ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 356 บ่อนทองพันชั่ง
ตอนที่ 356 บ่อนทองพันชั่ง
ซิ่วเย่ว์มองสวี่ฟางแล้วอดคิดไม่ได้ว่า คุณหนูใหญ่สวี่ช่างเหมือนท่านหญิงหวาหยางจริงๆ
เพียงแต่ในความทรงจำของนาง ท่านหญิงหวาหยางล้วนอิ่มเอิบสดใส แต่คุณหนูใหญ่สวี่ตรงหน้ากลับสีหน้าซีดเผือด ดูอับจนหนทาง
นางใช้เหล็กคีบมันเทศที่เผาเสร็จแล้วแต่ละลูกวางลงในตะกร้าหวายที่เตรียมไว้แต่แรก
มันเทศแต่ละลูกที่เผาจนเหลืองเกรียมแผ่ไอร้อน มีขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป
กลิ่นหอมหวานปานน้ำผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์ของมันเทศเผาแทรกเข้าไปในโพรงจมูกทันที เชิญชวนเสียจนคนต้องกลืนน้ำลาย
ฤดูหนาวในเดือนสิบสองซึ่งหนาวที่สุด ผู้คนแทบจะไม่มีแรงต้านทานอาหารทานเล่นที่หอมนุ่มหวานปานน้ำผึ้งประเภทนี้
หงโต้วรีบยื่นสองนิ้วไปหนีบขึ้นมา แล้วแยกเขี้ยว ตะโกนว่าร้อน แต่กลับยืนหยัดที่จะคว้าขึ้นมาอย่างอดทน ร้อนเสียจนโยนมันเทศไปมา
โค่วเอ๋อร์นั้นสุขุมกว่ามาก นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมารองแล้วหยิบมันเทศขึ้นมาลูกหนึ่ง
สองสาวใช้แทบจะวิ่งไปตรงหน้าลั่วเซิงแล้วเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันว่า “คุณหนู กินมันเทศเผาเจ้าค่ะ”
จากนั้นทั้งสองคนก็สบตากันแวบหนึ่งแล้วผละสายตาออกจากกันอย่างรวดเร็ว ในใจกลับคิดเรื่องเดียวกัน ‘โค่วเอ๋อร์ (หงโต้ว) ยายสาวใช้นี่แย่งชิงความโปรดปรานกับนางอีกแล้ว!’
มันเทศเผาร้อนกรุ่นสองลูกวางอยู่ตรงหน้า ลั่วเซิงไม่คิดจะเลือก แต่รับมันเทศเผามาทั้งสองลูก และยื่นหนึ่งลูกในนั้นให้สวี่ฟาง
หงโต้วเม้มปากยิ้มทันที
แม้ว่าคุณหนูจะรับมันเทศเผาของนางกับโค่วเอ๋อร์เอาไว้ทั้งคู่ แต่กลับยื่นอันของโค่วเอ๋อร์ให้กับคุณหนูใหญ่สวี่และกินอันที่นางหยิบมา
เหอะ โค่วเอ๋อร์ สาวใช้ตัวเล็กๆ เช่นเจ้ายังคิดจะชิงฐานะสาวใช้อันดับหนึ่งกับนางอีก ทำไมยังไม่ตื่นจากฝันเสียทีนะ
หลังโค่วเอ๋อร์ผิดหวังไปเสี้ยววินาทีก็เคยชินแล้วเช่นกัน
ช่างเถอะ แข่งกับสาวใช้ตัวเล็กๆ อย่างหงโต้วที่ไม่มีสมองคนนี้ทำไมกันนะ นางรู้ว่าทำไมคุณหนูใหญ่สวี่ถึงได้ว้าวุ่นใจเช่นนี้ หงโต้วล่ะรู้ไหม
ในเรื่องสำคัญ คุณหนูยังคงให้ความสำคัญกับนางมากกว่า
หงโต้วเห็นสีหน้าท่าทางของโค่วเอ๋อร์ก็เบ้ปากดูแคลน
ไม่ต้องถามก็รู้ว่า โค่วเอ๋อร์กำลังคิดอะไรอยู่
ทำไม ช่วยคุณหนูสืบข่าวเป็นเรื่องสำคัญ แล้วการช่วยคุณหนูชิงตัวชายหนุ่มรูปงามไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือ
มาเหยียดหยามอะไรมั่วซั่วกัน
ลั่วเซิงเอาหูไปนา เอาตาไปไร่กับการแข่งขันกันเงียบๆ ของสองสาวใช้นานแล้ว นางถามสวี่ฟางยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่สวี่เคยกินมันเทศเผาไหม”
ในสายตาตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ มันเทศเป็นอาหารเรียบง่าย นำออกมาแสดงไม่ได้
สวี่ฟางนึกว่า ลั่วเซิงจะถามนางว่า เหตุใดจึงวิ่งมาที่มีหอสุรา
ตอนนี้นางอึดอัดใจ ทั้งไม่รู้จะจัดการอย่างไร แทบไม่รู้ว่า ควรจะตอบคำถามนี้เช่นไร
