ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 362 ข้าคิดว่า
ตอนที่ 362 ข้าคิดว่า
ลมหนาวพัดมาระลอกหนึ่ง ม้วนเอาเกล็ดหิมะกระทบบนใบหน้าฉางชุนโหว
เพลิงโทสะพวยพุ่งจากใจขึ้นสู่สมอง
อันธพาลหลายคนนี้เห็นจวนฉางชุนโหวเป็นลูกพลับนิ่มที่บีบได้ง่ายๆ [1]จริงๆ หรือ!
ตาสามเหลี่ยมไม่ได้ถูกสีหน้าย่ำแย่ของฉางชุนโหวทำให้ตกใจจนล่าถอย “ท่านโหว พวกข้าน้อยไม่ได้โวยวายไร้เหตุผลนะขอรับ ท่านคิดดู หากไม่ใช่ข้ารับใช้จวนท่านตามมาแย่งเงินของพวกข้าน้อย ขอทานเด็กคนหนึ่งจะสามารถแย่งกล่องเงินนั้นหนีไปได้หรือ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้! ตอนนี้ห้าพันตำลึงเงินนั่นไม่มีแล้ว ขอทานนั่นก็หาไม่เจอ จวนโหวควรจะรับผิดชอบความเสียหายนี้ใช่หรือไม่ อย่างไรเสีย หากไม่มีข้ารับใช้จวนโหวปล้นทรัพย์ ก็ไม่มีขอทานเด็กที่ฉวยโอกาสในช่วงชุลมุน…”
ตาสามเหลี่ยมเริ่มพูดพร่ำอีกแล้ว
คนที่มุงดูได้ยิน ก็คล้ายจะรู้สึกว่ามีเหตุผลมาก…
ฉางชุนโหวถามเน้นทีละคำ “ความหมายของเจ้าก็คือ ให้จวนโหวจ่ายอีกห้าพันตำลึงเงินหรือ”
ตาสามเหลี่ยมรีบโบกมือ “ไม่ใช่ให้จวนโหวจ่ายอีกห้าพันตำลึงเงิน แต่สมควรจะจ่ายถึงจะถูกต้อง จวนโหวชดเชยความเสียหายให้กับพวกข้าน้อย ข้ารับใช้จวนโหวปล้นทรัพย์กลางถนนเรื่องนี้ถึงจะผ่านไปได้ ท่านโหวว่าใช่หรือไม่”
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของผู้คน ฉางชุนโหวดวงหน้าฉาบไปด้วยน้ำค้างแข็ง หมดวาจาจะกล่าวไปชั่วขณะ
จัดการกับอันธพาลไม่กี่คนนั้นแน่นอนว่าไม่ยาก แต่มีคนมองดูอยู่มากมายขนาดนี้ เพื่อปิดปากคนเหล่านี้ จึงมีบางวาจาที่ไม่สะดวกจะกล่าวออกมา
ตาสามเหลี่ยมกลอกนัยน์ตารอบหนึ่ง กวาดไปถึงร่างหัวหน้าทหารจึงยิ้มระรื่น เอ่ยว่า “แน่นอนว่า พวกข้าน้อยก็มีส่วนต้องรับผิดชอบที่ปกป้องกล่องเงินเอาไว้ไม่ได้ และหากไม่มีใต้เท้าเหล่านี้ พวกข้าน้อยรักษากล่องเงินเอาไว้ไม่ได้นั้นไม่ต้องพูดถึง ไม่แน่ว่า กระทั่งชีวิตก็คงเสียไปด้วยแล้ว เอาแบบนี้แล้วกันขอรับ เงินห้าพันตำลึงที่จวนโหวออกก้อนนี้ พวกข้าน้อยจะแบ่งกับเหล่าใต้เท้าคนละครึ่งอย่างเท่าเทียม”
เหล่าทหารที่เดิมเตรียมกุมตัวผู้ดูแลและข้ารับใช้ของจวนโหวกลับศาลาว่าการ นัยน์ตาเปล่งประกายทันที
ห้าพันตำลึงเงินแบ่งกันอย่างเท่าเทียม นั่นก็คือสองพันห้าร้อยตำลึง!
