ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 367 ลดราคาลง
ตอนที่ 367 ลดราคาลง
สวี่ซีถูกอุดปากเอาไว้ เดิมกำลังพยายามที่จะส่งเสียงสุดความสามารถ ทว่าพอได้ยินประโยคต่อราคานี้ก็ลืมดิ้นรนไปทันที
เขามีค่าเพียงห้าสิบตำลึงหรือ
ตอนนี้เด็กหนุ่มโมโหแทบจะระเบิดแล้ว เขาใช้ดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงจ้องลั่วเซิงเขม็ง
ผู้ดูแลเองก็ตะลึงไปเช่นกัน “คุณหนูลั่ว แม้จะกล่าวว่าผู้ขายเรียกราคาเกินเหตุ ผู้ซื้อต่อราคาให้ต่ำลง แต่นี่ท่านกดราคาเกินไปหน่อยหรือไม่ขอรับ”
ลั่วเซิงสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย “ใครกดราคากัน ห้าสิบตำลึงนั้นจ่ายเกินไปมากแล้ว”
ผู้ดูแลยิ้มเจื่อน “เมื่อครู่คุณหนูลั่วก็อยู่ด้วย น่าจะเห็นแล้วว่า พวกข้าน้อยเพิ่งจะใช้ราคาสามร้อยยี่สิบตำลึงซื้อตัวคุณชายใหญ่สวี่เอาไว้ หมึกบนสัญญาขายตัวยังไม่แห้งเลยนะขอรับ ทำไมถึงได้ราคาร่วงลงไปเหลือห้าสิบตำลึงเสียแล้วเล่า“
ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “อิงตามคำพูดของเจ้า ทำการค้ามีแต่ได้ ไม่มีขาดทุนเช่นนั้นหรือ”
หงโต้วพูดแทรก “นั่นสิ เจ้าจ่ายสามร้อยยี่สิบตำลึงซื้อตัวคุณชายใหญ่สวี่ เป็นเจ้าที่ตาไร้แวว คุณหนูของพวกเราคิดว่า คุณชายใหญ่สวี่มีค่าเพียงห้าสิบตำลึง หากซื้อด้วยราคาที่มากกว่านี้ ก็ไม่คุ้มค่าแล้ว”
ผู้ดูแลได้ยินแล้วก็อยากจะกลอกตา
เช่นนั้นคุณหนูบ้านเจ้าก็อย่าซื้อสิ อย่ามาก่อความวุ่นวายจะได้ไหม
แน่นอนว่าไม่กล้าเอ่ยวาจานี้และยิ่งไม่กล้าใช้ไม้แข็งด้วย ใครให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นคุณหนูลั่ว บุตรสาวสุดที่รักของผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินกันเล่า
“คุณหนูลั่ว การเปลี่ยนมือนี้ของพวกข้าน้อยขาดทุนถึงสามร้อยตำลึงเงินนะขอรับจึงรับไม่ไหวอยู่บ้าง” ผู้ดูแลทำได้แค่แสร้งทำตัวน่าสงสาร
ลั่วเซิงถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ยังดีกว่าขาดทุนย่อยยับมาก เจ้าว่าใช่หรือไม่”
ผู้ดูแลตะลึง ความตื่นตระหนกพาดผ่านนัยน์ตาไป คุณหนูลั่วหมายความว่าอะไรกัน
หากองครักษ์จิ่นหลินมาหาเรื่อง เช่นนั้นก็จะขาดทุนย่อยยับยิ่ง
นี่คุณหนูลั่วข่มขู่เขานี่!
