ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 371 ฝันร้ายที่เดินออกมาไม่ได้
ตอนที่ 371 ฝันร้ายที่เดินออกมาไม่ได้
สวี่ฟางลุกขึ้นยืนทันที “คุณหนูลั่ว”
ลั่วเซิงเดินเข้าไป “คุณหนูใหญ่สวี่มาเยี่ยมสวี่ซีหรือ”
แม้ว่าหลานสาวคนนี้มองดูแล้วจะไม่ได้ต่างอะไรจากคุณหนูในตระกูลใหญ่ แต่กลับเป็นคนอ่อนนอกแข็งในคนหนึ่ง
สถานการณ์เมื่อวานนี้ ฉางชุนโหวจะต้องควบคุมสวี่ฟางให้ออกมาข้างนอกน้อยลง แต่สวี่ฟางกลับยังคงรู้ข่าวว่าสวี่ซีอยู่กับนาง เห็นได้ชัดว่ามีลู่ทางเป็นของตนเอง
เพียงแค่จุดนี้จุดเดียว ก็แข็งแกร่งกว่าคุณหนูที่บอบบางอยู่มากแล้ว
ลั่วเซิงปลื้มใจและเจ็บปวดเช่นกัน
แม่นางน้อยคนหนึ่งสามารถวางแผนการได้ กล่าวตามตรงเป็นเพราะไม่มีคนคอยปกป้อง ทำได้เพียงแค่พึ่งพาตนเอง
พี่ใหญ่ของนางแข็งแกร่ง ทั้งหยิ่งยโส หากรู้ว่าบุตรชายบุตรสาวที่ตนเองทิ้งเอาไว้คู่หนึ่งถูกเล่นงานและเหยียบย่ำจนทรมานอย่างถึงที่สุด จะเจ็บปวดใจเพียงใด
แต่ว่านางมาแล้ว
ก้นบึ้งนัยน์ตาลั่วเซิงมีประกายเย็นเยียบพาดผ่าน แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย
“ข้าไปเยี่ยมมาแล้ว” สวี่ฟางยอบกายคารวะลั่วเซิง “ขอบคุณคุณหนูลั่วที่ช่วยเหลือน้องชายของข้า”
ลั่วเซิงยิ้ม “คุณหนูใหญ่สวี่ไม่หงุดหงิดที่ข้าให้เขาผ่าฟืนก็ดีแล้ว”
“จะรู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ข้าขอบคุณคุณหนูลั่วยังไม่ทันเลย” เมื่อเอ่ยถึงสวี่ซี สวี่ฟางก็มีสีหน้าซับซ้อน “เขาเผชิญกับความลำบากน้อยเกินไป สมควรจะฝึกฝนสักหน่อย”
“คุณหนูใหญ่สวี่ไม่สงสารหรือ”
สวี่ฟางยิ้มเจื่อน “ย่อมสงสาร แต่ข้ายอมเห็นเขาผ่าฟืนเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แต่ไม่อยากเห็นเขาเป็นผีพนันคนหนึ่ง”
“สวี่ซีมีพี่สาวที่ดีคนหนึ่ง” ลั่วเซิงพูดพลางนั่งลง รับชาร้อนที่โค่วเอ๋อร์นำมาให้มาจิบคำหนึ่ง
สวี่ฟางมองเด็กสาวดื่มชา
ลั่วเซิงเหลือบตาขึ้นมอง “คุณหนูใหญ่สวี่ยังมีเรื่องอื่นอีกใช่หรือไม่”
สวี่ฟางกัดริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่รู้ว่าคุณหนูลั่วสะดวกหาสถานที่เงียบๆ สักแห่งหนึ่งสนทนากันหรือไม่”
ลั่วเซิงมองนาง เก็บความตึงเครียดที่อีกฝ่ายอำพรางไว้ในสายตาแล้ววางถ้วยชาลงพลางยืนขึ้น “คุณหนูใหญ่สวี่ตามข้ามาเถอะ”
เมื่อก้าวเข้าไปในลานด้านหลัง เด็กหนุ่มยังคงผ่าฟืนอยู่ เพียงแต่เชื่องช้าลงบ้าง
อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เขาถอดเสื้อคลุมตัวหนาออก หน้าผากชื้นไปด้วยเหงื่อ
การผ่าฟืนอย่างต่อเนื่องเช่นนี้เหนื่อยเกินไปแล้ว ผู้ควบคุมดูแลก็ไร้มนุษยธรรม สวี่ซีศีรษะหนักอึ้ง จึงไม่สังเกตเห็นคนที่เดินผ่านลานบ้านไปเลยแม้แต่น้อย
ห้องตะวันตกตกแต่งให้เป็นห้องหนังสือ สว่างจ้ามาก
“คุณหนูใหญ่สวี่มีเรื่องอันใดก็พูดมาเถอะ นอกจากท่านและข้าก็ไม่มีทางที่บุคคลที่สามจะได้ยิน”
สวี่ฟางสีหน้าเปลี่ยนไป คุกเข่าลงบนพื้นกะทันหัน
ลั่วเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่สวี่ นี่หมายความว่าอะไร”
สวี่ฟางโขกศีรษะอย่างแรง ก้มหน้าเอ่ยว่า “ข้าเข้าตาจน ไร้หนทางไปจึงอยากขอให้คุณหนูลั่วช่วยเหลือ แต่ข้ารู้ว่าการขอร้องนี้หน้าด้านเกินไป ดังนั้นจึงกล่าวขอโทษคุณหนูลั่วก่อน”
