ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 354 สูญเสีย
ตอนที่ 354 สูญเสีย
แปดร้อยตำลึง ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยจริงๆ
ขุนนางมากมายจะให้บุตรสาวออกเรือนยังต้องนำเงินหนึ่งพันถึงสองพันตำลึงออกมาถึงจะสามารถจัดงานแต่งงานได้เหมาะสม
หากไม่เช่นนั้น ขุนนางใหญ่เช่นเสนาบดีจ้าวมาร่ำสุราที่มีหอสุรามื้อหนึ่งคงไม่มีทางที่จะปวดใจขนาดนี้ องค์รัชทายาทที่ยิ่งใหญ่เลี้ยงแขกครั้งหนึ่งก็ยังต้องลงบัญชีค้างเอาไว้ก่อน
ลั่วเซิงไม่คิดว่า หลานชายที่รักผู้นี้จะมีเงินค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ถึงแปดร้อยตำลึงได้
“เงินทุนในการเล่นพนันมาจากไหน” นางถามโค่วเอ๋อร์ต่อ
โค่วเอ๋อร์ถอนหายใจอีกครั้งด้วยท่าทางทนลูกล้างผลาญไม่ไหว “คุณชายใหญ่สวี่แพ้จนเงินในมือหมด จะยังสามารถเอามาจากไหนได้อีก ยืมบ่อนพนันไงเจ้าคะ คุณหนู ท่านไม่ยินดีที่จะเห็นคุณชายใหญ่สวี่เล่นพนันใช่ไหมเจ้าคะ เช่นนั้นท่านต้องรีบจัดการโดยเร็วแล้ว คุณชายใหญ่สวี่เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ไหวแน่ๆ เจ้าค่ะ…”
ลั่วเซิงย่อมรู้ว่า เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เพียงแต่สวี่ซี เด็กหนุ่มที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างจริงจังตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็กำลังอายุสิบห้าสิบหกซึ่งเป็นช่วงหุนหันพลันแล่นและหัวขบถ ฝืนห้ามเพียงอย่างเดียวนั้นไม่มีประโยชน์
หรือว่าต้องรุนแรงกันสักครั้ง ให้เจ้าเด็กเลวนั่นรู้จักความเจ็บปวดเสียบ้าง
นี่ก็คือสาเหตุที่ลั่วเซิงรู้ทั้งรู้ว่าสวี่ซีวิ่งแจ้นไปบ่อนพนันทุกวัน แต่กลับไม่ได้ลงมือมาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้ถึงเวลาที่จะลงมือแล้ว
บ่อนทองพันชั่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มนักฆ่าลึกลับนั่น ต้องดึงสวี่ซีออกมาจากปลักโคลนนี้ให้เร็วหน่อยจะดีกว่า
“ไปบอกกับหลายคนนั้นว่า สามารถรวบแหได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ คุณหนู ท่านว่า คุณชายใหญ่สวี่หน้าตาก็นับว่าหล่อเหลา ทำไมสมองถึงได้ใช้การไม่ได้ขนาดนี้ล่ะเจ้าคะ…” สาวใช้เริ่มพูดไม่หยุด
ลั่วเซิงเร่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รีบไป”
โค่วเอ๋อร์จึงหักใจหยุดพูดแล้วออกไปจัดการ
วันถัดมามีลมพัด แม้ว่าจะไม่แรงมาก แต่เมื่อวาดผ่านผิวหน้ากลับเจ็บเหมือนมีดกรีด
สวี่ฟางตามออกมา เพราะว่ารีบร้อนวิ่งมา ลมหนาวจึงพัดแก้มนุ่มนิ่มนั้นจนแดงก่ำ
“น้องชาย อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมเจ้ายังจะออกไปอีกล่ะ”
นางรู้ดีแก่ใจว่า สวี่ซีจะไปบ่อนพนัน แต่ไม่สะดวกจะเอ่ยออกมาให้ชัดเจน จะได้ไม่ทำให้น้องชายที่ระยะนี้อารมณ์แย่ลงเรื่อยๆ อับอายจนโมโห
“อยู่ในจวนก็น่าเบื่อ จะออกไปเดินเล่น” เมื่อเห็นพี่สาวขวางอยู่ด้านหน้า สวี่ซีก็มีสีหน้าหงุดหงิด
สวี่ฟางเห็นปฏิกิริยาของสวี่ซีอยู่ในสายตาจึงเจ็บปวดใจ เอ่ยโน้มน้าวว่า “ใกล้จะฉลองปีใหม่แล้ว น้องชายอย่าออกไปเลย รอถึงเทศกาลโคมไฟ พวกเราไปดูโคมไฟด้วยกัน…”
สวี่ซีขมวดคิ้วตัดบทสวี่ฟาง “โคมไฟมีอะไรน่าดูกัน นั่นล้วนเป็นของที่เด็กผู้หญิงชอบ”
สวี่ฟางสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย “เช่นนั้นน้องชายชอบอะไร”
หรือว่าชอบเล่นพนัน?