สองพันห้าร้อยตำลึงเลยนะ ดีร้ายแบ่งกันนิดหน่อย ก็เท่ากับเงินเดือนพวกเขาหลายปีเลย
ฉางชุนโหวเห็นใต้เท้าของทหารหน่วยหนึ่งคล้ายกับมีรากงอกอย่างชัดเจน สายตาที่มองมาทางเขาก็เร่าร้อนเป็นพิเศษ
ความเร่าร้อนนี้ทำให้ฉางชุนโหวหวาดกลัวแล้ว เขามองไปทางตาสามเหลี่ยมด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
ตาสามเหลี่ยมยืนอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งจั้ง[2] ใบหน้าประดับรอยยิ้มขบขัน แววตามุ่งมั่น
ความหนาวเหน็บผุดขึ้นในใจฉางชุนโหว นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง เบื้องหลังอันธพาลหลายคนนี้มีใครคอยชี้นำอยู่หรือไม่
ไม่ว่าจะตระกูลไหน ห้าพันตำลึงก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แม้ว่าอันธพาลหลายคนนี้จะก่อความวุ่นวายต่อหน้าผู้คน เขาก็ไม่อยากนำออกมา
แต่อันธพาลหลายคนนี้เอ่ยประโยคเดียวก็ดึงคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองให้มาอยู่ข้างเดียวกันได้
ทรัพย์สินเงินทองทำให้จิตใจคนหวั่นไหว เงินตกลงมาอย่างไม่มีเหตุผลก้อนหนึ่ง ใครจะผลักทิ้งกัน
คนของจวนโหวก็อยู่ในมือทหารเหล่านี้ พาไปถึงศาลาว่าการแล้ว จะตัดสินคดีอย่างไรล้วนมีช่องทาง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่นำเงินก้อนนี้ออกมาได้หรือ
ประโยคเดียวของอันธพาลตัวจ้อยบีบให้เขาจำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนนี้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนชั้นต่ำไม่กี่คนนี้จะมีหัวสมองคิดเรื่องนี้ได้
ตาสามเหลี่ยมหัวเราะเหอะๆ พลางเร่ง “ท่านโหว ท่านดูสิขอรับ พวกข้าน้อยก็รอกันนานขนาดนี้แล้ว ไม่สู้นำเงินออกมาให้จบเรื่องไป เหล่าสหายยังรอไปบ่อนทองพันชั่งอยู่นะขอรับ”
ฉางชุนโหวมองไปทางหัวหน้าทหาร
หัวหน้าทหารมองเขาด้วยสีหน้ารอคอย
ฉางชุนโหวรู้สึกเพียงความขุ่นมัวติดขัดอยู่บริเวณทรวงอก ขึ้นไม่ได้ ลงไม่ได้ ติดขัดเสียจนเขาหายใจไม่ออก
แต่แม้ว่าจะเจ็บปวดใจเสียจนโลหิตหลั่งริน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กันต่อไปแบบนี้บนถนน
ฉางชุนโหวค่อยๆ สูดหายใจ สั่งข้ารับใช้ “ไปบอกกับฮูหยินว่า เบิกตั๋วเงินห้าพันตำลึงมา”
ตาสามเหลี่ยมมีความสุข ประสานมือคารวะฉางชุนโหว “ท่านโหวช่างมีคุณธรรมจริงๆ นะขอรับ”
ทหารหน่วยหนึ่งก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
หัวหน้าทหารอดกวาดตามองไปทางกลุ่มคนแวบหนึ่งไม่ได้
ในกลุ่มคน เด็กสาวในเสื้อคลุมสีเขียวทั้งร่างคล้ายกับต้นสนที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหิมะต้นหนึ่ง เยือกเย็นและสงบนิ่ง
เดิมหัวหน้าทหารเห็นดวงหน้างามหยาดเยิ้มดวงนี้แล้วก็ปวดหัว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าน่ามองยิ่งนัก
สองพันห้าร้อยตำลึงเงินเลยนะ!
หยางซื่อซึ่งรออยู่ในห้องโถงกำลังกระวนกระวายใจก็ได้ข่าวเรื่องเบิกเงินห้าพันตำลึงเงิน
หยางซื่อมึนงงทันที
นี่คือห้าพันตำลึงเชียวนะ ไม่ใช่ห้าสิบตำลึง ห้าร้อยตำลึง หากนำออกไปอีก กระทั่งเงินฉลองปีใหม่ก็ไม่มีแล้ว!
“ฮูหยิน ท่านโหวยังรออยู่นะขอรับ”
หยางซื่อค่อยๆ ได้สติขึ้นมา ริมฝีปากสั่นระริกสั่งให้บ่าวเฒ่าคนสนิทไปเบิกเงินมา
นอกประตูใหญ่ ตาสามเหลี่ยมยืดคอมองไปข้างในตลอด ไม่ปิดบังสีหน้าอดรนทนไม่ไหวเลยแม้แต่น้อย
ฉางชุนโหวเห็นแล้วก็หงุดหงิดใจ ตัดสินใจเบนสายตาออกไปแทน
เขาเห็นสวี่ซี
สวี่ซีอดตัวแข็งค้างไม่ได้ จากนั้นก็เห็นฉางชุนโหวมองไปทางอื่นอย่างเฉยเมย
เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น หัวใจดวงหนึ่งหนาวเหน็บโดยสมบูรณ์
หลังจากฉางชุนโหวมองไปทางอื่นก็ถึงคราวที่เขาแข็งทื่อไปทั้งร่างบ้าง
เด็กสาวที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกท่ามกลางกลุ่มคนนั้นคือใคร
ลั่วเซิงเห็นว่าฉางชุนโหวสังเกตเห็นนางแล้วก็ยิ้มบางๆ
ฉางชุนโหวมุมปากกระตุก
ไม่ได้ตาฝาด เป็นคุณหนูลั่วจริงๆ!
หัวใจที่เดิมเจ็บปวดใจเพราะเงินก้อนนั้นพลันบีบรัดขึ้นมาทันที ลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ทำไมนางมารผู้นี้ถึงมาก่อความวุ่นวายอยู่ที่นี่ได้ คงไม่ได้คิดอะไรแผลงๆ ออกมาอีกหรอกนะ
ไม่หรอก เงินเขาก็ให้ไปแล้ว ยังจะก่อเรื่องอะไรได้อีก
อีกอย่าง เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณหนูลั่วด้วย!
ฉางชุนโหวคิดเรื่องเหล่านี้ กระทั่งข้ารับใช้ไปแล้วกลับมาก็ไม่ทันสังเกตไปชั่วขณะ
“ท่านโหวขอรับ” ข้ารับใช้เอ่ยเรียก
ฉางชุนโหวได้สติคืนมา เอ่ยเสียงเย็นว่า “ให้เขาไป!”
ข้ารับใช้ยื่นกล่องขนาดเล็กใบหนึ่งไปให้
ฉางชุนโหวมองกล่องเงิน เริ่มเจ็บปวดใจอีกครั้งแล้ว
กล่องเงินแบบเดียวกันกล่องหนึ่ง เพิ่งจะมอบให้คนพวกนี้ไปไม่นานก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ให้ออกไปอีกหนึ่งกล่อง ไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องจัดการอันธพาลหลายคนนี้ให้ตายแน่นอน!
ตาสามเหลี่ยมรับกล่องเงินมา หยิบตั๋วเงินออกมานับดูรอบหนึ่งแล้วยื่นให้หัวหน้าทหาร “ใต้เท้า ท่านเก็บไว้ให้ดีนะขอรับ”
หัวหน้าทหารรีบสอดตั๋วเงินใส่ไว้ในอ้อมแขนทันที ทั่วร่างแข็งเกร็งขึ้นมา “ไป!”
เงินมากขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารก็อาจจะถูกคนลงมือทำร้ายได้เช่นกัน ดังนั้นรีบกลับศาลาว่าการแบ่งเงินแต่เนิ่นๆ ถึงจะปลอดภัย
แน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาเหล่านี้จะฮุบเอาไว้เป็นของตนเอง ต้องมอบให้เบื้องบนผู้เป็นลูกพี่ใหญ่ก่อน
พวกตาสามเหลี่ยม อันธพาลหลายคนนั้นหนีไปไวยิ่งกว่า พริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาคนแล้ว
เหล่าผู้คนเห็นว่าไม่มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วก็ถอนหายใจเหมือนยังไม่หนำใจ แล้วเตรียมตัวแยกย้ายกันไป
วันที่อากาศหนาวเช่นนี้ สมควรจะกลับไปกินมันเทศเผาที่บ้านแล้ว
ฉางชุนโหวก้าวเท้าเดินไปด้านในด้วยใบหน้าเย็นชา
ตอนนี้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ท่านโหวอย่าเพิ่งรีบร้อนจากไปเจ้าค่ะ”
ฉางชุนโหวชะงักเท้า หมุนตัวกลับมา
คนที่กำลังจะแยกย้ายพลันมองตามเสียงไปทันที
ดูสิว่าพวกเขาเห็นใคร ถึงกับเป็นคุณหนูลั่ว!
คราวนี้จึงไม่รู้สึกว่าหนาวแล้วและยิ่งไม่อยากกินมันเทศเผาแล้วเช่นกัน ดูเรื่องสนุกนั้นสำคัญที่สุด
“ท่านโหวยังจำข้าได้สินะเจ้าคะ” ลั่วเซิงอมยิ้ม
ฉางชุนโหวอดกลั้นความหงุดหงิด พลางถาม “คุณหนูลั่วมีธุระอะไรหรือ”
ลั่วเซิงนัยน์ตาเปล่งประกายเล็กน้อย เอ่ยด้วยวาจาและท่าทางของคนที่ชมดูเรื่องสนุกอย่างแท้จริง “ข้าตรึกตรองเล็กน้อย ก็มีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ผู้ดูแลจวนท่านส่งคนไปไล่ตามเงินกลับมา ท่านโหวกับฮูหยินล้วนไม่รู้เรื่องหรือเจ้าคะ”
ฉางชุนโหวสีหน้าบึ้งตึง “คุณหนูลั่วหมายความว่าอะไร”
ลั่วเซิงยิ้มๆ “ห้าพันตำลึงเลยนะ หากว่าตามกลับมาได้ ผู้ดูแลจวนโหวกล้าฮุบไว้คนเดียวหรือ หากท่านโหวไม่รู้เรื่องจริงๆ แล้วล่ะก็ ไม่สู้ไปถามฮูหยินโหวดูสิเจ้าคะ ข้าคิดว่านางจะต้องรู้อย่างแน่นอน”
[1] ลูกพลับนิ่มที่บีบได้ง่ายๆ เปรียบเปรยถึง คนอ่อนแอที่ถูกรังแกได้ง่ายๆ
[2] จั้ง เป็นมาตราวัดของจีน 1 จั้งเท่ากับ 10 ฉื่อ หรือ 3.33 เมตร