ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 374 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ตอนที่ 374 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
สิ่งที่เสียดแทงใจสือเยี่ยนยิ่งกว่าคือ แทนที่นายท่านจะฉวยโอกาสตอนที่ดื่มมากเกินไปแกล้งหลับและนอนในหอสุราทั้งคืน แต่กลับกลับมากินหม้อไฟเนื้อแพะในห้องโถงแล้วจากไปพร้อมอาการกรึ่ม
จากไปง่ายๆ เช่นนี้!
ด้วยเหตุนี้ หลังจากหอสุราปิดแล้ว องครักษ์น้อยโมโหจนกินหมัวหมัวน้อยไปหนึ่งลูก
ต่างจากสวี่ซี นอกจากจะมีอาหารยัดเต็มปากแล้ว ตะเกียบในมือยังไม่เคยหยุดขยับ
โค่วเอ๋อร์ทนดูต่อไปไม่ไหวจึงดุว่า “คุณชายใหญ่สวี่ ท่านกินเร็วแบบนี้ไม่ได้นะ หากสำลักไปจะทำอย่างไร”
เด็กหนุ่มยังไม่ทันซาบซึ้ง หงโต้วก็พูดต่อจากโค่วเอ๋อร์ว่า “นั่นน่ะสิ ท่านเป็นผู้ชายที่คุณหนูของเราซื้อมาด้วยเงินห้าสิบตำลึงเชียวนะ หากกินเร็วจนสำลักตาย คุณหนูของเราก็ขาดทุนน่ะสิ”
โค่วเอ๋อร์ชำเลืองมองหงโต้ว พูดเสียงเบาว่า “เก็บไว้ในใจก็พอ เหตุใดต้องพูดออกมาด้วยเล่า”
เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็รู้สึกทั้งโมโหและโศกเศร้า เขายัดอาหารใส่ปากเร็วยิ่งกว่าเดิม
ตั้งแต่มาหอสุราเมื่อวาน ชีวิตของเขาก็ไม่ใช่ชีวิตมนุษย์คนหนึ่งอีกแล้ว หากไม่ใช่เพื่อปากท้องแล้วเขาคงไม่ทนอยู่!
ส่วนตอนนี้ ทนน่ะเขายังพอทนได้ ถึงอย่างไรอาหารก็อร่อยมาก อีกอย่างเขาต้องฝึกวิชาด้วย
ความคึกคักในห้องโถงไม่มีผลต่อลั่วเซิงแม้แต่น้อย
การดื่มสุราไม่ได้ทำให้นางสงบสุขอย่างที่จินตนาการไว้
การต้องการความสบายใจต้องแลกมาด้วยการลงมือทำจริงๆ ด้วย ไม่ใช่คลายทุกข์ด้วยสุรา
วันนี้ข่าวหอสุรามีอาหารจานใหม่คงแพร่ออกไปแล้ว ต้องรอดูว่าพรุ่งนี้จะล่อผู้ตรวจการหม่าท่านนั้นมาได้หรือไม่
วันรุ่งขึ้นหิมะตกอีกครั้ง หิมะยังคงตกหนัก
ลมหนาวพัดพาหิมะเข้าไปในคอเสื้อของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ทำให้พวกเขาอดเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไม่ได้
เมื่อถึงยามเย็น ลมหนาวแรงขึ้น แต่กลับไม่สามารถขัดขวางความกระตือรือร้นของแขกประจำมีหอสุราได้
เสนาบดีจ้าวเป็นคนแรกที่เร่งเดินทางไปถึง
“มาเร็วจังเลยเจ้าค่ะ” โค่วเอ๋อร์ยิ้มต้อนรับเสนาบดีจ้าวเข้ามา
ตาแก่พยักหน้าอย่างสงวนท่าที คิดในใจว่า ถูกหอสุราเชือดมาตลอด นานๆ ทีจะมีโอกาสได้เอาเปรียบ เขาจะมาช้าได้อย่างไร
อย่าว่าแต่หิมะตกหนักเลย แม้แต่ลูกเห็บตกเขาก็จะมา
จากนั้นผู้ที่ตามมาคือเสนาบดีเฉียน