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า คุณหนูลั่วจะถามเรื่องนี้
สวี่ฟางโล่งใจ กระทั่งมีความซาบซึ้งใจทะลักขึ้นมาในใจหลายส่วน
“เคยกิน”
หลังมารดาตายจากไป เหล่าผู้ใหญ่ล้วนพูดกันว่า นางต้องไว้ทุกข์ ไม่อนุญาตให้กินหมูเห็ดเป็ดไก่ ไม่อนุญาตให้กินข้าวขาวและบะหมี่ กระทั่งนมวัวถ้วยเล็กๆ ทุกวันยามเช้าก็หยุดไป
นางรังเกียจที่นมวัวกลิ่นแรง ทุกวันต้องให้มารดากล่อมให้ดื่ม หลังจากนั้นกลับอยากกินนมวัว อยากเสียจนนอนไม่หลับ
รอโตขึ้นหน่อย นางถึงได้เข้าใจว่า สิ่งที่นางคิดถึง ไหนเลยจะเป็นนมวัวถ้วยนั้น เป็นท่านแม่ของนางต่างหาก
ในคืนวันที่ทุกข์ทรมานยากจะทนได้ระยะนั้น มีวันหนึ่งนางเห็นสาวใช้หลายคนกินมันเทศเผาโดยไม่ได้ตั้งใจจึงดมกลิ่นหอมนั้นอยู่นานอย่างน่าสงสาร
สาวใช้หงเอ๋อร์ใช้ดอกไม้ซึ่งทำจากไข่มุกแลกกับมันเทศมาลูกหนึ่งแล้วแอบเอามาให้นางกิน
ในภายหลัง หงเอ๋อร์ถูกท่านพ่อเรียกหยาผัว[1] มาขายทิ้งไป โดยใช้ข้ออ้างว่าดูแลนางไม่รอบคอบ
สวี่ฟางยิ้มให้ลั่วเซิง “อร่อยมาก”
“เช่นนั้นคุณหนูใหญ่สวี่ก็กินตอนร้อนๆ เถอะ”
สวี่ฟางแกะเปลือกมันเทศร้อนลวกด้วยความระมัดระวัง เผยให้เห็นเนื้อสีแดงด้านใน แล้วก้มหน้ากัดคำหนึ่ง หวานนุ่มหอมอร่อย
เหมือนกับที่นางพูดกับคุณหนูลั่ว อร่อยมาก
ลั่วเซิงยืนอยู่ข้างหน้าต่างเป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่สวี่ กินมันเทศเผาเงียบๆ
ลมหิมะแผ่วเบานอกหน้าต่าง คนเดินถนนบางตา
มันเทศเผาทั้งหวานทั้งนุ่ม หลังจากรสอร่อย ไรฟันและแก้มทั้งสองด้านก็ค่อยๆ รู้สึกถึงรสชาติหอมหวาน
สวี่ฟางประคองมันเทศเผาร้อนๆ เอาไว้ กินคำเล็กๆ ทีละคำ ทันใดนั้น น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา
นางมองลั่วเซิงอย่างย่ำแย่แวบหนึ่ง ทว่าพบว่าสีหน้าอีกฝ่ายไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก
ในความสงบเยือกเย็นแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเล็กน้อย
นี่ไม่เหมือนกับคุณหนูลั่วที่ทะเลาะกับน้องชายไปถึงจวนฉางชุนโหวในวันนั้น แต่ก็เป็นคุณหนูลั่วที่นางรู้จัก
เรื่องราวในครอบครัว ไม่ควรแพร่งพรายออกนอกเรือน
สวี่ฟางเข้าใจหลักการนี้ดี แต่ในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้กลับมีความปรารถนาที่จะระบายความในใจออกมากะทันหัน
“คุณหนูลั่ว หากคนผู้หนึ่งมีนิสัยไม่ดีเช่นติดการพนัน ต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถทำให้เขาเลิกเล่นได้หรือ”
“คุณหนูใหญ่สวี่หมายถึงน้องชายของท่านสินะ”
สวี่ฟางอึ้ง
ลั่วเซิงมีสีหน้าสบายๆ “เคยเจอที่บ่อนพนัน ทว่าเขาไม่เห็นข้า”
สวี่ฟาง “…”
คุณหนูลั่วก็เล่นพนันด้วยหรือ
นางพลันเสียใจที่เอ่ยปากขึ้นมาในภายหลังเล็กน้อยแล้ว
หลังจากนี้คุณหนูลั่วคงไม่ตามน้องชายไปเป็นขาไพ่ด้วยหรอกนะ
นึกถึงความเป็นไปได้นี้ จู่ๆ สวี่ฟางก็รู้สึกว่า มันเทศเผาในมือไม่ได้หวานขนาดนั้นแล้ว
ลั่วเซิงรับรู้ความคิดของสวี่ฟางก็โค้งริมฝีปากยิ้ม “ความอยากรู้อยากเห็นข้ามีมาก อะไรก็ล้วนอยากไปดูสักหน่อย…การเล่นพนันทำร้ายคนไม่น้อย วันนั้นยังเห็นคนถูกตัดนิ้วไปหนึ่งนิ้วเพราะไม่มีเงินคืนหนี้พนันด้วย”
“คุณหนูใหญ่สวี่?”
