ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 366 ซื้อขาย
ตอนที่ 366 ซื้อขาย
สือเยี่ยนย้อนกลุ่มคนออกไป ประหนึ่งมัจฉาที่แหวกว่ายอย่างว่องไว
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องวิ่งกลับไปที่จวนไคหยางอ๋อง แค่ตรงไปที่หอสุราก็พอแล้ว
มองเห็นธงสุราสีเขียวโบกสะบัดรับลมหิมะ รวมถึงบุคคลถือร่มสีเขียวซึ่งยืนอยู่เดียวดายได้จากที่ไกลๆ
สือเยี่ยนเห็นแล้วก็รีบเร่งฝีเท้า เหยียบหิมะหนาไถลไปตรงหน้าเว่ยหาน
เว่ยหานขมวดคิ้วมองเขา
สือเยี่ยนพ่นไอสีขาวออกมา “นายท่าน ท่าไม่ดีแล้วขอรับ!”
“ทำไมหรือ” เว่ยหานถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ใจกลับรู้สึกกังวลอย่างอดไม่ได้
“คุณหนูลั่วไปหอคณิกาชายแล้วขอรับ!” สือเยี่ยนเอ่ยประเด็นสำคัญออกมาทันที
มือที่ถือร่มของเว่ยหานกำแน่น
เมื่อครู่เขาเข้าไปแล้วไม่เห็นคุณหนูลั่ว ผู้ดูแลหญิงไม่ได้พูดแบบนี้ นางบอกว่า คุณหนูลั่วไปดูเรื่องสนุกแล้ว
ในห้องโถงใหญ่ว่างเปล่า มีเพียงแค่กลิ่นมันเทศเผา
เขาถึงได้ออกมา ตั้งใจจะไปดูที่จวนฉางชุนโหวสักหน่อย
“หอคณิกาชายตรงข้ามบ่อนทองพันชั่งหรือ” เว่ยหานขมวดคิ้วถาม เท้าก้าวตรงไปทิศทางนั้นโดยไม่รู้ตัว
“ใช่แล้วขอรับ คุณชายใหญ่สวี่ถูกขายเข้าไปหอคณิกาชายแล้ว…” พอสือเยี่ยนหายใจคล่องแล้วก็เอ่ยถึงต้นสายปลายเหตุ
เว่ยหานฟังเงียบๆ ปล่อยให้หิมะร่วงหล่นบนร่มไม่น้อย
“คุณหนูลั่วเห็นหลายคนนั้นลากคุณชายใหญ่สวี่เข้าหอคณิกาชาย จะต้องไปซื้อคุณชายใหญ่สวี่มาเป็นนายบำเรอแน่นอนขอรับ” สือเยี่ยนเอ่ยอย่างรู้สึกเป็นกังวลแทนนายท่านอยู่บ้าง
แม้ว่าสวี่ซีจะเป็นลูกล้างผลาญไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ว่าขวางความเยาว์วัยไม่ได้นี่ ไม่แน่ว่าคุณหนูลั่วอาจจะชอบประเภทนี้ก็ได้
แม้ว่าด้านไหนๆ นายท่านก็ดีหมด แต่อย่างไรเสียก็ใกล้จะยี่สิบเอ็ดแล้ว
ตอนนี้คุณหนูลั่วมีนายบำเรอสองคนแล้ว คนหนึ่งคือหมิงจู๋ คนหนึ่งคือฟู่เสวี่ย
หมิงจู๋อายุมากหน่อย เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นที่ชื่นชอบของคุณหนูลั่ว ไม่เหมือนฟู่เสวี่ยที่ยังมีโอกาสพาต้าไป๋ออกไปเดินเล่น
เว่ยหานไม่รู้ว่า ตนเองกำลังถูกองครักษ์น้อยแอบนำไปเปรียบเทียบกับนายบำเรอของคุณหนูลั่ว ทั้งยังแพ้ในด้านนั้นด้วย
เขาซึ่งท้องว่างแล้วได้กลิ่นมันเทศเผา เดิมก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ริมฝีปากจึงยิ่งเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เขาเอ่ยเรียบๆ “คุณหนูลั่วไม่มีทางซื้อสวี่ซีมาเป็นนายบำเรอ”
สือเยี่ยนร้อนใจ “ข้าน้อยเห็นคุณหนูลั่วไปหอคณิกาชายเองกับตานะขอรับ”
“นั่นก็ไม่มีทางซื้อสวี่ซีมาเป็นนายบำเรอ” เว่ยหานน้ำเสียงมั่นใจ ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจในความไม่รู้จักดูสถานการณ์ขององครักษ์คนสนิท
คุณหนูลั่วแบกสวี่ซีไปจวนแม่ทัพใหญ่ครั้งนั้น ในภายหลังเขาได้ทำความเข้าใจอย่างละเอียด
