ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 337 ขอให้ยกโทษ
ตอนที่ 337 ขอให้ยกโทษ
โจวซานคือผู้ใด
เขาเป็นขันทีที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญที่สุด และเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ
การที่บุคคลเช่นนี้หอบของถุงเล็กถุงใหญ่ไปจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วหมายความว่าอย่างไรไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้
แม่ทัพใหญ่ลั่วพลิกสถานการณ์ได้แล้ว และยังคงเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับความโปรดปรานอย่างยิ่งจากองค์จักรพรรดิ
ผู้คนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ทัพใหญ่ลั่วมากนักเริ่มไตร่ตรองอย่างจริงจังว่าตอนที่จวนแม่ทัพใหญ่ลำบากพวกเขาได้ซ้ำเติมหรือไม่
โชคดีที่พวกเขาแค่ไม่ได้ไปดื่มสุราที่มีหอสุราเท่านั้น
ไม่คิดทบทวนแล้ว เขาจะไปกินคืนนี้เลย
ศาลต้าหลี่หนึ่งในกระทรวงตุลาการทั้งสามแห่งถือว่าเป็นหนึ่งในศาลาว่าการที่ได้รับข่าวการปล่อยตัวแม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นแห่งแรก
รองเจ้ากรมเถาเป็นรองเจ้ากรมแห่งศาลต้าหลี่
ครานั้นเขากำลังอ่านหนังสือคดี เจ้ากรมเฉินผู้เป็นเจ้ากรมแห่งศาลต้าหลี่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าซับซ้อน
“ใต้เท้า” รองเจ้ากรมเถาเห็นเจ้ากรมเฉินเข้ามาก็รีบวางหนังสือคดีและลุกขึ้น
“แม่ทัพใหญ่ลั่วออกจากเรือนจำแล้ว” เจ้ากรมเฉินพูดเพียงประโยคเดียวแล้วโบกมือเบาๆ เดินออกไป ไม่ได้รอรองเจ้ากรมเถาปริปาก
รองเจ้ากรมเถารู้สึกราวกับถูกตบหน้า จิตใจของเขาสับสนวุ่นวาย ไหนเลยจะพูดออก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ใบหน้าของเขาจึงเริ่มเปลี่ยนแปลง
จากสีหน้าซึมกะทือกลายเป็นหวาดวิตกแล้วเปลี่ยนจากความหวาดวิตกเป็นความสิ้นหวัง
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…” รองเจ้ากรมเถาพึมพำ เดินล้มลุกคลุกคลานออกไปข้างนอก
เขาเดินชนมุมโต๊ะอย่างงุนงงแล้วล้มลงกับพื้น ปิดหน้าร้องไห้ “จบกัน จวนเถาจบกัน…”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด รองเจ้ากรมเถาก็วางมือลง เหม่อมองประตูอย่างว่างเปล่า
ประตูเปิดกว้าง มีสหายเดินผ่านเป็นครั้งคราว แต่กลับเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
บังเอิญมีลูกน้องท่านหนึ่งเดินผ่าน เมื่อเห็นเช่นนี้ก็วิ่งหนี ราวกับกลัวว่าจะหนีไม่พ้นปัญหา
รองเจ้ากรมเถาล้มลุกคลุกคลานออกจากศาลาว่าการศาลต้าหลี่ เขาตรงไปยังจวนเถา
คนเฝ้าประตูจวนเถาเห็นรองเจ้ากรมเถาก็ตกใจ รีบเข้าไปพยุง
เถาฮูหยินได้ข่าวก็รีบออกมา เห็นสีหน้ารองเจ้ากรมเถาซีดขาวราวกับผีก็สะดุ้งตกใจ “นายท่าน ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
รองเจ้ากรมเถาจับมือเถาฮูหยินครู่หนึ่งพูดอะไรไม่ออก ปากที่สั่นร้อนรนจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก
“นายท่าน ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆ พูด” เถาฮูหยินรู้สึกยิ่งวิตก นางตบหลังของรองเจ้ากรมเถาเบาๆหวังช่วยสงบอารมณ์เขา
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้นายท่านเสียสติเช่นนี้
“ไป… ส่งคนไปถาม…” ในที่สุดรองเจ้ากรมเถาก็พูดขึ้น
“นายท่านพูดช้าๆ จะถามเรื่องอะไรหรือ” เถาฮูหยินรู้สึกหัวใจบีบคั้น
มือที่สั่นของรองเจ้ากรมเถาชี้ไปที่ประตู ราวกับใช้พลังทั้งหมดของร่างกาย “ไปถามว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วกลับจวนแล้วหรือ…”
“กลับจวน?” เถาฮูหยินชะงัก ความหวาดกลัวถาโถม “นายท่านพูดให้ชัดเจน กลับจวนอะไร ใครกลับจวนเจ้าคะ”
“แม่ทัพใหญ่ลั่ว!” รองเจ้ากรมเถาตะคอก
เถาฮูหยินหน้าซีดเผือด นางพูดด้วยความหวังสุดท้ายว่า “นาย… นายท่าน แม่ทัพใหญ่ลั่วจำคุกอยู่ในกรมยุติธรรมแล้วมิใช่หรือ…”
รองเจ้ากรมเถาผลักเถาฮูหยินออก ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “บอกให้เจ้าส่งคนไปถามก็ไปสิ!”