นึกถึงหลายวันมานี้ที่น้องชายมักจะวิ่งไปที่บ่อนพนัน หมกมุ่นมากขึ้นในทุกๆ วัน สวี่ฟางก็ร้อนใจแทบทนไม่ไหว
นางเคยขวาง เคยเกลี้ยกล่อม กระทั่งเคยด่า แต่น้องชายกลับเหมือนถูกผีเข้า เป็นตายอย่างไรก็ฟังไม่เข้าหัว
การพนันทำให้คนคนหนึ่งสูญเสียความสามารถในการไตร่ตรองได้จริงๆ หรือ
เดิมนางควรบอกบิดามารดาและผู้อาวุโส เพื่อให้พวกเขาควบคุมน้องชายที่หลงผิดให้กลับใจมาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง
แต่ว่านางทำไม่ได้
นางเชื่อใจแม่เลี้ยงที่ปากหวานก้นเปรี้ยวไม่ได้ และยิ่งไม่เชื่อท่านพ่อที่โหดเหี้ยมอำมหิต
นางถึงขั้นสามารถแน่ใจได้ว่า สองคนนั้นกำลังรอให้คนเปิดโปงเรื่องที่น้องชายหมกมุ่นในการพนันออกมาแล้วยืมโอกาสนี้ในการไล่น้องชายออกจากจวน
และน้องชายที่เลอะเลือนของนางก็ยังฝันหวานว่าจะเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์และร่ำรวยไปตลอดชีวิตอยู่!
สวี่ซียิ่งหงุดหงิดใจ “พี่ใหญ่ กระทั่งข้าชอบอะไรก็จะควบคุมด้วยหรือ พี่ใหญ่พักอยู่ที่จวนหนิงกั๋วกงตลอดปี กระทั่งจวนก็กลับมาน้อยครั้ง ข้าก็ไม่เคยจะพูดอันใด”
ในสายตาเขา ฮูหยินหนิงกั๋วกงเป็นแค่น้าซึ่งเป็นญาติห่างๆ คนหนึ่ง พี่สาวกลับวิ่งไปพักที่จวนผู้อื่นบ่อยๆ นี่ไม่ได้ทำให้ผู้อื่นขบขันว่า อยากผูกสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลอำนาจสูงกว่าหรอกหรือ
จวนฉางชุนโหวนั้นดีสู้จวนหนิงกั๋วกงไม่ได้ แม่เลี้ยงก็อาจจะไม่ได้ดีเหมือนที่เห็นภายนอก แต่อย่างไรก็เป็นครอบครัวของพวกเขา
แม้ว่าพี่สาวจะพักอยู่ที่จวนหนิงกั๋วกงตลอดก็กลายเป็นคุณหนูของจวนหนิงกั๋วกงไม่ได้ คนนอกเอ่ยถึงพวกเขาสองพี่น้อง จะนึกถึงท่านหญิงหวาหยาง บุตรสาวของขุนนางกบฏเป็นอย่างแรก
ชาติกำเนิดตั้งอยู่ตรงนั้น ลบออกไปไม่ได้ พี่สาวหลอกลวงตนเองและผู้อื่นตลอดมาเช่นนี้หมายความว่าอะไร
เมื่อได้ยินวาจาของสวี่ซี สวี่ฟางก็อึ้งไป หลังจากนั้นก็ยากจะควบคุมความเจ็บปวดในจิตใจ
น้องชายประชดนางว่า ไปผูกสัมพันธ์กับบุคคลผู้มีอิทธิพลอำนาจสูงกว่าแล้วรังเกียจครอบครัวตนเองหรือ
แต่น้องชายโง่งมของนาง ไหนเลยจะรู้ว่า หากว่าหลายปีนี้นางไม่สนิทกับฮูหยินหนิงกั๋วกง เกรงว่าจวนฉางชุนโหวคงไม่มีคุณหนูใหญ่ผู้นี้ไปนานแล้ว
พลิกตัวไปมาในค่ำคืนนับไม่ถ้วน นางลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะบอกฝันร้ายที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจกับน้องชายดีหรือไม่
แรกเริ่มน้องชายยังเยาว์วัย นางไม่กล้าพูด กลัวน้องชายเผยเบาะแสจนชักนำให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต
และในภายหลัง น้องชายโตขึ้นแล้วก็บุ่มบ่าม เอาแต่ใจ มีอะไรก็พูดตรงๆ นางจึงยิ่งไม่กล้าพูด
“ตอนที่ท่านแม่อยู่ก็สนิทกับท่านน้า ท่านน้าก็ปฏิบัติต่อพวกเราเป็นอย่างดี พวกเราสนิทกับท่านน้านิดหน่อย มีอันใดไม่ได้กัน” สวี่ฟางริมฝีปากสั่นระริกขณะถาม
สวี่ซียิ้มเยาะ “หากพี่สาวจะลากข้าไปด้วย ก็อย่าสนใจข้าเลย”
“เหตุใดข้าจะสนใจเจ้าไม่ได้ สวี่ซี ข้าเป็นพี่สาวเจ้า!”