หงโต้วพูดอย่างชัดเจนว่า คุณหนูลั่วไม่ชอบคนประเภทสวี่ซี
เมื่อนึกถึงคำพูดเดิมของหงโต้วแล้ว เว่ยหานก็โค้งมุมปากโดยไม่รู้ตัว พลางเอ่ยเรียบๆ ว่า “ซื้อมาแล้วต้องเป็นนายบำเรอหรือ มากสุดก็เป็นเสี่ยวเอ้อร์นี่แหละ”
สือเยี่ยนได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่พอใจแปลกๆ
เสี่ยวเอ้อร์แล้วทำไม
เสี่ยวเอ้อร์ของมีหอสุราสบายกว่านายบำเรอมาก
เว่ยหานเหลือบมองสือเยี่ยนแวบหนึ่ง
มักจะรู้สึกว่า พอเจ้าเด็กนี่ไม่มีกำหนดการขัดถังส้วมมาควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงก็อารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย
“แต่ว่าหอสุราของพวกเราไม่ขาดแคลนเสี่ยวเอ้อร์นะขอรับ คุณหนูลั่วจะซื้อเจ้าคนล้างผลาญคนนั้นกลับมาเป็นเสี่ยวเอ้อร์ทำไมกัน” สือเยี่ยนลูบคาง “มักจะรู้สึกว่า คุณหนูลั่วปฏิบัติต่อคุณชายใหญ่สวี่ไม่ธรรมดาเลย”
เว่ยหานไม่พูดอะไร แต่เร่งฝีเท้าเงียบๆ
บนร่มซึ่งมีหิมะไม่น้อยจึงมีน้ำหนักมากขึ้น เหมือนกับอารมณ์ที่หนักอึ้งขึ้นกะทันหันของเขา
คุณหนูลั่วปฏิบัติต่อสวี่ซีไม่ธรรมดาจริงๆ…
เว่ยหานหมุนร่มเล็กน้อย หิมะที่ร่วงหล่นบนร่มถูกเขย่า กระเด็นใส่เต็มหน้าสือเยี่ยน
นายท่านกำลังพาลนี่นา
ตอนนี้เอง ลั่วเซิงถูกเด็กหนุ่มหน้าตาน่ามองสองคนขวางเอาไว้
แม้ว่าจะเห็นลูกค้ามากมายหลากหลายจนเคยชิน แต่พวกเขาไม่เคยพบลูกค้าสตรีมาก่อน โดยเฉพาะที่ยังเป็นเด็กสาว
“คุณหนู ท่านมาผิดที่หรือไม่ขอรับ”
หงโต้งซึ่งเดินอยู่ข้างๆ ลั่วเซิงถ่มน้ำลาย “คุณหนูของพวกเราไม่ได้ตาบอด จะมาผิดที่ได้อย่างไร”
“เช่นนั้นขออภัยด้วย สถานที่แห่งนี้ของพวกข้าน้อยไม่ต้อนรับแขกสตรี”
ลั่วเซิงเลิกคิ้ว “ที่นี่มีเขียนกฎว่าไม่ให้ลูกค้าสตรีเข้าหรือ”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “นั่นไม่มีขอรับ แต่นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร…”
ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “ในเมื่อไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร สำหรับข้าแล้วไม่นับว่าเป็นกฎ”
เมื่อเห็นว่านางจะก้าวข้ามธรณีประตู เด็กหนุ่มสองคนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ
ชายกำยำหลายคนเดินเข้ามาขวาง
หงโต้วถลึงตา “รู้ไหมว่าคุณหนูของพวกเราคือใคร”
ชายกำยำคนหนึ่งยิ้มอย่างเกรงใจ “พี่สาวเกลี้ยกล่อมให้คุณหนูบ้านท่านรีบกลับไปเถอะ ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษเอาได้นะ”
ยิ่งฐานะสูงศักดิ์ ยิ่งไม่ได้ หากรู้ว่าพวกเขาปล่อยให้คนเข้าไป จะไม่พังหอคณิกาชายทิ้งหรอกหรือ
สำหรับคุณหนูที่กล้ามาเที่ยวเล่นที่หอคณิกาชาย ยังจะห่างไกลจากบทลงโทษจับใส่กรงเลี้ยงหมูแล้วถ่วงน้ำอีกหรือ
หงโต้วสีหน้าเย็นชา “ตีสนิทให้มันน้อยๆ หน่อย เรียกพี่สาวอันใดกัน คุณหนูของพวกเราคือคุณหนูลั่ว เงินก็มี รีบหลบไป!”
