ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 343 ลุ่มหลงในความรักนั้นเป็นทุกข์
ตอนที่ 343 ลุ่มหลงในความรักนั้นเป็นทุกข์
วันนี้ลั่วเซิงคลุมเสื้อคลุมสีพื้นตัวหนึ่ง บริเวณขอบหมวกเย็บขนจิ้งจอกหิมะเอาไว้ ยังมีลูกกลมหิมะนุ่มนิ่มสองลูกห้อยลงมา มองดูแล้วซุกซนยิ่ง
อวิ๋นต้งเห็นลั่วเซิง หนังศีรษะก็เริ่มชาวาบ ไม่รู้สึกว่าเด็กสาวตรงหน้าขี้เล่นเลยสักนิดเดียว
“คุณหนูสามมาได้อย่างไรหรือ”
ลั่วเซิงมองประตูคุกที่ปิดสนิท พลางเอ่ยว่า “มาดูพี่รองข้าว่าจะถูกผิงลี่กล่อมไปได้ไหม”
อวิ๋นต้งสีหน้าแข็งค้างเล็กน้อย “คุณหนูสามจะเข้าไปหรือ”
นี่มันไม่ค่อยจะเหมาะสมหรือไม่
แม้ว่าเขาจะเกลียดชังผิงลี่เข้ากระดูกดำ และไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูรองถึงได้อาลัยอาวรณ์ในตัวคนที่ทำร้ายท่านพ่อบุญธรรม แต่กลับเข้าใจว่า ในเมื่อท่านพ่อบุญธรรมอนุญาตให้คุณหนูรองมาก็เป็นการยอมรับโดยนัยว่า ให้โอกาสคุณหนูรองได้เข้าไปพูดคุยกับผิงลี่สองสามประโยคเป็นการส่วนตัว
ลั่วเซิงมองอวิ๋นต้งแวบหนึ่ง น้ำเสียงเจือไปด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่ใช่คนที่ชอบซุบซิบนินทา ข้าจะเข้าไปทำอะไร”
อวิ๋นต้ง “…” เขาก็ว่า สมควรจะห่างจากคุณหนูสามสักหน่อย
เมื่อคิดเช่นนี้ อวิ๋นต้งก็เขยิบไปอีกด้านเงียบๆ
ลั่วเซิงประคองเตาอุ่นมือลายดอกเหมย ท่าทางผ่อนคลายสบายๆ
ภายในคุก ลั่วฉิงเห็นผิงลี่ที่มีสภาพย่ำแย่ทั่วร่างแล้ว ก็อดตาแดงเรื่อไม่ได้
พี่ใหญ่ที่นางเห็นล้วนสุภาพอ่อนโยน แสดงให้เห็นถึงฐานะสูงศักดิ์ ไหนเลยจะเคยเห็นสภาพนี้ของเขา
ผิงลี่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็ค่อยๆ มองมา น้ำเสียงยังคงนุ่มนวล “น้องรองมาได้อย่างไร ด้านในนี้มืดและเย็น ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรมา”
หยาดน้ำตารินไหลจากหางตาลั่วฉิง
หลังจากนิ่งเงียบครู่หนึ่ง นางก็กัดริมฝีปากถาม “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านต้องทำร้ายท่านพ่อ”
ผิงลี่เผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา พึมพำถามว่า “ท่านพ่อบุญธรรมพูดเช่นนี้หรือ”
ลั่วฉิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ในใจก็มีความหวังเล็กน้อยผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
พี่ใหญ่จะถูกใส่ความหรือไม่
หลังจากพี่ชายบุญธรรมทั้งห้าเติบโต พี่บุญธรรมคนอื่นๆ ล้วนแยกย้ายไปสถานที่ต่างๆ ท่านพ่อรั้งแค่พี่ใหญ่ไว้ที่เมืองหลวงคนเดียว
ท่านพ่อให้ความสำคัญกับพี่ใหญ่ขนาดนี้ ไว้วางใจในตัวพี่ใหญ่เช่นนี้ พี่ใหญ่มีเหตุผลอันใดที่ต้องทำร้ายท่านพ่อกัน
ผิงลี่ยิ้มเศร้า มองลั่วฉิง พลางถาม “น้องรองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันหรือ”
“ข้า…” ลั่วฉิงอ้าปาก
ผิงลี่ยิ้มเฝื่อน “น้องรอง ข้าไม่มีเหตุผลให้ทำร้ายท่านพ่อบุญธรรม ผู้อื่นไม่เชื่อ หรือว่าเจ้าก็ไม่เชื่อข้าด้วยหรือ”
“ข้า…ข้าเชื่อ…”
นางอยากจะเชื่อ