หลังจากถามชัดเจนแล้วว่าโต๊ะหนึ่งสามารถได้อาหารราคาพิเศษหนึ่งจาน เสนาบดีทั้งสองก็ล้มเลิกความคิดที่จะกินร่วมโต๊ะกันอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสหลินเองก็มาแล้ว เขาพาหลานชายคนรองหลินซูมา
หลานชายคนโตน่ะพามาด้วยไม่ได้แน่นอน แม้จะมีอาหารราคาพิเศษก็ไม่สามารถชดเชยความเสียหายจากการกินอย่างบ้าคลั่งของเจ้าหมอนั่นได้
กลิ่นหอมของสุราตลบอบอวลในห้องโถง บรรยากาศเริ่มครึกครื้น
ในที่สุดคนๆ หนึ่งก็ผลักประตูเข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมกับความหนาวเย็น
ผู้ที่มามีใบหน้ายาวดูจริงจัง ซึ่งก็คือผู้ตรวจการหม่าที่ลั่วเซิงรอคอย
ในห้องโถงนั่งเต็มแล้ว
ผู้ตรวจการหม่าทำหน้าเสียดาย “เต็มแล้วหรือ”
เขาอุตส่าห์เร่งเดินทางมา สุดท้ายยังคงช้าไปอยู่ดี คนเหล่านี้มีเงินขนาดนี้เลยหรือ
ผู้ตรวจการหม่ากวาดมองไปรอบๆ เห็นเสนาบดีจ้าว เสนาบดีเฉียน ไคหยางอ๋อง… เขาจำใจกล้ำกลืนความไม่พอใจลงไปเงียบๆ
โค่วเอ่อร์ยิ้มพูดว่า “ในห้องโถงแขกเต็มแล้ว แต่ห้องส่วนตัวยังว่างอยู่เจ้าค่ะ”
ผู้ตรวจการหม่ารีบโบกมือ “ห้องส่วนตัวอย่าเลยดีกว่า”
กินแค่บะหมี่หยางชุนถ้วยหนึ่งและดื่มสุรากลั่นจอกหนึ่ง ใครจะมีหน้าไปนั่งในห้องส่วนตัวกัน
เขาหันไปข้างๆ เห็นประกาศอาหารราคาพิเศษว่าเป็นหม้อไฟเนื้อแพะ
ผู้ตรวจการหม่าตาลุกวาว “อาหารราคาพิเศษของวันนี้คือหม้อไฟเนื้อแพะหรือ”
“ห้องส่วนตัวยังว่างหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ห้องส่วนตัวเถอะ”
ผู้ตรวจการหม่าถูกโค่วเอ๋อร์พาเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาสั่งอาหารเยี่ยงผู้กล้าหาญ “หม้อไฟเนื้อแพะหนึ่งหม้อ สุรากลั่นหนึ่งจอก”
หม้อไฟเนื้อแพะมีปริมาณไม่น้อย ประหยัดค่าบะหมี่หยางชุนได้แล้ว
โค่วเอ๋อร์แจ้งราคาอย่างรอบคอบ “หม้อไฟเนื้อแพะหม้อละแปดสิบตำลึง สุรากลั่นจอกละสิบตำลึง โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ”
“ช้าก่อน!” ผู้ตรวจการหม่าพยายามสงบสติอารมณ์และเรียกโค่วเอ๋อร์ “หม้อไฟเนื้อแพะวันนี้คิดราคาหนึ่งส่วนไม่ใช่หรือ”
โค่วเอ๋อร์ยิ้มพูดว่า “หม้อไฟเนื้อแพะวันนี้คิดราคาหนึ่งส่วนจริงๆ เจ้าค่ะ แต่เถ้าแก่ของเราบอกแล้วว่าผู้ที่ประพฤติตนไม่ดีและขาดความรับผิดชอบจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์นี้เจ้าค่ะ”
ประพฤติตนไม่ดี?
ขาดความรับผิดชอบ?
ผู้ตรวจการหม่าหน้าเปลี่ยนสีทันที “เถ้าแก่ของพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน เรียกเถ้าแก่มา ข้าจะถามให้ชัดเจน!”
“โปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ” โค่วเอ๋อร์หันหลังเดินออกไป
ผู้ตรวจการหม่ารอด้วยความโมโหแล้วจึงค่อยๆ รู้ตัวว่า เจ้าของของหอสุราคือคุณหนูลั่ว!