“เจ้าค่ะ ข้าไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้…” เถาฮูหยินรีบส่งบ่าวเฒ่าผู้ภักดีออกไป นางจับแขนเสื้อรองเจ้ากรมเถาไว้ถามต่อไปว่า “นายท่าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม่ทัพใหญ่ลั่ว…”
“ถูกปล่อยออกมาแล้ว!”
มือของเถาฮูหยินที่จับแขนเสื้อของรองเจ้ากรมเถาไว้เลื่อนหลุด นางล้มนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้
สองสามีภรรยาสับสนและกระวนกระวายใจ ในที่สุดก็ได้รับรายงานจากบ่าวรับใช้
“นายท่าน ฮูหยิน คนที่ไปสืบบอกว่าแม่ทัพใหญ่อยู่ในจวน และยังมีกลุ่มขันทีที่ได้รับพระบัญชาให้ไปส่งของบำรุงให้แม่ทัพใหญ่ลั่ว…”
เมื่อได้ยินคำรายงานของบ่าวรับใช้ รองเจ้ากรมเถาและเถาฮูหยินก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
ผ่านไปนาน จู่ๆ เถาฮูหยินก็จับมือรองเจ้ากรมเถาแน่น “นายท่าน เราควรทำอย่างไรดี”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าควรทำอย่างไร!” รองเจ้ากรมเถาสลัดมือของเถาฮูหยินออก เดินวนไปมาในห้องราวกับแมลงวันไร้หัว
เถาฮูหยินน้ำตาไหลไม่หยุด พึมพำตลอดว่า “นายท่าน ท่านต้องหาวิธีนะเจ้าคะ…”
จู่ๆ นางก็คิดอะไรได้ โถมกายเข้าไปข้างหน้ารองเจ้ากรมเถา “นายท่าน ท่านไปขอร้องแม่ทัพใหญ่ลั่วสิ ขอร้องให้เขาอย่าทำร้ายครอบครัวเรา…”
รองเจ้ากรมเถาค่อยๆ สงบอารมณ์ลง พูดเสียงขรึมว่า “ใช่แล้ว ข้าต้องไปหาแม่ทัพใหญ่ลั่ว”
ถึงแม้จะรู้ว่าความหวังริบหรี่ แต่ก็ต้องลอง ไม่เช่นนี้ตระกูลนี้จบแน่
รองเจ้ากรมเถาเดินออกไปข้างนอกทันที
เถาฮูหยินรีบเตือนว่า “นายท่าน อย่างน้อยก็เช็ดหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิเจ้าคะ”
รองเจ้ากรมเถาหายไปจากประตูโดยที่ไม่เหลียวหลังเลยแม้แต่นิด
เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรกัน ให้แม่ทัพใหญ่เห็นสภาพยิ่งอนาถและต่ำต้อยเพียงใดก็จะยิ่งมีโอกาสได้รับการให้อภัย
รองเจ้ากรมเถารีบเดินทางไปยังจวนแม่ทัพใหญ่
“หาแม่ทัพใหญ่ของเราหรือ” คนเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นรองเจ้ากรมเถาก็พูดด้วยใบหน้าเย็นชา “รอนี่เถอะขอรับ”
ประตูใหญ่ปิดลง เหลือเพียงรองเจ้ากรมเถายืนข้างนอกประตู ปล่อยให้ผู้ที่มามุงดูชี้หน้าวิพากษ์วิจารณ์
คนเฝ้าประตูกลับไปที่ห้อง ค่อยๆ ชงชาให้ตนเอง
คนเฝ้าประตูอีกคนหนึ่งถาม “ไม่ไปรายงานหรือ”
“รายงานอะไร แม่ทัพใหญ่ต้องจัดการจวนเถาแน่ จะปล่อยครอบครัวเขาไปเพราะมาขอร้องหรือ”
“ดังนั้นยิ่งต้องไปแจ้งไงเล่า แม่ทัพใหญ่ต้องอยากเจอรองเจ้ากรมเถาแน่ๆ ท่านต้องระบายอารมณ์ก่อน”
คนเฝ้าประตูคนนั้นวางกาน้ำชาลงแล้วลุกขึ้น “นั่นสินะ เหตุใดข้าจึงคิดไม่ถึงนะ”
เมื่อรายงานไปแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ยิ้มหยัน “พาเขาเข้ามา!”