ลั่วเซิงไม่ได้ยื่นมือออกไปประคอง แต่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณหนูใหญ่สวี่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ขอให้ข้าช่วยเหลืออะไรก็สามารถกล่าวออกมาตรงๆ ได้ หากข้าสามารถช่วยได้ ย่อมยินดีจะช่วยอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น แม้ว่าคุณหนูใหญ่สวี่จะโขกศีรษะให้ข้าแปดครั้งสิบครั้งก็ไร้ประโยชน์”
“ข้าเข้าใจ” สวี่ฟางไม่มีความคิดที่จะโขกศีรษะบังคับให้ผู้อื่นยื่นมือช่วยเหลือจึงรีบลุกขึ้นมา
“คุณหนูใหญ่สวี่นั่งลงพูดเถอะ”
สวี่ฟางพยักหน้า นั่งลงเงียบๆ
เมื่อเห็นนางไม่เอ่ยปาก ลั่วเซิงก็ไม่ได้เร่ง แต่หลุบตาดื่มชาแทน
ไอขาวอ้อยอิ่งกั้นอยู่ระหว่างทั้งสองคน
ลั่วเซิงมองนางแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ใช่”
สวี่ฟางกำหมัดแน่น เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าอยากแก้แค้น ให้ท่านพ่อกับแม่เลี้ยงข้าทำชั่วได้ชั่ว คุณหนูลั่วสามารถช่วยข้าได้หรือไม่”
ทำชั่วได้ชั่ว
เมื่อลั่วเซิงได้ยินสี่คำนี้ หัวใจพลันหนักอึ้ง
นางมีลางสังหรณ์ว่า จะได้ยินเรื่องที่ทำให้นางไม่สบอารมณ์บางอย่าง
“ลองพูดสิว่า ทำชั่วได้ชั่วนี่มันอย่างไรกันแน่” น้ำเสียงของลั่วเซิงยังคงสงบเงียบ ราวกับเป็นคนนอกเหตุการณ์โดยสิ้นเชิง
“คุณหนูลั่วรู้ไหมว่า มารดาของข้าคือใคร”
“รู้ ท่านหญิงหวาหยาง”
“เช่นนั้นคุณหนูลั่วรู้ไหมว่า ท่านแม่ข้าตายได้อย่างไร”
ลั่วเซิงเม้มปาก น้ำเสียงสงบนิ่ง “ได้ยินมาว่าป่วยตาย ข้าไม่ค่อยรู้แน่ชัด ตอนนั้นข้ายังเด็ก”
ตอนนั้นสวี่ฟางยังอายุไม่ถึงหกขวบ
นัยน์ตาสวี่ฟางมีประกายหยดน้ำเอ่อคลอ นางกัดริมฝีปากพลางเอ่ยว่า “ท่านแม่ข้าไม่ได้ป่วยตาย แต่ถูกท่านพ่อใช้หมอนกดจนตาย!”
ถ้วยชาชิงฮวาพลันสั่นไหวจนเกือบจะร่วงลงไป แต่ถูกมือเรียวข้างนั้นออกแรงคว้าเอาไว้แน่น
เสียงของลั่วเซิงสงบนิ่งจนชวนให้ผู้คนตระหนก “คุณหนูใหญ่สวี่ค่อยๆ อธิบายให้เข้าใจหน่อย”
สวี่ฟางแววตาพร่ามัว ตกอยู่ในห้วงความทรงจำอันทุกข์ทรมาน
“ตอนนั้นข้ายังเด็ก รู้แค่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลท่านตา ท่านแม่ถามข้าว่า หากพาข้าไปจากจวนโหว ข้ายินยอมตามนางไปหรือไม่ ข้าบอกว่ายินยอม แต่พวกท่านพ่อไม่ยอมตกลงหย่ากันด้วยดีกับท่านแม่ ทั้งยังส่งคนมาเฝ้าประตูเรือนจำนวนมาก และไม่อนุญาตให้ท่านแม่ออกไปข้างนอกนับแต่นั้น วันนั้น ข้าคิดถึงท่านแม่จริงๆ จึงแอบเข้าไปเงียบๆ…”
สวี่ฟางจมเข้าสู่ฝันร้ายที่ไม่มีวันเดินออกมาได้ตลอดกาลอีกครั้ง
นางตัวเล็ก ทั้งยังฉลาด โชคดีมากที่ไม่ถูกคนเห็นตอนเข้าไปพบท่านแม่ที่คิดถึงทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่สองแม่ลูกพูดคุยกันได้ไม่นานนักก็ได้ยินข้ารับใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตะโกนว่า ท่านโหวมา
ท่านแม่รีบให้นางไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า
นางเห็นท่านพ่อกับสตรีที่ถูกนางเรียกว่าท่านอาผ่านรอยแยก
นั่นคือญาติผู้น้องของท่านพ่อ ในภายหลังก็กลายเป็นแม่เลี้ยงของนาง
ท่านแม่ถามเสียงเย็นชา “ท่านพานางมาทำอะไรอีก”
ท่านพ่อเอ่ยยิ้มๆ ว่า “มาเยี่ยมเจ้า”
ท่านแม่ยิ้มเยาะ “พวกท่านบุรุษและสตรีชั่วช้ามาดูว่าข้าตายแล้วรึยังสินะ ฝันไปเถอะ ข้าจะมีชีวิต อยู่ทรมานจนพวกเจ้าผมขาวโพลน ให้พวกเจ้าเป็นได้แค่บุรุษและสตรีชั่วช้าที่ทำเรื่องที่ไม่สามารถบอกผู้อื่นได้!”