“อวิ๋นต้งวางแผนเล่นงานข้า ตอนนี้ท่านพ่อบุญธรรมฟังแต่คำพูดของอวิ๋นต้ง” ผิงลี่ไอ ความโศกเศร้าในดวงตาคล้ายกับเอ่อล้นออกมา “น้องรอง นี่น่าจะเป็นการพบหน้ากันครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้ว หลังออกจากที่นี่ไป เจ้าก็ลืมข้าเสียเถอะ”
ลั่วฉิงคว้าลูกกรงเย็นเยียบเอาไว้ น้ำตารินไหลเป็นสาย “พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องกับท่าน…ท่านบอกข้าว่าควรทำอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะทำให้ท่านพ่อเชื่อท่าน”
ผิงลี่ส่ายหน้า สีหน้าเศร้าเสียใจ “ไม่มีประโยชน์ เมื่อวานท่านพ่อบุญธรรมโกรธเกรี้ยวจนขังข้าไว้ที่นี่ ก็อธิบายได้แล้วว่า ท่านพ่อบุญธรรมมีใจคิดจะสังหารข้า ไม่มีทางละเว้นข้าเพียงเพราะเจ้าไปร้องขอความเมตตาหรอก”
“ไม่มีวิธีใดแล้วจริงๆ หรือ” ลั่วฉิงคว้ามือของผิงลี่แน่นผ่านลูกกรง นางร่ำไห้พลางเอ่ยถาม
“น้องรองกลับไปเถอะ เชื่อข้า”
“ไม่ ข้าไม่กลับ” ลั่วฉิงส่ายหน้า คว้ามือข้างนั้นที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ทว่ากลับถูกกั้นด้วยลูกกรงเย็นเยือก เพียงจับมือเขาไว้ก็ราวกับคว้าโลกไว้ได้ทั้งใบ
นี่คือคนที่นางรักตั้งแต่วัยเยาว์ ปรารถนาที่จะแก่เฒ่าไปพร้อมกับเขานับครั้งไม่ถ้วน นางจะยอมรับการลาจากกันด้วยความตายเมื่อต้องแยกจากได้อย่างไร
“พี่ใหญ่ ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ หรือ ท่านลองคิดดู ขอร้องให้ท่านคิดให้ดีๆ ขอแค่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะต้องทำแน่นอน…”
ผิงลี่แววตาเปล่งประกาย “น้องรองยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยข้าจริงๆ หรือ”
ลั่วฉิงพยักหน้า
ภายในคุกพลันเข้าสู่ความเงียบสงบ
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น
อวิ๋นต้งที่เฝ้าอยู่ข้างนอกพุ่งเข้าไปทันที
ลั่วเซิงตามหลังเข้าไปติดๆ ก็เห็นสถานการณ์ด้านในชัดเจน
ลั่วฉิงร่างแนบกับลูกกรงเหล็ก มือใหญ่ข้างหนึ่งอ้อมออกมาจากหลังคอนาง กำลำคอของนางเอาไว้แน่น
นั่นคือมือของผิงลี่
“ปล่อยคุณหนูรอง!” อวิ๋นต้งสีหน้าเย็นชา เดินตรงไปข้างหน้า
ผิงลี่สีหน้าดุร้าย “หากเจ้าก้าวมาด้านหน้าอีกก้าว ข้าจะบิดคอคุณหนูรองให้หัก!”
มือที่พาดอยู่ข้างลำคอลั่วฉิงกระชับ ลั่วฉิงดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน
อวิ๋นต้งจำเป็นต้องหยุด เขาเอ่ยเสียงเย็น “ผิงลี่ เจ้ากำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้าย หากเจ้ากล้าทำให้คุณหนูรองได้รับบาดเจ็บ ก็มีแต่ตายเท่านั้น”
ผิงลี่ยิ้มเยาะ “อวิ๋นต้ง เจ้าไม่จำเป็นต้องขู่ข้า สิ่งที่เหลือไว้ให้ข้า เดิมก็มีแต่ตายอยู่แล้ว ข้ายังมีอันใดต้องกลัวอีก”
พ่อบุญธรรมเป็นคนแบบไหน เขารู้ดียิ่ง ในเมื่อขังเขาไว้ในนี้ ก็ไม่มีทางให้เขาได้มีชีวิตออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนเหล่านั้น เกรงว่าตอนนี้คงต้องการชีวิตของเขายิ่งกว่าพ่อบุญธรรมเสียอีก
เขาเข้าตาจน ไร้หนทางไป ทำได้แค่อาศัยลั่วฉิงให้ได้มาซึ่งโอกาสในการมีชีวิตรอด
อย่างแย่ที่สุดก็แค่พ่ายแพ้จนเสียชีวิตนี้ไป มองอย่างไรก็ล้วนเป็นกำไร
ผิงลี่คิดเช่นนี้ สีหน้าก็ยิ่งโหดเหี้ยมและเฉียบขาด
