ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 379 ปล่อยต้าไป๋
ตอนที่ 379 ปล่อยต้าไป๋
ทันทีที่คุณชายสามเซิ่งได้ยินก็ขมวดคิ้ว
พี่รองพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
เมื่อเห็นคุณชายสามเซิ่งงุนงง คุณชายรองเซิ่งก็ตบแขนของเขาเบาๆ “น้องรอง เทียบกับตอนที่เจ้าอยู่บ้านแล้ว ดูอ้วนขึ้นจนต่างกันราวกับคนละคนจริงๆ!”
เหตุใดจึงอ้วนขึ้นเช่นนี้นะ น้องชายงดงามคิ้วเข้มตาโตคนนั้นหายไปไหนแล้ว
คุณชายสามเซิ่งได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้โมโห เขากล่าวอย่างมีความนัยว่า “เดี๋ยวพี่รองก็รู้”
อาหารที่น้องลั่วและอาซิ่วทำอร่อยเช่นนี้ ใครจะไปทนไหว
อีกอย่าง เขาเต็มใจขุนตนเองให้อ้วน เหตุใดต้องทนหิวด้วยเล่า
คุณชายรองเซิ่งส่ายศีรษะ รู้สึกว่าน้องสามกู่ไม่กลับแล้ว
น้ำเสียงเจือความไม่พอใจเล็กน้อยของแม่ทัพใหญ่ลั่วดังขึ้น “เหตุใดน้องภรรยาจึงไปอาศัยข้างนอกเล่า จวนลั่วกว้างขวางเช่นนี้ มีห้องหับมากมาย พวกเจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น นอนที่นี่เถอะ”
น้ารองเซิ่งยิ้มพูดว่า “ข้าตระเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ห่างจากจวนแม่ทัพใหญ่นัก จะมาหาเมื่อไรก็ได้”
“เพื่ออะไรกันเล่า อาศัยในจวนลั่วมีคนคอยจัดการทุกอย่าง ให้หลานๆ ตั้งใจอ่านหนังสือก็พอ”
น้ารองเซิ่งปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม “ที่พักที่เช่าไว้สะอาดดี พวกเขาเชิญเพื่อนรุ่นเดียวกันมานั่งก็สะดวก”
ถึงอย่างไรผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินก็ห่างไกลกับขุนนางฝ่ายบุ๋นมาก แม้ตระกูลเซิ่งยอมรับครอบครัวตระกูลนี้แล้ว แต่คงไม่เหมาะสมหากเด็กๆ เข้าเมืองหลวงเพื่อเตรียมสอบโดยใช้วิธีอาศัยในจวนแม่ทัพใหญ่เพื่อให้อยู่ในสายตาผู้อื่น
แม่ทัพใหญ่ลั่วได้ยินน้ารองเซิ่งพูดเช่นนี้ก็รู้สึกมีเหตุผลเช่นกัน เขาจึงไม่ได้บังคับ “หากน้องภรรยามีอะไรก็ส่งคนมาบอก ต้องมาดื่มสุรากับข้าบ่อยๆ ด้วยเล่า”
“แน่นอน” น้ารองเซิ่งยิ้มตอบและถามเรื่องที่คิดถึงมาตลอด “กิจการในหอสุราของเซิงเอ๋อร์ยังไปได้ดีใช่หรือไม่”
แม่ทัพใหญ่ลั่วโบกมือ “ปิดแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของน้ารองเซิ่งแข็งทื่อ ปิดแล้ว?
มีเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปีไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงปิดแล้วเล่า
สิ่งที่เขากังวลก็คือหลานสาวจะเปิดเล่นๆ เมื่อเขากลับมาเมืองหลวงอีกคราก็จะไม่ได้กินแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เป็นห่วงจะเป็นจริงเสียแล้ว
น้ารองเซิ่งข่มความผิดหวังเอาไว้ “อยู่ดีๆ เหตุใดจึงปิดเล่า”
“ใกล้ปีใหม่แล้วอย่างไรเล่า ได้ยินเซิงเอ๋อร์บอกว่าหลังเทศกาลโคมไฟก็จะกลับมาเปิดใหม่”
“เช่นนี้นี่เอง” น้ารองเซิ่งลอบถอนหายใจ
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มถาม “น้องภรรยาอยากกินอาหารของหอสุราแล้วใช่หรือไม่”
น้ารองเซิ่งยิ้มแหะๆ “ใช่แล้ว กลับไปแล้วก็คิดถึงตลอดเลย”
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มร่า “แม่ครัวหอสุราอยู่ในจวนลั่ว หลังจากหอสุราปิดอาหารเย็นของจวนมีแม่ครัวรับผิดชอบ น้องภรรยามากินด้วยกันบ่อยๆ สิ”
ได้ยินแม่ทัพใหญ่ลั่วพูดเช่นนี้ น้ารองเซิ่งก็รู้สึกเจ็บแปลบ มุมปากกระตุก
เขานึกเสียดายแล้ว ตอนนี้ขอกลับมาอาศัยที่นี่ยังทันหรือไม่
คุณชายใหญ่เซิ่งสบตาคุณชายรองเซิ่ง
วันนี้อารองดูแปลกๆ
จากนั้นก็มองน้องชายที่อ้วนขึ้น สองพี่น้องก็ยิ่งรู้สึกสับสน
ส่วนซูเย่านั่งเงียบๆ มาโดยตลอด ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ
ลั่วเฉินมองซูเย่าด้วยหางตา ในดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
เขาไม่ชอบคนๆ นี้
ม่านประตูถูกเปิดออก บ่าวรับใช้เข้ามารายงาน “คุณหนูมาแล้วเจ้าค่ะ”
ทุกคนอดมองไปที่ประตูไม่ได้ เห็นเด็กสาวในชุดสีเรียบเดินเข้ามา
นางเดินก้าวเท้าเข้ามาอย่างมั่นคง มองดูไปแล้วสง่างามกว่าหญิงสาวทั่วไปเล็กน้อย
“ท่านพ่อ น้ารอง” ลั่วเซิงเดินไปข้างหน้า ย่อเข่าเล็กน้อย
น้ารองเซิ่งรีบพูดว่า “เซิงเอ๋อร์มิต้องมากพิธี ให้น้าดูหน่อยสิ ดูสิเหตุใดจึงผอมลงกว่าตอนที่ข้าจากเมืองหลวงไปเล่า”
คุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งมองหน้ากันไปมา
อารองแปลกจริงๆ ดูกระตือรือร้นกับน้องลั่วเกินไป
ลั่วเซิงมองไปที่ทั้งสองแล้วทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คารวะท่านพี่ทั้งสองเจ้าค่ะ”
ทั้งสองรีบทักทายกลับ
สายตาของลั่วเซิงขยับไปเล็กน้อย หยุดอยู่ที่ซูเย่า
ซูเย่ากำหมัดประสานมือให้ลั่วเซิง “คุณหนูลั่ว ไม่พบกันนาน”
ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ อย่างสงวนท่าทีและเย็นชา “คุณชายรองซู”
ดวงตาซูเย่ามีแววประหลาดใจวาบผ่านและกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
คุณชายรองเซิ่งมองลั่วเซิงอีกคราด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
ในอดีตน้องลั่วร้องไห้โวยวายจะอยู่กับซูเย่าให้ได้มิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้จึงเย็นชากับน้องรองซูเช่นนี้นะ
คุณชายรองเซิ่งที่นั่งอยู่ในห้องรับรองที่กว้างขวางโอ่อ่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย เขารู้สึกว่าหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้วทุกอย่างต่างจากที่เขาคิดไว้
น้องสามผู้หล่อเหลาอ้วนขึ้นมาก น้องลั่วที่ดุร้ายกลายเป็นคนเย็นชากว่าเดิม ท่านลุงเขยผู้น่าเกรงขามในจินตนาการกลับเป็นกันเองเช่นนี้…
ความรู้สึกสูญเสียการควบคุมนี้ไม่ค่อยดีนัก