สวี่ซีเห็นสวี่ฟางโมโหแล้วก็ยื่นมือออกไป “ในเมื่อเป็นพี่สาวข้า เช่นนั้นก็ให้เงินข้าสักหน่อยเถอะ ไม่มีเงินจะใช้แล้ว”
สวี่ฟางหน่วยตาสั่นไหว เจ็บปวดหัวใจยากจะบรรยาย
ทำไมน้องชายถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้
เมื่อก่อน แม้ว่าน้องชายจะบุ่มบ่าม ชอบเอาชนะ มักจะวิวาทกับคนอื่น แต่กลับมีความทะนงตนของตนเอง
ทว่านับตั้งแต่หมกมุ่นในการพนัน ความคิดของน้องชายนางก็บิดเบี้ยวไปแล้ว
เบื้องหน้าสวี่ฟางมีดวงหน้าหนึ่งลอยผ่าน ก็คือ หยางซื่อ แม่เลี้ยงที่มีดวงหน้าอ่อนหวาน ยิ้มแย้มตลอดปี
ความหนาวเหน็บทะลักออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ แล่นไปทั่วร่าง
หยางซื่อกำลังแก้แค้น!
ครั้งนั้นที่คุณหนูลั่วตบหน้าหยางซื่ออย่างแรง นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่มีใครกล้ารังแกน้องชายอีก หยางซื่อเห็นน้องชายใช้ชีวิตสุขสบายไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้วิธีโหดเหี้ยมและไร้ยางอายกว่าเดิมในการแก้แค้น
หยางซื่อต้องการเปลี่ยนน้องชายให้กลายเป็นผีพนันที่ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น และจมอยู่ในโคลนตม ปีนขึ้นมาไม่ได้นับแต่นี้
น้องชายจมอยู่กับบ่อนพนันลึกขึ้นเรื่อยๆ จะต้องมีสักวันที่ถูกคนมาหาถึงจวน ถึงตอนนั้น หยางซื่อจะแสร้งทำเป็นร่ำไห้ เอ่ยไม่กี่ประโยค ส่วนท่านพ่อก็จะมีเหตุผลในการไล่บุตรชายที่เกิดแต่ภรรยาเอกออกไปในที่สุด
เพื่อนบ้านก็จะถอนหายใจบอกว่า น้องชายหาเรื่องใส่ตัวเอง ถึงขั้นหัวเราะเยาะมารดาที่ลาโลกไปนานแล้วด้วย
อย่างไรเสียก็เป็นลูกท่านพ่อเหมือนกัน แต่บุตรสาวหนึ่งคนกับบุตรชายสองคนที่หยางซื่อให้กำเนิดนั้นกลับยอดเยี่ยมขนาดนั้น
สวี่ฟางข่มความกลัวในใจ ดึงข้อมือสวี่ซีเอาไว้ “น้องชาย ข้าให้เงินเจ้าได้ แต่เจ้าไม่อาจไปเล่นพนันได้อีกแล้ว…“
สวี่ซีหงุดหงิดนานแล้วจึงออกแรงสลัดมือของสวี่ฟาง “ไม่อยากให้ก็ช่างเถอะ หาเหตุผลอะไรมากมาย“
เขาหมุนตัวก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปข้างหน้า แทบอยากจะเหาะไปบ่อนทองพันชั่ง
วันนี้…วันนี้จะต้องชนะในส่วนที่แพ้ไปคืนมาให้ได้!
“น้องชาย ถือว่าข้าขอร้องเจ้า เจ้าอย่าไปอีกเลย” สวี่ฟางตามไปอย่างไม่ยอมแพ้ จับแขนเสื้อสวี่ซีเอาไว้แน่น
สวี่ซีมองนางด้วยสีหน้าเย็นชา “พี่ใหญ่ ท่านจะหยุดได้รึยัง”
ตอนเยาว์วัยทิ้งเขาไว้คนเดียว แล้ววิ่งไปจวนหนิงกั๋วกงที่มีอาหารเลิศรส อาภรณ์สวยหรู ตอนนี้รู้จักสนใจเขาแล้วหรือ
สวี่ฟางไม่มีเวลามาสนใจว่าเจ็บปวดและผิดหวังอย่างไรแล้ว นางกัดฟันเอ่ย “อย่างไรวันนี้ก็ไม่อนุญาตให้เจ้าไปอีก เจ้าไปไหน ข้าก็จะไปด้วย!”
สวี่ซียิ้มเยาะ “พี่ใหญ่โวยวายเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกพวกท่านพ่อรู้เข้าหรือ”
สวี่ฟางตะลึงนิ่งค้าง
ส่วนสวี่ซีก็ฉวยโอกาสสะบัดแขนเสื้อ เร่งฝีเท้าจากไป