ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 364 ไปหาเงิน
ตอนที่ 364 ไปหาเงิน
เมื่อเผชิญหน้ากับหลายคนที่ล้อมวงให้แคบลงเรื่อยๆ สวี่ซีก็เกร็งเครียดไปทั้งร่าง เขากัดฟันเอ่ยว่า “ก็แค่แปดร้อยตำลึง ข้าจะคืน”
“จะคืนหรือ” คนที่เป็นหัวหน้าหัวเราะฮิฮิ “คุณชายใหญ่สวี่จะคืนนั้นดียิ่ง”
เขายื่นมือไปตรงหน้าสวี่ซี “เช่นนั้นก็อย่าเสียเวลาอีกเลย คุณชายใหญ่สวี่คืนหนี้พนัน พวกข้าน้อยจะได้รีบกลับไปทำงานที่บ่อนทองพันชั่ง”
คนทวงหนี้รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน มือที่แบออกตรงหน้าสวี่ซีข้างนั้นประหนึ่งพัดซึ่งทำจากต้นปาล์มเก่าๆ อันหนึ่ง
สวี่ซีสูดลมหายใจลึก “ตอนนี้ข้าไม่มีเงิน พวกเจ้าให้เวลาข้าอีกหน่อย”
หลายคนมองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะขึ้นมา
คนที่มือเหมือนพัดตบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มอย่างแรง แสร้งเอ่ยยิ้มๆ ว่า “คุณชายใหญ่สวี่กำลังล้อเล่นสินะ หากตอนนี้ท่านไม่มีเงิน หลังจากนี้จะมีได้อย่างไร นำเงินที่จวนโหวไล่ท่านออกมาไปชนะพนันเพิ่มที่บ่อนทองพันชั่งหรือ”
คนผู้หนึ่งนัยน์ตาเปล่งประกาย “ใช่แล้ว จวนฉางชุนโหวไล่คุณชายใหญ่สวี่ออกจากตระกูล ย่อมให้เงินเขาแน่นอน!”
คนซึ่งเป็นผู้นำส่งสายตาให้สหาย
หลายคนเขยิบเข้ามา แย่งห่อผ้าที่สะพายอยู่บนแขนของสวี่ซีไป
“พวกเจ้าปล้นทรัพย์!” สวี่ซีปกป้องห่อผ้าสุดชีวิต ตะโกนเสียงดัง
คนที่มุงดูล้วนยืนนิ่งไม่ขยับ
หากประสบกับการปล้นทรัพย์จริงๆ จะมีชายกำยำยื่นมือเข้าช่วยเหลือหรือผู้คนเข้าไปพร้อมกัน จัดการคนชั่วที่ปล้นทรัพย์กลางวันแสกๆ จนหน้าตาบวมช้ำและหมดสภาพ
แต่เหตุการณ์ตรงหน้าไม่ใช่แบบนั้นนี่
ควบคุมมือตนเองไม่ได้ ไปติดหนี้พนัน หากคนในครอบครัวตนเองยังไม่สนใจ ทำไมผู้อื่นจะต้องช่วยด้วย
ก็แค่คุณชายใหญ่สวี่อายุยังน้อย เห็นแบบนี้แล้วก็น่าสงสารหลายส่วน หากว่าเปลี่ยนเป็นผีพนันแบบนั้น มีแต่คิดจะถุยน้ำลายใส่แล้วสมน้ำหน้าเท่านั้น
ภายใต้สายตาผู้คนที่มองดูอยู่เงียบๆ สวี่ซีไหนเลยจะสู้ชายกำยำหลายคนนี้ได้ ห่อผ้าที่ปกป้องไว้ด้านหน้าสุดชีวิตถูกคนผู้หนึ่งแย่งไปได้ในพริบตา
“พี่ใหญ่” คนผู้นั้นยื่นห่อผ้าไปให้คนที่เป็นหัวหน้า
คนที่เป็นหัวหน้ามองเด็กหนุ่มที่ถูกชายกำยำหลายคนกดเอาไว้แน่นก็แสยะยิ้ม เปิดห่อผ้าออก
เสื้อผ้าหลายชุด กับถุงเท้าและรองเท้าร่วงลงมา นอกจากนั้นก็มีถุงผ้าดิ้นลายปักสีฟ้าไพลินใบหนึ่งสะดุดตายิ่งเมื่ออยู่บนพื้นหิมะ
คนที่เป็นหัวหน้าเก็บถุงผ้าขึ้นมาทันทีแล้วยิ้มตื่นเต้น “ข้าขอดูหน่อยสิว่า จวนโหวจะมอบเงินตั้งหลักให้คุณชายใหญ่สวี่เท่าใด”
สวี่ซีตะลึงมองถุงผ้าซึ่งทำจากผ้าเนื้อดียิ่งใบนั้น
เขาก็ไม่รู้ว่าข้างในมีเงินเท่าใด หลังถูกไล่ออกจากตระกูลมาก็ไม่มีเวลาเปิดดู
ทว่าคืนหนี้พนันแปดร้อยตำลึงนั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
สวี่ซีนึกถึงวาจาที่คนเหล่านั้นเอ่ยกับเขาหลังจากแพ้พนันเสียเงินไปครั้งแรก ‘ขัดสนเรื่องเงิน ก็ยืมบ่อนพนันสิ สะดวกจะตาย ท่านเป็นคุณชายตระกูลโหว ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินสิบกว่าตำลึงด้วยหรือ’