นี่ไม่ใช่การบังคับซื้อ บังคับขายหรอกหรือ เสียดายที่เมื่อครู่เขาชื่นชมในตัวคุณหนูลั่วอยู่บ้าง
“ผู้ดูแลอย่านึกว่า ข้าบังคับซื้อ บังคับขายล่ะ ที่ข้าบอกว่า พวกเจ้าจะขาดทุนย่อยยับก็เพราะข้าเข้าใจคนประเภทคุณชายใหญ่สวี่”
ผู้ดูแลกวาดตามองสวี่ซีแวบหนึ่งตามคำพูดของลั่วเซิง
“คุณชายใหญ่สวี่ชาติกำเนิดสูงศักดิ์ จะสามารถทนเป็นคณิกาชายได้หรือ ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองปล่อยเขาดู เขาจะต้องหาทางตายแน่นอน คนตายไปแล้วก็ขาดทุนย่อยยับใช่หรือไม่”
ผู้ดูแลยิ้ม “เรื่องนี้คุณหนูลั่วไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พวกข้าน้อยมีวิธี รับรองว่า ต่อให้ยอมตายแต่ไม่ยอมศิโรราบเพียงใด สุดท้ายก็ต้องยอมอ่อนลงอยู่ดี”
ลั่วเซิงยิ้มเยาะ “เช่นนั้นเมื่อก่อนที่นี่เคยมีคุณชายตระกูลโหวหรือไม่”
ผู้ดูแลส่ายหน้า
“นี่อย่างไรเล่า คนที่มาที่นี่แทบจะเป็นเด็กในครอบครัวยากจนข้นแค้น ปกติกินข้าวไม่อิ่ม จะสามารถมีจิตใจที่ต่อต้านได้มากเท่าไรเชียว คุณชายใหญ่สวี่จะเหมือนกับพวกเขาหรือ”
เห็นผู้ดูแลทำท่าไตร่ตรอง ลั่วเซิงก็ยิ้ม “พวกเจ้าดึงผ้าเช็ดเหงื่อยัดปากคุณชายใหญ่สวี่ออก ให้โอกาสเขาพูดสักหน่อย จะได้ดูว่ามีนิสัยแบบไหนไปด้วยเลย”
ผู้ดูแลคิดดูแล้วว่ามีเหตุผลจึงพยักหน้าให้คนของตนครั้งหนึ่ง
ผ้าเช็ดเหงื่อที่อุดปากถูกดึงออกไป อากาศหนาวเหน็บก็ทะลักเข้ามาแทน
สวี่ซีไออย่างรุนแรงหลายครั้งแล้วอ้าปากด่า ด่าพอแล้วก็ถ่มน้ำลายใส่ทั้งสองคน “พวกเจ้านับเป็นตัวอะไร เห็นข้าเป็นสิ่งของมาต่อรองราคากันหรือ เรื่องอื่นข้าทำไม่ได้ แต่ชีวิตนี้ยังสามารถตัดสินใจเองได้อยู่ พวกเจ้ามัดข้าได้ชั่วขณะหนึ่ง แล้วจะมัดข้าได้ตลอดชีวิตหรือ ให้ข้าเป็นคณิกาชาย ฝันไปเถอะ…”
ฟังสวี่ซีพูดด่าเป็นต่อยหอยในเวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ โดยไม่หยุดปาก ผู้ดูแลก็ประสานมือคารวะลั่วเซิง “ห้าสิบตำลึง คุณหนูลั่วพาคนไปเถอะ”
เสียงด่าพลันหยุดไป สวี่ซีตะลึงมองผู้ดูแล
ห้าสิบตำลึงก็ขายเขาต่อแล้วหรือ
ลั่วเซิงกลับเผยรอยยิ้มพอใจบางๆ “ผู้ดูแลสามารถหยุดความเสียหายได้ทันการณ์ เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญคนหนึ่ง”
แน่นอนว่านางไม่ได้ไร้เดียงสา นึกว่าอีกฝ่ายถูกวาจาของนางทำให้หวั่นไหวไปเสียหมด อีกฝ่ายแค่ยอมถอยให้ กล่าวตามตรง ฐานะบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่วทำงานแล้ว
ผู้ดูแลชูนิ้วโป้งให้ลั่วเซิง “คุณหนูลั่วทำการค้าเป็น”
คำชมนี้มีความจริงใจกี่ส่วนนั้นก็ยากจะพูดแล้ว
บรรลุการซื้อขายแล้ว ลั่วเซิงก็เดินไปตรงหน้าสวี่ซี
สวี่ซีจ้องนางอย่างดุร้าย
“ไปเถอะ”
ลั่วเซิงเอ่ยเบาๆ ประโยคหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินไป
ผู้ดูแลมองอย่างให้ความสนใจ
เจ้าเด็กหนุ่มที่เหมือนเม่นคนนี้จะเดินตามไปอย่างว่าง่ายหรือ
เห็นเพียงสาวใช้หน้าตางดงามซึ่งสวมเสื้อกั๊กตัวยาวสีแดงย่อตัวลงแบกคนขึ้นบ่าอย่างเชี่ยวชาญ แล้วเร่งฝีเท้าตามเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าไป
ผู้ดูแลอึ้งอยู่นานแล้วค่อยๆ ลูบคาง
“ออกมาแล้วๆ!” กลุ่มคนซึ่งมุงดูอยู่ข้างนอกวุ่นวายกันระลอกหนึ่ง
“คุณหนูลั่วซื้อคุณชายใหญ่สวี่แล้วจริงๆ หรือ” คนที่ชิงตำแหน่งที่ยืนดีๆ ไม่ได้ถามขึ้นอย่างรอไม่ไหว
“จริง สาวใช้ของคุณหนูลั่วแบกเอาไว้อยู่นั่นไง”
คนถามคำถามตบหน้าอก “ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่า ผลลัพธ์เช่นนี้กำลังดี”
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ”
ลั่วเซิงเดินออกมาอย่างเปิดเผยแล้วกวาดตามองไปรอบๆ เดิมสายตาที่ไม่ใส่ใจอะไรพลันเพ่งมองที่หนึ่งขึ้นมา
คนที่มุงดูเยอะมาก กระทั่งนักพนันส่วนหนึ่งเองก็เข้าร่วมกลุ่มขนาดใหญ่นี้ด้วย
ลั่วเซิงกวาดตามองครั้งนี้ เหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งมองมาทางนางพอดี จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปทางบ่อนทองพันชั่ง
นางมองเงาร่างของผู้นั้นหายไปจากประตูบ่อนพนัน ในใจเกิดคลื่นยักษ์โหมซัดสาด
คนผู้นั้น…คือคนของจวนเจิ้นหนานอ๋อง!
