ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 375 เพิ่งเริ่ม
ตอนที่ 375 เพิ่งเริ่ม
กลิ่นหอมของอาหารเตะจมูก การต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นในใจของผู้ตรวจการหม่า
ครู่หนึ่งรู้สึกว่าคุณหนูลั่วพูดมีเหตุผล ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าคุณหนูลั่วกำลังเล่นลิ้น
เมื่อหม้อไฟเนื้อแพะร้อนๆ หม้อหนึ่งถูกยกขึ้นมา การต่อสู้ก็เอนเอียงไปโดยไม่ตั้งใจ เมื่อผู้ตรวจการหม่าตั้งสติได้อีกครั้ง เนื้อแพะนุ่มและเปื่อยชิ้นหนึ่งก็อยู่ในปากแล้ว
คายน่ะคายออกมาไม่ได้แน่นอน การสิ้นเปลืองอาหารเป็นสิ่งที่น่าละอายที่สุด
ผู้ตรวจการหม่าเคี้ยวเนื้อแพะด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย ยิ่งเคี้ยวยิ่งหอม ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งหอม…
จากนั้นก็ไม่มีจากนั้นอีก เขารู้สึกว่าคุณหนูลั่วพูดมีเหตุผลมาก
ลั่วเซิงไม่ได้รบกวนผู้ตรวจการหม่าที่กินอย่างมูมมามอีก นางเดินออกจากห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้ม
หน้าต่างระเบียงไม่ได้ปิดสนิท ทำให้เห็นหิมะที่โปรยปรายทั่วฟ้า
ในสภาพอากาศที่ลมแรงและมีหิมะตก ท้องฟ้าจะดูมืดเสมอ แต่หิมะที่กองตามชายคาและยอดไม้ทำให้เกิดความสว่างเล็กน้อย
ลั่วเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จัดการผู้ตรวจการหม่าได้แล้ว หลังจากนี้ก็อยู่ที่พระประสงค์ของเบื้องบนแล้วล่ะ
แต่ว่าจวนฉางชุนโหวน่ะ คงไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีต่อจักรพรรดิหย่งอันมากนัก
วันต่อมา ผู้ตรวจการหม่าก็รายงานเรื่องฮูหยินฉางชุนโหว ข้อหาที่ฟ้องร้องคือฉางชุนโหวหละหลวมในการดูแลครอบครัว ส่วนข้อหาที่ฟ้องร้องฉางชุนโหวฮูหยินคือเจตนากระทำผิดกฎหมาย จิตใจชั่วร้าย
จักรพรรดิหย่งอันทรงโกรธกริ้ว
ใกล้จะปีใหม่แล้ว กลับยังมีคนสร้างปัญหาให้พระองค์
หากเป็นขุนนางสำคัญในราชสำนักยังพอทนได้ แต่กลับเป็นฉางชุนโหวที่นั่งตำแหน่งสุขสบาย วันๆไม่มีงานทำ
นี่จะให้ทนได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องตรวจสอบและจัดการ
ทันทีที่ฉางชุนโหวทราบข่าวก็ล้มกองลงไปกับพื้น ไม่ทันรอให้สอบสวนก็ผลักหยางซื่อออกไป
เดิมเรื่องนี้หยางซื่อเป็นคนทำอยู่แล้ว เขาละทิ้งหยางซื่อเพื่อปกป้องจวนโหวไว้เป็นเรื่องสมควร
การตัดสินโทษครั้งสุดท้ายถูกกำหนดอย่างรวดเร็ว ฉางชุนโหวถูกระงับเบี้ยหวัดหนึ่งปี ฉางชุนโหวฮูหยินถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์ กลายเป็นคนธรรมดาสามัญ
จวนโหวเพิ่งเสียเงินหนึ่งหมื่นตำลึง การถูกระงับเบี้ยหวัดไม่ต่างจากซวยซ้ำซวยซ้อน ส่วนฮูหยินถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์ ยิ่งเป็นเรื่องน่าอับอาย ไม่กล้าสู้หน้าใครข้างนอก
ฉางชุนโหวเขียนหนังสือหย่าร้าง โยนใส่หน้าหยางซื่อ
หยางซื่อแทบคลั่ง นางโถมตัวใส่ฉางชุนโหวพลางขอร้องวิงวอนว่า “ญาติผู้พี่ ท่านจะหย่ากับข้าไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านหย่ากับข้าแล้วจะให้หนานเอ๋อร์พวกเขาทำอย่างไร มีมารดาที่ถูกหย่า ลูกๆ จะสู้หน้าคนอื่นได้อย่างไร ต่อไปพวกเขาจะแต่งงานก็ลำบาก…”
ฉางชุนโหวผลักหยางซื่ออกไปอย่างไร้ความปรานี พูดเสียงเย็นชาว่า “ตอนนี้ลูกๆ ก็ไม่กล้าสู้หน้าใครเพราะเจ้าแล้ว ยังต้องรออนาคตหรือ หากเจ้ารู้เรื่องก็อย่าโวยวาย ข้าจะเก็บเรือนๆ หนึ่งที่อยู่ในซอยนอกจวนโหวไว้ให้เจ้า จากนี้เป็นต้นไปจงทำตัวดีๆ อยู่ในนั้นเถอะ”
“ญาติผู้พี่ ญาติผู้พี่คิดแทนพวกเขาสักเล็กน้อยเถอะ ขอร้องท่านคิดแทนพวกเขาสักเล็กน้อย!”