ชายกำยำอึ้ง ตะลึงถามว่า “คือคุณหนูลั่วท่านนั้นหรือ”
ผู้ที่เลี้ยงนายบำเรอหลายคน ทั้งยังกล้าเกี้ยวพาราสีท่านอ๋องผู้นั้นน่ะหรือ
หงโต้วเชิดหน้าขึ้น
ชายกำยำยิ้ม พลางถอยเปิดทางให้ “หากว่าเป็นคุณหนูลั่ว เช่นนั้นก็เข้าไปเถอะขอรับ”
หงโต้วแค่นเสียงเบา ประคองลั่วเซิงเดินเข้าไป
ทิ้งคนมุงดูกลุ่มหนึ่งซึ่งทอดสายตาดูแคลนมองชายกำยำเอาไว้
ไหนตกลงกันว่า ไม่อนุญาตให้ลูกค้าสตรีเข้าไปไงเล่า ยังมีศีลธรรมสักหน่อยหรือไม่
ลั่วเซิงเข้าประตูไปก็เดินตรงไปข้างในด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หงโต้วกวาดตามองหลายครั้งก็พบว่าเด็กหนุ่มที่ตกตะลึง บ้างประหลาดใจเหล่านั้นพอจะน่ามองอยู่เพียงเล็กน้อยจึงหมดความสนใจทันที นางโยนเศษเงินก้อนหนึ่งออกมา พร้อมกับชี้ไปทางคนนำทาง “พาคุณหนูพวกเราไปดูคุณชายใหญ่สวี่ที่กำลังจะถูกขายเข้ามาในหอคณิกาชายของพวกเจ้า”
ผู้นำทางได้รับเงินก็พาทั้งสองคนไปอย่างขยันขันแข็ง
เมื่อลั่วเซิงไปถึง สองฝ่ายกำลังเจรจาราคากันอยู่
“ห้าร้อยตำลึงสูงเกินไปแล้ว ราคานี้ไม่ได้” คนที่สวมชุดคลุมตัวยาวส่ายหน้าต่อเนื่อง
“ห้าร้อยตำลึงไม่สูงนะ ท่านมองดวงหน้านี่ ผิวพรรณนี่ ที่หาได้ยากที่สุดก็คือฐานะ ทอดสายตามองไปในเมืองหลวง ไม่สิ ทอดสายตามองไปในต้าโจว จะต้องเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน”
คนผู้นั้นยิ้มๆ “เพราะเห็นแก่ฐานะ ถึงได้ยินยอมจ่ายสามร้อยตำลึง ไม่เช่นนั้นซื้อเด็กหนุ่มวัยเยาว์คนหนึ่ง ห้าสิบตำลึงก็มากแล้ว เอาแบบนี้แล้วกัน สามร้อยตำลึงถึงตกลงซื้อขาย นอกจากนี้ก็รับยี่สิบตำลึงไปเป็นเงินค่าลำบากของสหายหลายท่าน พวกท่านว่าอย่างไร”
คนที่เป็นหัวหน้าลังเลเล็กน้อย
ตอนนี้สวี่ซีค้นพบการมาเยือนของลั่วเซิงแล้วจึงดิ้นรนส่งเสียงออกมา
สองฝ่ายล้วนมองไปทางลั่วเซิง บรรยากาศนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
ลั่วเซิงยิ้มๆ แล้วโบกมือ “พวกเจ้าเจรจากันต่อไปเถอะ รอพวกเจ้าเจรจาเรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยเจรจากับผู้ดูแลท่านนี้”
สองฝ่ายโล่งใจ
นับว่ารู้ความ
เดี๋ยวก่อนนะ คุณหนูผู้นี้มาจากที่ใดกัน
คนนำทางรีบรายงานฐานะของลั่วเซิงทันที
ผู้ดูแลกดความสับสนลงไปชั่วคราว ทำสัญญาขายตัวเรียบร้อยแล้วก็อาศัยราคาสามร้อยยี่สิบตำลึงในการซื้อคนเอาไว้
คนที่เป็นหัวหน้ารับเงินมาเรียบร้อยก็โบกมือยิ้มๆ “เหล่าสหาย ไปร่ำสุรากัน”
ผู้ดูแลเดินมาตรงหน้าลั่วเซิง พลางถามยิ้มๆ ว่า “ไม่ทราบว่าคุณหนูลั่วต้องการเจรจาเรื่องใดหรือขอรับ”
ลั่วเซิงชี้ไปทางเด็กหนุ่มที่ถูกมัดแน่น “ข้าตั้งใจจะซื้อเขา”
ผู้ดูแลค่อนข้างชื่นชมวิธีเมื่อครู่ของลั่วเซิงที่ไม่ได้รบกวนการเจรจาการค้าจึงถามพลางหัวเราะเหอะๆ “ไม่ทราบว่าคุณหนูลั่วจะเสนอราคาเท่าใด”
ลั่วเซิงยืนมือออกมาข้างหนึ่ง
ผู้ดูแลขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “ห้าร้อยตำลึงหรือ”
ลั่วเซิงส่ายหน้า
ผู้ดูแลตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่น เกือบจะกรีดร้องเสียงแหลมออกมา
หรือว่าจะเป็นห้าพันตำลึง
กลีบปากแดงของลั่วเซิงขยับเบาๆ เอ่ยออกมาว่า “ห้าสิบตำลึง”
หากรู้สึกว่าตนเองมีค่ามากเกิน หลานชายหยิ่งยโสแล้วจะทำอย่างไร