สัญชาติญาณแรกคือวิ่งหนี แต่เมื่อลุกขึ้นแล้วกลับโมโหมากจริงๆ จึงนั่งกลับลงไปใหม่
คุณหนูลั่วแล้วอย่างไร
เป็นคุณหนูลั่วก็ไม่ควรพูดว่าเขาประพฤติตนไม่ดี ขาดความรับผิดชอบและไม่ให้เขากินหม้อไฟเนื้อแพะที่คิดราคาเพียงหนึ่งส่วนนี่!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นที่นอกประตู
ผู้ตรวจการหม่ากำลังนั่งตัวตรง รวบรวมความกล้าเพื่อเผชิญหน้ากับคุณหนูลั่ว
ประตูถูกผลักออก ลั่วเซิงเดินเข้ามา
“ได้ยินว่าผู้ตรวจการหม่าหาข้าหรือเจ้าคะ”
ผู้ตรวจการหม่ามองลั่วเซิง
แม่นางน้อยขาวสะอาดผุดผ่อง เหตุใดจึงมีวาจาเลวร้ายเช่นนี้ได้นะ
“คุณหนูลั่วคิดว่าข้าประพฤติตนไม่ดีหรือ” ผู้ตรวจการหม่าถามด้วยความโมโห
ในฐานะที่เป็นผู้ตรวจการท่านหนึ่ง จะปล่อยให้ผู้อื่นว่าร้ายให้แปดเปื้อนไม่ได้
ลั่วเซิงนั่งลง พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “ข้าไม่เคยไปมาหาสู่กับผู้ตรวจการหม่า มิบังอาจตัดสินการประพฤติตัวของท่าน”
“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าข้าขาดความรับผิดชอบหรือ”
ลั่วเซิงยิ้ม “เล็กน้อยเจ้าค่ะ”
ผู้ตรวจการหม่าคิดว่าตนเองฟังผิด เขามองลั่วเซิงหน้าดำหน้าแดง “คุณหนูลั่วหมายความว่าอย่างไร”
ลั่วเซิงส่งสายตาให้โค่วเอ๋อร์ เมื่อโค่วเอ๋อร์ออกไปแล้วจึงพูดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อน ผู้ตรวจการหม่าได้ยินแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
ผู้ตรวจการหม่ายิ้มหยัน “เกิดเรื่องมากมายทุกวัน ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูลั่วหมายถึงเรื่องใด”
“แน่นอนว่าเรื่องฮูหยินฉางชุนโหวสั่งคนไปปล้นกลางถนนสิเจ้าคะ” ลั่วเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ
ผู้ตรวจการหม่าชะงัก จากนั้นใบหน้าก็กระตุกเบาๆ
เรื่องนี้เขาได้ยินแล้ว
“เห็นทีผู้ตรวจการหม่าคงได้ยินแล้ว”
“ใช่แล้วอย่างไร”
ข่าวลือที่ยังไม่ได้ยืนยัน เขาได้ยินแล้วจะมีอะไรเสียหายหรือไร
ลั่วเซิงถอนหายใจ “ในเมื่อผู้ตรวจการหม่าได้ยินแล้วก็ควรรายงานต่อเบื้องบนให้ฉางชุนโหวถูกขับออกจากตำแหน่งสิเจ้าคะ ท่านเป็นผู้ตรวจการ ปล่อยขุนนางที่ประพฤติตนไม่ดีแบบนี้ไว้ เก็บไว้ฉลองปีใหม่หรือเจ้าคะ”
ผู้ตรวจการหม่ากระตุกมุมปาก “ข่าวลือแบบนี้เกิดขึ้นทุกวันไม่รู้เท่าไร จะฟ้องให้ขับออกตำแหน่งก็ไม่ควรทำลวกๆ เช่นนี้”
ลั่วเซิงส่ายศีรษะ “ผู้ตรวจการหม่ากล่าวไม่ถูกต้อง ข้าได้ยินว่าผู้ตรวจการมีอำนาจในการแจ้งเบาะแสตามคำบอกเล่า ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานในการฟ้องร้องขุนนาง เหตุใดเมื่อเป็นผู้ตรวจการหม่าก็กลายเป็นว่าข่าวลือไม่สามารถเป็นเรื่องจริงได้ มิหนำซ้ำผู้ตรวจการหม่ายังไม่ได้ตรวจสอบด้วยซ้ำ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเพียงข่าวลือ มิใช่ความจริง ผู้ตรวจการหม่าทำเช่นนี้ ไม่ใช่ขาดความรับผิดชอบหรือ”
ผู้ตรวจการหม่าเงียบในทันที
เขาอยากจะโต้แย้ง แต่พบว่าอีกฝ่ายพูดถูกทั้งหมด
ในฐานะที่เป็นผู้ตรวจการ ย่อมสามารถฟ้องขุนนางที่เกี่ยวข้องให้ถูกขับออกจากตำแหน่งได้ตามข่าวลือ ส่วนเรื่องตรวจสอบความจริง นั่นเป็นเรื่องของกระทรวงตุลาการสามแห่ง
เพียงแต่ว่าเขาเคยเห็นข้าราชการที่ถูกปรักปรำจึงอยากจะรอบคอบกว่านี้
เหมือนกับว่าลั่วเซิงจะเดาได้ว่าผู้ตรวจการหม่ากำลังคิดอะไร นางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผู้ตรวจการที่รอบคอบเกินไปคนหนึ่งจะสูญเสียความเข้มแข็งที่ผู้ตรวจการดีๆ คนหนึ่งพึงมี ในเมื่ออยู่ในตำแหน่งก็ควรทำตามหน้าที่ในตำแหน่งอย่างสุดความสามารถ ผู้ตรวจการหม่าคิดว่าข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ”
ครานี้ผู้ตรวจการหม่าเงียบนานกว่าเดิม
โค่วเอ๋อร์เดินเข้ามาพร้อมกับหงโต้ว วางอาหารลงบนโต๊ะ
ผู้ตรวจการหม่ามองอาหารที่ดูน่าอร่อยและส่งกลิ่นหอมเต็มโต๊ะ พูดจริงจังว่า “ข้าไม่รับสินบน!”
ลั่วเซิงยิ้ม “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เรื่องกินข้าวเรียกว่าสินบนได้อย่างไรกันเจ้าคะ”