สิบตำลึงแล้วสิบตำลึงเล่าจนถึงแปดร้อยตำลึง บ่อนพนันก็ไม่ให้เขายืมอีก แต่ก็ไม่ได้เร่งให้เขาคืนเงินเช่นกัน
และหลังจากนั้น เขาก็เขียนสัญญากู้ยืมเงินใบแล้วใบเล่ากับเพื่อนซึ่งเป็นขาไพ่
แม้ว่าท่านพ่อจะผิดหวังในตัวเขาอย่างยิ่งยวด แต่จะไม่ให้เขาแม้กระทั่งแปดร้อยตำลึงเลยหรือ
สวี่ซีจ้องมือใหญ่เหมือนพัดข้างนั้นหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่ง รวมถึงเศษเงินออกมาจากถุงผ้าตาไม่กะพริบ
คนเป็นหัวหน้านับเงินต่อหน้าผู้คนโดยไม่หลบเลี่ยงเลยสักนิดเดียว
สีหน้าของสวี่ซีซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนที่เขารายงาน
คนเป็นหัวหน้านับเสร็จ แววตาที่มองไปทางเด็กหนุ่มก็เจือไปด้วยความเห็นอกเห็นใจหลายส่วน ส่งเสียงจุ๊ๆ ถอนหายใจเอ่ย “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า จวนโหวผู้มีเกียรติไล่คุณชายใหญ่สวี่ออกจากตระกูล จะใช้เงินห้าร้อยตำลึงในการไล่ออกมา”
คนผู้หนึ่งก็เอ่ยเสริมว่า “นั่นสิ สำหรับพวกเราที่เป็นชาวบ้านทั่วไป ห้าร้อยตำลึงเป็นเงินก้อนโตก้อนหนึ่ง แต่สำหรับจวนโหวที่ขยับไม่ขยับก็นำเงินออกมาได้หนึ่งหมื่นตำลึงจะนับเป็นอะไรได้ นี่ไม่ใช่การไล่ขอทานหรอกหรือ”
คนที่มุงดูก็วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปหนึ่งออกมา เสื้อผ้า ถุงเท้าและรองเท้ากับเงินพกติดตัวไม่มีทางเป็นสิ่งที่ฉางชุนโหวที่เป็นบุรุษผู้หนึ่งจัดเตรียม จะต้องเป็นการจัดการของฮูหยินโหวแน่นอน ว่าแล้วเชียวว่ามีแม่เลี้ยงก็มีพ่อเลี้ยงด้วย
เมื่อมองแบบนี้แล้ว คุณหนูลั่วพูดไม่ผิดเลยสักนิดเดียว เป็นฮูหยินฉางชุนโหวที่สั่งให้ข้ารับใช้ไปทวงเงินกลับมา
ในกลุ่มคนมีคนของจวนฉางชุนโหวปะปนอยู่สองคน เมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ หนึ่งในนั้นก็วิ่งตรงไปยังจวนโหวทันที
ฉางชุนโหวสั่งให้คนติดตามสวี่ซีไปเงียบๆ ไม่ได้เป็นกังวลว่า จะตกตระกำลำบากหลังถูกไล่ออกจากตระกูล แต่เป็นการสังเกตความเคลื่อนไหว
“ท่านโหว คนของบ่อนทองพันชั่งล้อมคุณชายใหญ่เอาไว้ เพื่อทวงหนี้พนันกับเขาขอรับ” ข้ารับใช้ที่รีบวิ่งมาหอบหายใจขณะรายงานสถานการณ์
ฉางชุนโหวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พลางกัดฟันเอ่ย “เจ้าลูกทรพีนั่นยังมีหนี้พนันอีกหรือ”
“ขอรับ คุณชายใหญ่ยังติดเงินบ่อนทองพันชั่งอีกแปดร้อยตำลึงเงิน…”
“ไม่มีคุณชายใหญ่อะไรนั่น!” ฉางชุนโหวตัดบทข้ารับใช้อย่างโมโห
ข้ารับใช้รีบเปลี่ยนคำเรียกทันควัน “สวี่ต้าหลางติดเงินบ่อนทองพันชั่งแปดร้อยตำลึงเงิน คนของบ่อนทองพันชั่งแย่งห่อผ้าของสวี่ต้าหลางไป ในถุงผ้ามีห้าร้อยตำลึงเงิน…”
ฉางชุนโหวขมวดคิ้ว หลุดปากออกมาว่า “มีแค่ห้าร้อยตำลึงหรือ”
เมื่อเห็นฉางชุนโหวเผยสีหน้าสงสัย ข้ารับใช้ก็รีบรับรอง “คนของบ่อนทองพันชั่งนับเงินต่อหน้าผู้คน ตั๋วเงินรวมทั้งหมดห้าร้อยตำลึง ยังมีเศษเงินอีกไม่กี่ตำลึงขอรับ”
ฉางชุนโหวมีสีหน้าไม่น่ามอง
สิ่งที่สวี่ซีนำไปด้วยล้วนมีหยางซื่อเป็นผู้จัดเตรียม เขานึกว่าอย่างน้อยจะมีหนึ่งพันตำลึงเงิน
หยางซื่อผู้นี้!