“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร” อวิ๋นต้งถาม
“ไม่อนุญาตให้เจ้าเข้ามามากกว่านี้ ให้คนเปิดประตูคุกแล้วเตรียมม้าให้ข้าตัวหนึ่ง”
อวิ๋นต้งปฏิเสธคำขอของผิงลี่ทันที “เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่รับปากหรือ” ผิงลี่กระชับมือที่วางอยู่บริเวณลำคอลั่วฉิง พลางเอ่ยเสียงเย็น “เช่นนั้นก็ให้คุณหนูรองถูกฝังไปเป็นเพื่อนข้าแล้วกัน โลกหลังความตายนั้นเงียบเหงา จะได้มีคนเคียงข้างข้าพอดี”
อวิ๋นต้งสีหน้าเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
เขามองออกถึงความไร้ความปรานีในดวงตาของผิงลี่
หากว่าเขาไม่รับปากคำขออีกฝ่าย เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะลงมือจริงๆ
ผิงลี่จ้องอวิ๋นต้ง เปลวเพลิงในดวงตาลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง พอรับรู้ได้ถึงการผ่อนปรนของอีกฝ่ายก็แย้มรอยยิ้ม
เขาเดิมพันชนะครึ่งหนึ่ง
ตอนนี้ จิตใจของใครโหดเหี้ยมมากพอ คนนั้นก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ
หากว่าอวิ๋นต้งไม่รับปาก เขาก็ไม่ลังเลที่จะบิดคอลั่วฉิงให้หัก
ในเมื่อสิ่งที่ทิ้งไว้ให้เขาล้วนเป็นความตาย แล้วยังมีอะไรที่ทำไม่ได้อีก
การฆ่าลั่วฉิงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าปากท่านพ่อบุญธรรมจะบอกว่าไม่เอาโทษ แต่ในใจจะไม่โกรธเลยสักนิดได้อย่างไร เพราะการตายของบุตรสาว โทสะที่เกิดขึ้นสะสมเป็นเวลานาน ไม่แน่ว่าวันไหน อวิ๋นต้งเองก็จะเดินตามรอยเขา
ถึงเขาตายไปก็ไม่มีทางให้อวิ๋นต้งได้สบาย
สำหรับลั่วฉิง เดิมก็เป็นความสมัครใจของนางเอง โทษผู้อื่นไม่ได้
มือข้างนั้นบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าลั่วฉิงซีดขาว ตะโกนใส่อวิ๋นต้งด้วยความยากลำบาก “พี่ พี่ห้า…ช่วยข้าด้วย…”
อวิ๋นต้งสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย กัดฟันเอ่ยว่า “ทหาร!”
ผิงลี่โค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ในไม่ช้าก็มีองครักษ์จิ่นหลินนายหนึ่งเดินเข้ามา
อวิ๋นต้งชี้ไปที่ประตูคุก “เปิดประตู”
องครักษ์จิ่นหลินลังเลครู่หนึ่งแล้วหยิบกุญแจขึ้นมาเปิดประตูเงียบๆ
ผิงลี่เปลี่ยนมือ แต่ยังคงสภาพมือทาบไว้บนลำคอลั่วฉิงตลอด เขาเดินติดลูกกรง ลากลั่วฉิงออกจากประตูคุกไป โดยดึงให้นางอยู่ด้านหน้าตน
“เตรียมม้าให้ข้าเดี๋ยวนี้!” แผ่นหลังของผิงลี่ซึ่งเดินออกจากประตูคุกมาแนบติดกำแพง ฉุดกระชากลั่วฉิงให้เดินไปข้างนอก
อวิ๋นต้งน้ำเสียงเย็นเยียบยิ่งขึ้น “เตรียมม้าให้เขา”
ลั่วเซิงที่นิ่งเงียบมาตลอด เอ่ยปากถาม “ผิงลี่ เจ้าจะพาพี่รองของข้าไปด้วยหรือ”
ผิงลี่ไม่กล้าแบ่งสมาธิไปแม้แต่น้อย ทุกย่างก้าวล้วนต้องระมัดระวัง จนกระทั่งเห็นแสงสว่างด้านหน้า ถึงได้ตอบกลับเสียงเย็นว่า “ถูกต้อง”
ด้านหน้าก็คือทางออกคุกใต้ดิน
หิมะยังคงโปรยปราย ลมหนาวด้านนอกเสียดแทงกระดูก แต่ผิงลี่กลับรู้สึกหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง
นั่นคืออากาศแห่งความเป็นอิสรเสรี
เขายังหนุ่ม ไม่มีทางยอมตายอยู่ในคุกใต้ดินขององครักษ์จิ่นหลินเด็ดขาด!