ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 378 แขกจากแดนไกล
ตอนที่ 378 แขกจากแดนไกล
ผู้ดูแลจูไม่ได้อยากออกจากเมืองหลวงมากนัก
แม้คนเหล่านั้นที่ถูกเจ้าพนักงานจับตัวไปจะไม่ใช่คนของเขาทั้งหมด แต่ก็มีมากกว่าครึ่ง เขากลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ
เป็นเพราะอีกฝ่ายพลาดไปหรือว่ากำลังล่อปลาตัวใหญ่
สิ่งที่เขาสงสัยมากกว่าคืออย่างหลัง
การเลือกที่จะออกจากเมืองในยามนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาด เพราะนั่นเท่ากับส่งตัวเองเข้าไปอยู่ในสายตาของคนพวกนั้น
หากมีที่กบดาน ย่อมอยู่ในเมืองก่อนดีกว่า…
ผู้ดูแลจูมองธงหอสุราสีเขียวที่พลิ้วไหวไปตามสายลมหิมะ เขาตัดสินใจได้แล้ว
ยังไม่ถึงเวลาเปิดหอสุรา ถนนด้านนอกที่มีหิมะกอง นกกระจอกสองสามตัวกำลังกระโดดหาอาหาร
จู่ๆ ม่านประตูหนาก็ถูกเปิดออก สาวใช้สวมชุดสีแดงคนหนึ่งเดินออกมาจากหอสุรา ข้างหลังสาวใช้ตามมาด้วยชายหนุ่มหน้าตางดงาม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินเสียงหรือว่าพบว่ามีคนมา นกกระจอกสองสามตัวจึงบินหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
หงโต้วเม้มปากเล็กน้อย พูดอย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “นกกระจอกเหล่านี้ร้ายขึ้นทุกวัน ก็แค่กินไปไม่กี่ครั้ง กลับวิ่งหนีเมื่อเห็นข้า”
นางเหลือบมองผู้ดูแลจู พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “ท่านคือผู้ดูแลบ่อนทองพันชั่งมิใช่หรือ”
ผู้ดูแลจูพยักหน้าเบาๆ
หงโต้วหันไปตะโกนบอกว่า “คุณหนู ผู้ดูแลจูแห่งบ่อนทองพันชั่งคนนั้นบากหน้ามาขออาศัยกับท่านแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้ดูแลจูกระตุกมุมปาก
แม้นังหนูน้อยคนนี้จะพูดจุดประสงค์การมาของเขาได้ถูกต้อง แต่เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกอยากจะวิ่งหนีไปจริงๆ…
ม่านประตูถูกสาวใช้สวมเสื้อกั๊กสีม่วงเปิดออก
สาวใช้ยืนหน้าประตูยิ้มพูดว่า “ผู้ดูแลจู คุณหนูเชิญท่านเข้ามาเจ้าค่ะ”
ผู้ดูแลจูลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป
เมื่อได้ยินเสียง นางก็มองมาอย่างสงบ
“คุณหนูลั่ว” ผู้ดูแลจูประสานมือคำนับ
ลั่วเซิงยิ้มมองอีกฝ่าย “ผู้ดูแลจูคิดได้แล้ว ตั้งใจจะมาทำงานที่หอสุราหรือ”
ผู้ดูแลหญิงที่กำลังวุ่นกับบัญชีได้ยินดังนั้นก็มองไปอย่างระมัดระวัง
คนๆ หนึ่งที่เคยเป็นผู้ดูแลมาก่อนมาทำงานที่หอสุรา ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือผู้ดูแลมิใช่หรือ
ซี๊ด… หรือว่าเถ้าแก่คิดว่านางทำงานได้ไม่ดี คิดจะเปลี่ยนผู้ดูแลแล้ว
คงไม่ใช่หรอก นางดูแลบัญชีได้ละเอียดรอบคอบเช่นนี้ บันทึกก่อนหน้านี้ละเอียดถึงขั้นระบุเวลาที่ผู้สงศักดิ์แต่ละท่านมา เถ้าแก่ยังไม่พอใจอีกหรือ
ผู้ดูแลหญิงใจเต้นระส่ำ นางจ้องผู้ดูแลจูเขม็ง มือวางลงบนลูกคิดเหล็กอย่างไม่รู้ตัว
คิ้วข้างหนึ่งของผู้ดูแลจูอดกระตุกไม่ได้
ชื่อเสียของคุณหนูลั่วนั้นเขาเองก็เคยได้ยิน แต่เหตุใดสตรีที่ดูเรียบร้อยก็จ้องเขาเขม็งด้วยเช่นกันเล่า
ผู้ดูแลจูข่มความประหลาดใจไว้ กำหมัดประสานมือพูดว่า “ตอนนี้ข้าน้อยไม่ได้ทำงานในบ่อนทองพันชั่งแล้ว หากร้านของท่านต้องการลูกมือเช่นข้าน้อย คุณหนูลั่วโปรดรับข้าน้อยไว้ด้วย”
ผู้ดูแลหญิงจับลูกคิดเหล็กแน่น สีหน้าจริงจัง
ลั่วเซิงยิ้ม “หอสุราของเราค้าขายรุ่งเรือง ย่อมต้องการคนมีความสามารถเช่นผู้ดูแลจูมาช่วยเหลือ”
“ไม่ทราบว่าข้าน้อยพอจะทำอะไรได้บ้าง”
“ยังขาดผู้ดูแลบัญชีที่ช่วยแบ่งเบางานของผู้ดูแลหญิง”
ผู้ดูแลหญิงปากสั่น
นางไม่ต้องการคนช่วยแบ่งเบา!