ฉางชุนโหวยิ้มหยัน “เจ้าต่างหากที่ควรคิดแทนลูกๆ หากเจ้าใช้ชื่อโหวฮูหยินไปตลอดโดยไร้ซึ่งบรรดาศักดิ์ ผู้คนก็จะจดจำไปตลอดว่าพวกเขามีมารดาที่เจตนาทำผิดกฎหมาย จิตใจชั่วร้ายมิใช่หรือ หยางซื่อ รู้จักกาลเทศะหน่อยเถอะ!”
หยางซื่อมองฉางชุนโหวน้ำตาคลอ นางเบิกตากว้าง “ญาติผู้พี่ ท่านจะโหดเหี้ยมเช่นนี้ไม่ได้ ข้าเป็นน้องของท่านนะเจ้าคะ”
ฉางชุนโหวสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ใช่ข้าโหดเหี้ยม แต่ข้าตาบอดไปเอง คิดว่าเจ้าเป็นคนใสซื่อจิตใจงามมาโดยตลอด ไหนเลยจะคิดว่าเจ้าเป็นคนเช่นนี้”
“ญาติผู้พี่…”
ฉางชุนโหวสีหน้าเยือกเย็นกว่าเดิม “เจ้าอย่าลืมว่าท่านหญิงตายอย่างไร หากยังไม่รู้จักเจียมตัว นั่นก็คือจุดจบของเจ้า!”
หยางซื่อเซถอยหลังด้วยใบหน้าตะลึงงัน ความหวาดกลัวปะทุขึ้นในใจ
ลูกๆ ยังไม่ทันเลิกเรียน หยางซื่อก็ถูกไล่ออกจากจวนโหวย้ายไปยังบ้านกลางเก่ากลางใหม่หลังหนึ่ง
หยางซื่อนั่งอยู่ในห้องที่เยือกเย็นและมืดสลัว นางรู้สึกราวกับยังอยู่ในความฝัน
นี่ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ เมื่อครู่นี้นางยังเป็นโหวฮูหยินอยู่เลย เหตุใดเพียงพริบตาก็กลายเป็นหญิงม่ายไปแล้ว
ใช่แล้ว นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ ตื่นจากฝันแล้วทุกอย่างก็จะเป็นปกติ
หยางซื่อหยิกแขนตัวเองอย่างแรง ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาในทันที
สิ่งที่เห็นยังคงเป็นห้องเตี้ยๆ และทรุดโทรม
จู่ๆ หยางซื่อก็พุ่งออกไป เมื่อถึงประตูก็ถูกขวางไว้
“ไท่ไท่[1] ท่านโหวสั่งไว้แล้วว่าช่วงนี้ท่านห้ามออกไป”
“ใครให้เจ้าเรียกข้าว่าไท่ไท่” หยางซื่อเงื้อมือขึ้นตบบ่าวเฒ่าที่เฝ้าประตู
บ่าวเฒ่าเอามือกุมหน้า ยิ้มหยัน “แหม ท่านยังคิดว่าตนเองเป็นโหวฮูหยินผู้สูงส่งอยู่หรือ ไม่คิดเสียหน่อยว่าใครเป็นผู้ริบคืนบรรดาศักดิ์”
นั่นเป็นพระบัญชาของฝ่าบาทเชียวนะ คิดว่าจะพลิกตัวได้อีกหรือ
หยางซื่อถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองบ่าวเฒ่าเขม็ง
บ่าวเฒ่าเบ้ปาก “ท่านอย่าถือสากับคนใช้คนหนึ่งอย่างข้าเลย คิดถึงฐานะของตนเองให้มากเถอะ หากทำให้ท่านโหวโมโห…”
ใบหน้าของบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูค่อยๆ พร่าเลือน สิ่งที่มาแทนที่คือสีหน้าที่ดุร้ายและน่ากลัวของฉางชุนโหว
นางรู้สึกคุ้นเคยกับสีหน้าเช่นนี้
เป็นไปไม่ได้ เมื่อก่อนญาติผู้พี่อ่อนโยนต่อนางมาก เหตุใดนางจึงรู้สึกคุ้นเคยกับสีหน้าเช่นนี้นะ
ลมหนาวพัดมา หยางซื่อสะดุ้งเล็กน้อย จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้
สีหน้านี้ของญาติผู้พี่นางเคยเห็นมาก่อนจริงๆ นั่นคือสีหน้าตอนที่ญาติผู้พี่เอาหมอนอุดหน้าของท่านหญิงหวาหยางเมื่อสิบสองปีก่อน
เพียงแต่ว่าครานั้นนางไม่รู้สึกกลัว
ที่แท้ไม่ใช่นางไม่กลัว เพียงแต่ว่าเพิ่งรู้สึกกลัวเมื่อเกิดขึ้นกับตนเอง
หยางซื่อถอยหลังไปทีละก้าว กลับห้องไปเงียบๆ
ในห้องมืดสลัวและย่ำแย่มาก แต่นางยังมีลูกๆ สถานการณ์ของนางดีกว่าท่านหญิงหวาหยางมาก
อย่างน้อยบุตรชายสองคนและบุตรสาวหนึ่งคนก็โตแล้วและยังถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี
ตราบใดที่ลูกๆ อยู่ดี นางก็ยังไม่ถือว่าแพ้!