คนเฝ้าประตูที่ได้รับสารแล้วก็ลอบถอนหายใจ คิดในใจว่าโชคดีที่เขาไปรายงาน
ประตูใหญ่สีแดงค่อยๆ เปิดออก
รองเจ้ากรมเถาที่ยืนอยู่ข้างนอกจนขาชารีบเดินเข้ามา อดใจไม่ไหวถามว่า “แม่ทัพใหญ่ยอมพบข้าหรือ”
คนเฝ้าประตูหลีกทาง พูดเสียงเยือกเย็น “เข้ามาเถอะขอรับ”
รองเจ้ากรมเถาจับกรอบประตูไว้พยายามข้ามธรณีประตูอย่างยากลำบาก เขาถูกพาไปหาแม่ทัพใหญ่ลั่วโดยคนใช้คนหนึ่ง
แม่ทัพใหญ่ลั่วกวาดตามองรองเจ้ากรมเถา ยิ้มแล้วพูดว่า “ลมอะไรหอบรองเจ้ากรมเถามา”
ในห้องรับรองเต็มไปด้วยของขวัญห่อเล็กห่อใหญ่ที่พระราชวังส่งมาให้ สะดุดตารองเจ้ากรมเถาเป็นอย่างยิ่ง
รองเจ้ากรมเถาคุกเข่าลงตรงหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วประหลาดใจ “รองเจ้ากรมเถาทำอะไรกัน นี่ทำให้ข้าอายุสั้นชัดๆ”
รองเจ้ากรมเถากอดขาแม่ทัพใหญ่ลั่ว น้ำตาและน้ำมูกไหล “แม่ทัพใหญ่ ข้าถูกผีสิงเอง ท่านให้อภัยข้าในครั้งนี้ด้วยเถอะ…”
แม่ทัพใหญ่ลั่วส่ายศีรษะ “ผิดแล้ว”
รองเจ้ากรมเถามองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างงงงัน
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มพูดว่า “รองเจ้ากรมเถาไม่ได้ถูกผีสิง แต่ข้าต่างหากที่ถูกผีสิง”
เขาคิดว่าครอบครัวของคนๆ หนึ่งที่พยายามปีนป่ายขึ้นที่สูงเพื่ออนาคตจะปฏิบัติต่อลูกสาวอย่างดีได้อย่างไร
ไม่สิ เขาไม่ได้ไร้เดียงสาเช่นนั้น เขาแค่คิดว่าตราบใดที่ตนเองไม่สูญเสียอำนาจ ลูกสาวที่มีฐานะสูงกว่าแต่งกับผู้ชายที่มีฐานะต่ำกว่าแล้วจะไม่ถูกรังแก
แต่คนเราเดินบนคมมีด ใครจะไปรับรองได้ว่าจะปลอดภัยตลอดไป
ผู้ที่สามารถช่วยเหลือในยามทุกข์ยากต่างหากถึงจะเป็นคนที่พึ่งพิงได้
จู่ๆ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็คิดถึงใครบางคน จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะเบาๆ
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้
เขาหลุบตามองรองเจ้ากรมเถาที่คุกเข่าตรงหน้าอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ ยกมุมปากยิ้มหยัน
แน่นอนว่าตอนนี้เป็นเวลาระบายอารมณ์
“รองเจ้ากรมเถา”
รองเจ้ากรมเถามองเขาอย่างประหม่า
“ข้าน่ะเป็นคนใจกว้างมาโดยตลอด เจ้าส่งบุตรชายเจ้าไปหอคณิกาชาย ข้าก็จะอภัยให้เจ้า”