ชั่วขณะหนึ่ง ดวงหน้าอ่อนโยนและระมัดระวังก็กลายเป็นเลือนรางขึ้นมา
ฉางชุนโหวมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจรางๆ เขาคล้ายจะไม่เข้าใจญาติผู้น้องคนนี้เลย
“ท่านโหว สวี่ต้าหลางยังขาดอีกสามร้อยตำลึง…”
“ไม่ต้องสนใจเขา! จับตาดูต่อไป มีข่าวใหม่ก็กลับมารายงานทันที”
ข้ารับใช้รีบร้อนจากไป ฉางชุนโหวสีหน้าไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด
คนที่มีอายุเท่าเขา ย่อมรู้ดีว่า บ่อนการพนันไร้ความปรานีนั้นน่ากลัวเพียงใด แต่เงินก้อนนี้ จวนโหวไม่สามารถนำออกมาได้
ทุกคนล้วนรู้ว่า สวี่ซีถูกขับไล่ออกจากจวนโหว หากเขานำเงินก้อนนี้ออกมา หลังจากนี้สวี่ซีทำเรื่องใดๆ ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับจวนโหว
อันตรายที่ซ่อนอยู่นั้นรุนแรงยิ่ง
แต่แม้ว่าจะตัดสินใจเช่นนี้แล้ว เมื่อนึกถึงสิ่งที่สวี่ซีต้องเผชิญ ฉางชุนโหวก็อดที่จะสงสารหลายส่วนไม่ได้
เขาเปลี่ยนความรู้สึกสงสารหลายส่วนนี้เป็นความโมโหที่มีต่อหยางซื่ออย่างรวดเร็ว
หากนังแพศยานั่นเตรียมเงินให้สวี่ซีมากกว่านี้หน่อย ทำไมจะต้องทำให้เขาลำบากใจด้วย!
ไม่พูดถึงความรำคาญที่ฉางชุนโหวมีต่อหยางซื่อหยั่งลึกลงไปอีกขั้น ทางถอยของสวี่ซีก็ถูกชายกำยำหลายคนขวางเอาไว้โดยสมบูรณ์แล้วเช่นกัน
คนที่เป็นผู้นำเก็บตั๋วเงินเรียบร้อยแล้วก็โยนเศษเงินไม่กี่เหมากลับไปในอ้อมแขนสวี่ซี
“พวกเราก็ไม่ใช่คนที่จะกำจัดคนให้สิ้นซาก เงินหลายเหมานี้ทิ้งไว้ให้คุณชายใหญ่สวี่ซื้อหมั่นโถวกิน แต่คุณชายใหญ่สวี่ต้องพูดให้ชัดเจนว่า จะคืนสามร้อยตำลึงที่เหลืออย่างไร”
สวี่ซีกัดริมฝีปากแน่น “ข้า…จะพยายามหางานทำให้ได้เร็วที่สุด”
คนที่เป็นผู้นำขบขัน “คุณชายใหญ่สวี่ช่างเป็นคุณชายสูงศักดิ์ที่ไม่รู้จักความทุกข์ทรมานบนโลกมนุษย์จริงๆ ท่านรู้ไหมว่า งานทั่วไปเดือนหนึ่งได้เงินเท่าใด”
สวี่ซีถูกถามจนอึ้งไป
เขาไม่รู้
ตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้าและค่าใช้จ่าย เขาล้วนไม่เคยได้รับความยากลำบาก
คนที่เป็นหัวหน้ายื่นชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “หนึ่งเดือนได้สองตำลึงก็เป็นงานที่ไม่เลวแล้ว คุณชายใหญ่สวี่คำนวณดูสิว่า ต้องใช้เวลาเท่าใด ถึงจะคืนสามร้อยตำลึงได้หมด”
สวี่ซีไม่ต้องคำนวณก็หนาวเหน็บไปทั่วร่างแล้ว
คนเป็นหัวหน้าพลันหัวเราะ “แต่ว่านะ คุณชายใหญ่สวี่มีข้อดีอยู่ ไม่แน่ว่าจะสามารถทำเงินสามร้อยตำลึงได้จริงๆ นะ”
สวี่ซีมองอีกฝ่ายอย่างมึนงง
คนเป็นผู้นำโบกมือครั้งหนึ่ง “สหาย พาคุณชายใหญ่สวี่ไปส่งฝั่งตรงข้ามของบ่อนพนันเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงิน!”