ทว่าต่อหน้าเถ้าแก่ที่กำลังยิ้ม นางไม่กล้าคัดค้าน
ช่างเถอะ ต่อไประวังคนๆ นี้ไว้ อย่าให้ถูกแย่งงานก็พอ
“ขอบคุณคุณหนูลั่วที่รับข้าน้อยไว้”
ลั่วเซิงเอามือเท้าแก้ม ถามอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “ผู้ดูแลจูคงทำงานในบ่อนทองพันชั่งมาหลายปีแล้ว เหตุใดจึงไม่ทำแล้วเล่า”
ผู้ดูแลจูเผยสีหน้าละอาย “บ่อนทองพันชั่งเกิดเรื่องเล็กน้อย หยุดกิจการไปแล้ว และไล่คนจำนวนหนึ่งออก…”
“เช่นนี้นี่เอง” ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ ถามอีกว่า “ใช่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าให้เรียกผู้ดูแลจูอย่างไร”
“ท่านเรียกข้าว่าจูอู่ก็พอ”
“จูอู่หรือ…” ลั่วเซิงพึมพำ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ชื่อดี”
ในฐานะที่เป็นท่านหญิง สาเหตุที่นางจำจูอู่ได้ เพราะคนๆ นี้เป็นลูกน้องของหยางจุ่น นางเคยเห็นพวกเขาประลองฝีมือกัน
จูอู่มีพรสวรรค์ด้านวิทยายุทธ์ ครานั้นอายุไม่ถึงสิบขวบก็ต่อสู้กับหยางจุ่นได้อย่างสูสี
คนแบบนี้ สิบสองปีให้หลังกลับกลายเป็นผู้ดูแลบ่อนพนันอย่างเปิดเผย และกลายเป็นผู้รับผิดชอบกลุ่มนักฆ่าคนหนึ่งอย่างลับๆ
นางอยากจะให้คนๆ นี้มาอยู่ข้างกายเพื่อที่นางจะได้จับตามองเขา ดูว่าเหตุใดเขาจึงกลายเป็นเช่นนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนเจิ้นหนานอ๋องหรือไม่
“โค่วเอ๋อร์ เก็บห้องฝั่งตะวันออกห้องหนึ่งให้จูอู่”
โค่วเอ๋อร์พยักหน้าให้จูอู่เบาๆ “ตามข้ามาเถอะ”
การที่หอสุรามีคนทำงานเพิ่มมาอีกหนึ่งคนไม่ได้ดึงดูดความสนใจของแขกที่มาดื่มสุรามากนัก แขกของหอสุราไหลมาเป็นเทน้ำเทท่าทุกวัน
ถึงอย่างไรก็มีอาหารลดราคาอยู่ สิ้นปีหอสุราปิดก็จะไม่ได้กินแล้ว!