และหลังจากนั้น ท่านพ่อก็ลนลานบริภาษ
นางไม่เคยรู้ว่า ท่านพ่อที่อ่อนโยนและใจดีจะมีด้านนี้ด้วยจึงทำได้แค่ตัวสั่นหลบซ่อนอยู่ในตู้
แต่ในไม่ช้าก็เกิดเรื่องที่ทำให้นางหวาดกลัวยิ่งกว่าขึ้น
ท่านพ่อผลักท่านแม่ลงบนตั่ง หยิบหมอนนุ่มขึ้นมาอุดหน้าท่านแม่
ตอนนั้นนางเกือบจะกรีดร้องออกมาแล้ว
แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่กลับรู้ว่า การกระทำเช่นนี้ของท่านพ่อหมายความว่าอะไร
นางเห็นสองขาของท่านแม่ถีบไปมาไม่หยุด เริ่มจากรุนแรงจนถึงเชื่องช้า สุดท้ายก็ร่วงลงมา แล้วไม่ขยับเขยื้อนอีก
สตรีนางนั้นพูดว่า “ญาติผู้พี่ นางตายแล้ว”
ท่านพ่อบอกว่า “ตายได้ก็ดี ไม่ต้องหย่ากับนางด้วยดี เดิมก็รอให้ถึงวันนี้อยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่า ยั่วยุนางอย่างไรก็ไม่เกิดผล…”
สตรีผู้นั้นเก็บของสิ่งหนึ่งขึ้นมา “ญาติผู้พี่ ท่านดูสิ”
นั่นคือกลเก้าห่วง[1]รูปลักษณ์ผีเสื้ออันหนึ่ง เป็นของที่นางเล่นเป็นประจำ
นางหยิบเก้าห่วงปริศนาติดมือมาหาท่านแม่ด้วย ขณะรีบร้อนหลบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าก็ทำหล่นโดยไม่ทันระวัง
ท่านพ่อหยิบเก้าห่วงปริศนามา สีหน้าเปลี่ยนไป “ฟางเอ๋อร์มาที่นี่หรือ”
ท่านพ่อมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นเงาร่างของนางก็พาสตรีนางนั้นรีบร้อนเดินออกไป
นางหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้านานมาก นานมากๆ จนกระทั่งข่าวมารดาลาลับแพร่กระจายไปทั่ว ภายในเรือนวุ่นวาย ถึงได้ฉวยโอกาสนั้นหนีออกไป
ในภายหลัง นางได้พบกับท่านพ่อ
สายตาที่ท่านพ่อมองนางไม่ได้อ่อนโยนและใจดีอีกแล้ว แต่เป็นความลุ่มลึกอย่างยิ่ง
ตอนนั้นนางยังไม่เข้าใจว่าแววตานั้นแฝงอะไรอยู่ แต่กลับรู้สึกได้ถึงอันตรายตามสัญชาตญาณ
หากท่านพ่อรู้ว่านางอยู่ที่นั่นด้วย จะต้องฆ่านางทิ้ง เหมือนกับที่ฆ่าท่านแม่แน่ๆ
[1] กลเก้าห่วง หรือเก้าห่วงปริศนา ถือเป็นของเล่นที่ได้รับความนิยมและมีความซับซ้อนมากกว่า โดยผู้เล่นต้องขบคิดหาวิธีนำห่วงทั้งเก้าที่คล้องเกี่ยวกันอยู่นั้นย้ายขึ้นและปลดลงให้ได้ ดังนั้น การเล่นและแก้เกมเก้าห่วงปริศนานี้จึงถือว่าช่วยเสริมสร้างทักษะให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี