่”
ทันทีที่นายอำเภอหลิวชิงเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ ขาของเขาก็อ่อนเปลี้ยและพึมพำว่า “ข้าถูกปรักปรำ… จับข้าไม่ได้…”
นอกบ้านพักมีคนที่มามุงดูยืนเต็มไปหมด พวกเขากำลังชี้นิ้ววิพากวิจารณ์ เมื่อเห็นว่านายอำเภอหลิวชิงที่ดูโศกเศร้าและร้อนใจเดินออกมา เสียงวิจารณ์ก็ดังขึ้นกว่าเดิม
“นี่คือใครหรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงถูกจับเล่า”
“ไม่รู้สิ ผู้ที่อาศัยในนี้ล้วนเป็นข้าราชการที่มายังเมืองหลวงจากต่างถิ่น คงจะเป็นใต้เท้าท่านใดกระทำความผิดกระมัง”
ในหมู่คนมุงดูมีคนสี่ห้าคนที่หลังจากเห็นว่าผู้ที่ถูกพาออกมาคือใครแล้วก็รีบจากไปเงียบๆ
ในบริเวณที่ไม่มีคนสนใจ ธนูลูกหนึ่งเล็งไปที่นายอำเภอหลิวชิงที่ดูหวาดวิตก
ใกล้แล้ว ใกล้ขึ้นแล้ว
มือที่ง้างธนูคลายออก ลูกธนูพุ่งไปทางนายอำเภอหลิวชิงราวกับดาวตก
เสียงอุทานดังขึ้น
ผู้ที่ล้มลงคือเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
นายอำเภอหลิวชิงที่เกือบจะพังทลายอยู่แล้วทรุดลงไปทันที
ฝูงชนโกลาหล
คนที่แอบอยู่ในมุมมืดเห็นว่ายิงพลาดก็ทิ้งธนูแล้วหนีไป
ร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นและไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
คนหนึ่งวิ่งหนีอีกคนไล่ตาม ไม่นานก็ห่างออกจากฝูงชนที่โกลาหล
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปได้รึ” ลมหนาวพัดผ่านเหมือนใบมีดที่กรีดลงบนใบหน้าจากการวิ่ง แต่กลับไม่ได้ทำให้สือเยี่ยนหยุดด่าได้ “ข้าจับไอ้กระจอกเช่นเจ้าได้เมื่อไหร่ จะตัดหัวเจ้ามาเตะเป็นลูกหนัง!”
อยู่ว่างๆ พาต้าไป๋เดินเล่นสบายจะตาย แต่กลับต้องมาวิ่งฝ่าลมหนาว เป็นเพราะเจ้านี่ทั้งนั้น
คนๆ นั้นเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม เขามุดเข้าไปในตรอกลึกสายหนึ่ง
ในตรอกแคบและลึก มีหิมะสะสมสกปรกที่ฐานกำแพง ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด
สือเยี่ยนไล่ตามอยู่ข้างหลัง เมื่อเห็นว่าพวกเขาทิ้งระยะห่างไกลขึ้นกว่าเดิมก็ด่าว่า “เจ้าลูกกระต่ายวิ่งเร็วดีนี่!”
คนๆ นั้นวิ่งต่อไป ไม่ว่าสือเยี่ยนด่าอะไรก็ไม่หันหลังกลับ
สือเยี่ยนกัดฟันกรอด
ไอ้ลูกกระต่ายนี่ดูก็รู้ว่าทำเรื่องแบบนี้บ่อยจนชำนาญ เพราะเขาวิ่งหนีทันทีที่โจมตีพลาดและยังไม่ถูกรบกวนจากภายนอกง่ายๆ
มีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า อีกไม่นานก็จะไปถึงทางออกของตรอกนี้แล้ว
ร่างๆ หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
คนๆ นั้นสายตาเฉียบไว เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าชัดเจนก็ชะงักฝีเท้าลงทันที
เพียงแค่หยุดลงครู่เดียวเท่านั้น สือเยี่ยนก็ไล่ตามมาทัน
คนๆ นั้นวิ่งเร็ว แต่ในเรื่องทักษะการต่อสู้แล้วกลับสู้สือเยี่ยนไม่ได้ มิหนำซ้ำยังมีสืออี้ที่เร่งเดินทางมา ไม่นานเขาก็ถูกสองพี่น้องคุมตัวไว้
“วิ่งสิ แน่จริงก็วิ่งต่อไปสิ!” สือเยี่ยนไล่ตามเขาจนโมโห ต่อยเขาไปทีหนึ่ง
คนๆ นั้นโก่งตัวอย่างเจ็บปวด เขามองสือเยี่ยนทีหนึ่งแล้วมองสืออี้ ความกระจ่างและความหงุดหงิดปรากฏขึ้นในดวงตา
เขาเห็นคนที่ยืนอยู่ปากทางเหมือนกับคนที่ไล่ตามเขาก็คิดว่าเห็นผีเสียอีก ที่แท้เป็นฝาแฝดนี่เอง!
เมื่อกระจ่างแล้ว คนๆ นั้นก็กำลังจะกัดฟันพิษ
สืออี้งัดคางของเขาอย่างว่องไวและถอนฟันพิษออกมา
สือเยี่ยนยื่นมือคลำตัวของคนๆ นั้นไปทั่ว สุดท้ายคลำเจอขวานไม้ท้อด้ามเล็กๆ
“ฮึ พวกเจ้าจริงๆ ด้วย”
คนๆ นั้นหน้าเปลี่ยนสี ทำท่าจะพูดอะไร ท้ายทอยก็ถูกฝ่ามือซัดใส่
สือเยี่ยนโยนคนที่สลบไปคนนั้นให้สืออี้ เอามือไพล่หลังพูดว่า “ไปเถอะ นายท่านรออยู่”
สืออี้หามคนๆ นั้นเดินตามไปเงียบๆ
ข่าวนายอำเภอหลิวชิงเกือบถูกลอบสังหารถูกทูลรายงานจักรพรรดิหย่งอันอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิหย่งอันโกรธกริ้ว ตบโต๊ะถามเว่ยหาน “จับคนคนนั้นได้หรือไม่”
ขณะที่กำลังทำใจฟังคำตอบว่า ‘ยังจับไม่ได้’ และพร้อมจะคว่ำโต๊ะก็ได้ยินเว่ยหานกล่าวอย่างสงบว่า “จับได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จักรพรรดิหย่งอันก็ถามอีกว่า “ใครกันที่ลงมือกับนายอำเภอหลิวชิง”
เพิ่งสอบสวนพบว่านายอำเภอหลิวชิงมีพิรุธ ก็มีคนลงมือกับนายอำเภอหลิวชิงทันที คนเหล่านี้ช่างเก่งกล้าจริงๆ
“ตอนนี้กำลังสอบปากคำพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ผลอย่างไรมารายงานทันที”
เมื่อเว่ยหานจากไปแล้ว จักรพรรดิหย่งอันครุ่นคิดครู่หนึ่งก็สั่งโจวซาน “ส่งของบำรุงไปที่จวนแม่ทัพใหญ่”
เขาเว้นจังหวะแล้วเสริมว่า “เจ้าไปด้วยตนเอง”
“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วออกจากประตูวังแล้วก็ตรงไปยังจวนลั่ว
คนใช้ของจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วกำลังถือไม้กระบองไล่คนที่มาโยนผักเน่าใส่ประตูจวนแม่ทัพใหญ่ลั่ว
คนเหล่านั้นวิ่งไปไกลแล้วถ่มถุยไปทางจวนแม่ทัพใหญ่ “ถุย คิดว่าเป็นเมื่อก่อนหรือไร ข้าจะคอยดูวันที่เจ้าหน้าที่มาค้นจวนและยึดทรัพย์!”
ทันทีที่เขาหันไปก็เห็นแม่ทัพใหญ่ลั่ว เขาชะงักไป จากนั้นก็ชี้ไปที่แม่ทัพใหญ่ลั่วราวกับเห็นผี “เจ้า… เจ้า…”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเดินสาวเท้าผ่านคนๆ นั้น ไม่มองเขาแม้แต่น้อย
ไม้กระบองในมือคนใช้จวนแม่ทัพใหญ่ลั่วร่วงลงพื้น พูดติดอ่างว่า “มะ… แม่ทัพใหญ่…”