ความสนใจเพียงอย่างเดียวของแขกหอสุราอยู่ที่อีกคนหนึ่ง
ไคหยางอ๋องที่มาหอสุราทุกวันกลับไม่ได้มาสองวันแล้ว
คงไม่ใช่เพราะกินจนไม่มีเงินแล้วหรอกนะ
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าถาม ได้แต่คาดเดาในใจ จนเมื่อหอสุราปิดข้อสงสัยก็ยังไม่ได้ถูกไข
แม้แต่หงโต้วเองก็อดบ่นไม่ได้ว่า “คุณหนู เหตุใดไคหยางอ๋องไม่มาแล้วเล่า”
ลั่วเซิงคิดถึงหิมะที่โปรยปรายใต้ต้นพลับ คิดถึงมือใหญ่ที่บังหิมะให้นางแล้วก็ยิ้มจางๆ “ใครจะไปรู้เล่า คงกำลังเตรียมตัวฉลองปีใหม่กระมัง”
บรรยากาศปีใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทศกาลปีใหม่ผ่านไปแล้วก็มีญาติมาถึง
น้ารองเซิ่งพาคุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่ง หลานชายสองคนเข้าเมืองหลวง
คุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งสอบติดแล้ว ต้องเตรียมตัวสอบชุนเหวยที่กำลังจะมาถึง
การสอบคัดเลือกเช่นนี้ ครอบครัวที่มีฐานะล้วนเข้าเมืองหลวงล่วงหน้า ประการแรกเพื่อสามารถเข้าร่วมการสอบคัดเลือกในสภาพที่ดีที่สุด อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือต้องเยี่ยมเยียนท่านปราชญ์ ทำความรู้จักกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในหมู่บัณฑิตที่มาสอบ
หงโต้วพุ่งเข้ามาราวกับพายุ “คุณหนู ท่านน้ามาถึงแล้ว พาคุณชายใหญ่ คุณชายรองและยังพาอีกคนหนึ่งมา ท่านต้องคิดไม่ถึงแน่นอน!”
“ซูเย่าหรือ” ลั่วเซิงถามอย่างสงบ
หงโต้วตะลึง จากนั้นก็มองโค่วเอ๋อร์ตาขวาง “โค่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนบอกคุณหนูใช่หรือไม่”
เจ้าอันธพาลน้อยคนนี้ แย่งผลงานนางอีกแล้ว!
โค่วเอ๋อร์กลอกตา “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูเย่าคือใคร จะบอกอะไรคุณหนูได้เล่า”
หงโต้วกะพริบตาสองสามที เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าครานั้นโค่วเอ๋อร์ไม่ได้ติดตามคุณหนูไปจินซาด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จู่ๆ สาวใช้น้อยก็รู้สึกพึงพอใจ ทว่าเพียงครู่เดียวก็กลับมาโมโหอีก “ปีใหม่แท้ๆ เจ้าคนเฮงซวยนั่นมาทำอะไร!”
คุณหนูโตขนาดนี้เคยเสียเปรียบแค่ครานั้นเท่านั้น ล้วนเป็นเพราะเจ้าคนเฮงซวยนั่น
ลั่วเซิงยิ้มๆ อย่างไม่แยแส “ซูเย่าเป็นผู้มีความสามารถที่มีชื่อเสียง พี่น้องสองคนสอบติดจวี่เหรินแล้ว ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่ติด ตระกูลเซิ่งและตระกูลซูมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น น้ารองเข้าเมืองหลวงเพื่อดูแลสองพี่น้อง ย่อมต้องดูแลซูเย่าด้วย”
หงโต้วถ่มถุย “หากไม่ใช่เพราะเขา ครานั้นคุณหนูก็คงไม่เกิดเรื่อง เขายังหน้าไม่อายเข้าจวนแม่ทัพใหญ่ลั่ว โอ้ เขาคงไม่ได้จะอยู่ที่นี่หรอกนะเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ครั้งที่แล้วที่น้ารองออกจากเมืองหลวงก็ให้คนช่วยจัดการที่พักอาศัยไว้แล้ว” ลั่วเซิงลุกขึ้น รับชุดคลุมที่โค่วเอ๋อร์ยื่นมาให้ “ไปเถอะ ไปดูกัน”
ในห้องรับรอง แม่ทัพใหญ่ลั่วกำลังทักทายน้ารองเซิ่ง
คุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งที่คารวะแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้วกำลังอ้าปากค้างมองคุณชายสามเซิ่ง
“น้องสาม เจ้ามานี่หน่อย”
คุณชายสามเซิ่งเดินไปหา “พี่รองเรียกข้าทำไมหรือ”
คุณชายรองเซิ่งมองคุณชายสามเซิ่งอย่างพินิจพิเคราะห์ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามเสียงเบาว่า “น้องสาม เจ้าพูดมาตรงๆ ช่วงนี้เจ้าได้ส่องกระจกบ้างหรือไม่”