“คุณหนู?” เมื่อเห็นลั่วเซิงหยุดนิ่ง หงโต้วก็เอ่ยเรียก
ลั่วเซิงข่มความหุนหันที่จะไล่ตามไปแล้วเอ่ยเรียบๆ “ไปเถอะ”
เหล่าคนมุงดูมองส่งสองนายบ่าวพาคุณชายใหญ่สวี่จากไปแล้วก็พากันโล่งใจ
เรื่องสนุกนี้จบลงเสียที
ระหว่างทาง ลั่วเซิงเจอกับเว่ยหาน
หิมะไม่ถือว่าตกหนัก แต่ตกตลอด หิมะสะสมบนร่มกระดาษน้ำมันสีเขียวคันนั้นเป็นชั้นบางๆ
ชายหนุ่มมองเด็กสาวท่ามกลางหิมะแล้วเลื่อนร่มไปเหนือศีรษะนาง พลางถามว่า “ได้ยินมาว่า คุณหนูลั่วไปมุงดูเรื่องสนุกมาหรือ”
ลั่วเซิงรับร่มมา ยังสามารถรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้บนคันร่มได้
นางโค้งริมฝีปาก ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ใช่แล้ว และถือโอกาสซื้อคนกลับมาด้วยคนหนึ่ง”
เว่ยหานมองเด็กหนุ่มที่หงโต้วแบกไว้บนไหล่แวบหนึ่ง พลางถามด้วยท่าทางคล้ายจะไม่ใส่ใจว่า “คุณหนูลั่วซื้อคนกลับมาทำอะไรหรือ หอสุราขาดคนงานหรือ”
ลั่วเซิงมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้ว “อาจจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เสี่ยวเอ้อร์ได้ชั่วคราว สติปัญญาย่ำแย่ไปหน่อย”
สือเยี่ยนที่ได้ยินก็โค้งมุมปาก ลอบพยักหน้า
ยังคงเป็นคุณหนูลั่วที่สายตาเฉียบคม!
“เป็นเสี่ยวเอ้อร์ไม่ได้หรือ” เว่ยหานพลันรู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา
หรือว่าสือเยี่ยนจะพูดถูก คุณหนูลั่วซื้อสวี่ซีมาเป็นนายบำเรอ?
เว่ยหานทอดสายตามองสำรวจเด็กหนุ่ม
ในนั้นแฝงไปด้วยความรังเกียจที่ตนเองก็ยังไม่สังเกตเห็น
ลั่วเซิงลังเลเล็กน้อย “ให้เขาไปช่วยฟู่เสวี่ยดูแลต้าไป๋ก่อนแล้วกัน”
คนดูแลหรือ
สวี่ซีขยับเปลือกตา อารมณ์โมโหบรรเทาลง
หากไม่ให้เขาทำเรื่องเหลวไหลอะไรก็ยังพอรับได้
“ท่านอ๋อง พวกเราเดินไปด้วยเถอะ” ลั่วเซิงถือร่ม เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
เว่ยหานก้าวเท้าตามไป
หงโต้วจะเร่งความเร็ว แต่ถูกสือเยี่ยนรั้งเอาไว้
“คุณหนูลั่วกับนายท่านจะพูดคุยกัน”
ลั่วเซิงเองก็มีสิ่งที่จะถามเว่ยหานจริงๆ
คนที่เหลือบไปเห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจตอนอยู่หน้าประตูหอคณิกาชายทำให้นางกระวนกระวาย ยากจะสงบใจลงได้
“คนของท่านอ๋องยังจับตาดูบ่อนทองพันชั่งอยู่สินะเจ้าคะ”
“จับตาดูอยู่” เว่ยหานรู้สึกว่า การที่ลั่วเซิงถามถึงบ่อนทองพันชั่งขึ้นมาตอนนี้นั้นประหลาดอยู่บ้าง
เมื่อวานพวกเขาเพิ่งคุยเรื่องนี้กันไป
“จะจับคนยังต้องใช้เวลาอีกหลายวันหรือ”
เว่ยหานพยักหน้าเล็กน้อย
“เช่นนั้น…” เด็กสาวเตะหิมะออกไปตามใจ “พรุ่งนี้ข้าจะไปเดินเล่นที่บ่อนทองพันชั่ง”