สวี่ฟางคว้าข้อมือลั่วเซิงเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “คุณหนูลั่ว น้องชายข้าเสพติดการพนัน ท่านช่วยข้าคิดหาวิธีให้เขากลับใจหันมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้หรือไม่”
ความระมัดระวัง อดทนและรอบคอบเหล่านั้นของนางกลับไร้หนทางแก้ปัญหาในยามที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ของน้องชาย
ส่วนคุณหนูลั่ว อาจจะทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้งเอาไว้ในครั้งที่ทำให้ท่านพ่อกับแม่เลี้ยงเสียเปรียบ นางรู้สึกแปลกๆ ว่า คุณหนูลั่วเป็นคนที่มีวิธีการคนหนึ่ง
เพียงแต่การขอความช่วยเหลือแบบนี้ของนางออกจะเสียมารยาทอยู่บ้าง
ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้สิ”
แม้ว่าสวี่ฟางจะไม่มาขอความช่วยเหลือ นางก็จะเข้าไปยุ่งอยู่แล้ว และในวันนี้มีสวี่ฟางเอ่ยปาก จึงยิ่งสามารถกระทำเรื่องราวได้สมเหตุสมผลกว่าเดิม
ลั่วเซิงรับปากรวดเร็วเกินไป ทำให้สวี่ฟางอึ้ง สงสัยไปชั่วขณะว่า อีกฝ่ายได้ยินไม่ชัดเจนใช่หรือไม่
“ข้าสามารถช่วยเหลือคุณหนูใหญ่สวี่ในเรื่องนี้ได้ ขอแค่คุณหนูใหญ่สวี่ไม่เสียใจ” ลั่วเซิงมองสวี่ฟาง พลางเอ่ย
สวี่ฟางพยักหน้าอย่างไม่ลังเลสักนิด “ข้าไม่เสียใจ!”
ขอแค่สามารถทำให้น้องชายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ได้รับบทเรียน จะนับเป็นอะไรได้
นางไม่ได้เลอะเลือนขนาดนั้น
ลั่วเซิงยิ้มน้อยๆ พยักหน้า มองหิมะที่ปลิวว่อนอยู่นอกหน้าต่าง พลางเอ่ยเสียงเบา “เช่นนั้นคุณหนูใหญ่สวี่ก็รอเถอะ”
ในบ่อนทองพันชั่ง ครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
คนที่ชื่นชอบการพนันไม่มีทางถูกสภาพอากาศที่เลวร้ายหยุดความกระตือรือร้นในการมาบ่อนพนันได้
เงินทองใช้หมดแล้ว เดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่ ย่อมมีคนที่ดีใจลิงโลดและมีคนสิ้นหวัง
ในมุมหนึ่งซึ่งไม่สะดุดตา สวี่ซีสีหน้าซีดเผือด เหงื่อนเย็นไหลโทรมกาย “ไม่มีทาง ไม่มีทาง…”
ทำไมถึงแพ้อีกแล้ว!
คนที่มาเล่นด้วยกันนั้นหงุดหงิดใจนานแล้ว “ทำไม เล่นได้ แต่แพ้ไม่ได้หรือ”
“ใครแพ้ไม่ได้กัน มาอีกรอบ!” สวี่ซีตะคอก นัยน์ตาแดงฉาน
“อีกรอบหรือ” ผู้พูดคือชายมีตาสามเหลี่ยมคนหนึ่ง “อีกรอบก็ได้นะ แต่ท่านคืนเงินที่ติดค้างเอาไว้ก่อนเถอะ ใช่แล้ว ติดค้างอยู่เท่าไรนะ”
เด็กหนุ่มที่อยู่อีกด้านยิ้มระรื่น “ห้าพันตำลึง”
ตาสามเหลี่ยมตบบ่าสวี่ซี “ได้ยินไหม ห้าพันตำลึงเงิน คืนครบแล้ว พวกเราค่อยเล่นกันอีกรอบ”
ห้าพันตำลึงหรือ
สวี่ซีคล้ายกับถูกคนฟาดด้วยไม้พลองแสกหน้า ศีรษะจะระเบิดแล้ว
ทำไมถึงได้เป็นห้าพันตำลึงกัน?
“พวกเจ้า พวกเจ้าพูดเหลวไหล…”
“พูดเหลวไหลหรือ” ตาสามเหลี่ยมตบหลักฐานการยืมเงินซึ่งมีการลงนามของลูกหนี้ลงตรงหน้าสวี่ซีแล้วยิ้มน่ากลัว “เจ้าหนุ่ม เจ้าเบิกตาอ่านดู สิ่งเหล่านี้เป็นเจ้าที่ลงนามด้วยตนเองใช่หรือไม่!”
[1] หยาผัว คือ ผู้หญิงซึ่งมีอาชีพจัดหามนุษย์ไม่ว่าหญิงหรือชาย มาฝึกอบรมให้เหมาะแก่ ลูกค้าที่ต้องการแรงงานทาส หรือใช้เป็นเมียน้อย ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ต้องการ หญิงเป็นเมียน้อย