เมื่อหยางซื่อคิดเช่นนี้แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น
แค่อดทน เหมือนที่นางอดทนอย่างระมัดระวัง ตอนที่นางเป็นเด็กหญิงที่อาศัยใต้ชายคาคนอื่นในจวนโหวก็พอ
ใครบ้างที่ไม่ต้องอดทนในชีวิต ตราบใดที่ยังมีชีวิตก็ยังมีความหวัง ย่อมดีกว่าท่านหญิงหวาหยางคนอายุสั้นคนนั้น
สวี่ฟางแทบจะวิ่งไปหอสุราตลอดทาง
ยังห่างจากเวลาเปิดหอสุรามากนัก หอสุรายังไม่เปิด ประตูไม้เปิดแง้มไว้
สือเยี่ยนกำลังกวาดหิมะหน้าประตูอย่างขะมักเขม้น
“คุณหนูลั่วมาหรือยัง” สวี่ฟางถาม
“มาแล้วขอรับ” สือเยี่ยนถือไม้กวาดมองหญิงสาวที่กำลังหอบ
“ขอบใจ” สวี่ฟางพูดทิ้งท้ายแล้วเปิดม่านประตูหนาๆ พุ่งเข้าไป
สือเยี่ยนส่ายศีรษะ
แม้แต่แม่นางคนหนึ่งยังกระตือรือร้นมาหาคุณหนูลั่วเช่นนี้ แต่นายท่านนี่สิ ยังมาช้ากว่าคนอื่น
ลั่วเซิงกำลังนั่งข้างตู้คิดเงินอย่างเกียจคร้านพลางดูผู้ดูแลหญิงจัดการบัญชี จากนั้นก็เห็นสวี่ฟางรีบร้อนเดินเข้ามา
นางมองผู้มาเยือนด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
สวี่ฟางกลับไม่สามารถสงบได้
นางเดินไปข้างหน้าลั่วเซิงอย่างรวดเร็ว สายตาเป็นประกาย “คุณหนูลั่ว เจ้าทำได้อย่างไรกัน!”
ทั้งๆ ที่นางเพิ่งขอความช่วยเหลือจากคุณหนูลั่ว เหตุใดเพียงพริบตาท่านพ่อก็ถูกลงโทษระงับเบี้ยหวัด ส่วนแม่เลี้ยงนอกจากจะถูกถอนบรรดาศักดิ์แล้วยังกลายเป็นหญิงม่าย
นางดีใจมาก แต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ แม้จะเห็นว่าแม่เลี้ยงถูกส่งออกไปกับตาก็รู้สึกไม่ใช่เรื่องจริง
มีเพียงการขอคำยืนยันจากหญิงสาวที่อายุน้อยกว่านางตรงหน้าคนนี้ถึงจะสบายใจได้
“คุณหนูใหญ่สวี่หมายถึงแม่เลี้ยงของเจ้าหรือ”
สวี่ฟางพยักหน้าอย่างแรง
ลั่วเซิงยิ้ม “ข้าบอกแล้ว ค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้เพิ่งเริ่มเท่านั้น”
“เพิ่งเริ่ม?” สวี่ฟางพึมพำ
แม่เลี้ยงถูกหย่า เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นหรือ
ความสุขเบ่งบานในใจนาง แต่กลับทำให้นางหลั่งน้ำตา
[1] ไท่ไท่ ใช้เรียกหญิงที่แต่งงานแล้ว