“เซิงเอ๋อร์ กินอาหารเที่ยงกับน้ารองเจ้านะ เจ้าให้แม่ครัวทำอาหารเถอะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดกับลั่วเซิงด้วยน้ำเสียงหารือ
คุณชายรองเซิ่งลอบส่ายศีรษะ
มิน่าน้องลั่วจึงมีนิสัยโอหังอวดดี ท่านลุงเขยตามใจบุตรสาวคนนี้จริงๆ จะให้แม่ครัวทำอาหารยังต้องหารือก่อน
“เช่นนั้นท่านพ่อและน้ารองคุยต่อเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปเตรียม” ลั่วเซิงทำท่าจะกล่าวลา
คุณชายสามเซิ่งพูดตามว่า “ข้าไปเป็นเพื่อนน้องลั่ว”
น้ารองเซิ่งมองบุตรชายอย่างระแวดระวัง
เจ้าหมอนี่กระตือรือร้นเช่นนี้ คงไม่ใช่เพราะจะไปแอบกินหรอกนะ
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มพูดว่า “ต้าหลัง เอ้อร์หลัง พวกเจ้าเองก็ไปดูเถอะ ทำความคุ้นเคยกับในจวนไว้”
พวกคุณชายใหญ่เซิ่งลุกขึ้นแล้วเดินตามออกไป
“พี่สาม ลั่วเฉิน พวกเจ้าพาท่านพี่ทั้งสองและคุณชายรองซูไปเดินดูเถอะ ข้ากลับเรือนเสวียนอวิ๋นย่วนก่อนแล้ว”
มองส่งเด็กสาวจากไป คุณชายรองเซิ่งก็ยิ้มพูดว่า “รู้สึกว่าน้องลั่วเปลี่ยนไปไม่น้อย”
ลั่วเฉินพูดเสียงราบเรียบว่า “ไม่ได้เปลี่ยน ยังเลี้ยงนายบำเรอสองคนอยู่เลย”
ไม่ว่าจะเป็นซูเย่าหรือพี่รอง เขาไม่รู้สึกว่าการทำให้พวกเขาประทับใจในตัวลั่วเซิงนั้นมีอะไรดี
คุณชายรองเซิ่งทำสีหน้าประหลาด “น้องลั่วเลี้ยงผู้ชายจริงๆ หรือ”
เขามองและถามคุณชายสาม
ได้ยินน้องชายพูดเช่นนี้ ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี
คุณชายสามเซิ่งพยักหน้า “ใช่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งซื้ออีกคนหนึ่งจากหอคณิกาชายกลับมา”
คุณชายรองเซิ่งมุมปากกระตุกอย่างแรง พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “น้องสาม เจ้าก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน”
หญิงสาวคนหนึ่งซื้อผู้ชายจากหอคณิกาชายมาเลี้ยง น้องสามกลับเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา!
พวกเขาคุยพลางเดินดูไปพลางจนถึงสวนดอกไม้โดยไม่รู้ตัว
ช่วงเวลานี้ของปี พืชพรรณรกร้าง โชคดีที่มีหิมะตกแต่ง สวนดอกไม้จึงดูสบายตา
“พี่รองซู มาเมืองหลวงยังพอปรับตัวได้หรือไม่” คุณชายสามเซิ่งถามด้วยความเป็นห่วง
ลั่วเฉินไม่ค่อยชอบพูด พวกเขาเป็นพี่น้องกันคงไม่เป็นไร แต่หากเมินเฉยพี่รองซูคงไม่ค่อยดีนัก
“ยังพอได้ ท่านอารองซูดูแลข้าดีมาก หลังจากนี้ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว”
คุณชายสามเซิ่งยิ้มพูดว่า “ท่านพี่เกรงใจเกินไปแล้ว ครอบครัวเราเป็นเพื่อนกัน นี่เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว”
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันนั่นเอง ห่านสีขาวตัวใหญ่ก็กำลังเข้ามาใกล้ช้าๆ
ฟู่เสวี่ยลังเล “พี่หงโต้ว แบบนี้คงไม่ดี…”
หงโต้วต้องการให้เขาปล่อยต้าไป๋ไปกัดคนอื่น คนที่จะกัดยังเป็นแขกที่เพิ่งมาวันนี้ คงจะสร้างปัญหาน่ะสิ
เด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่แสดงความหวาดกลัว หงโต้วกลับไร้ความเวทนาแม้แต่น้อย นางถลึงตาใส่พูดว่า “เจ้าจะกลัวอะไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่สวมชุดสีขาวนวลนั่นเกือบทำให้คุณหนูตาย”
ฟู่เสวี่ยกะพริบตาสองสามที
เกือบจะทำให้คุณหนูตาย?
มือที่จับปีกต้าไป๋ไว้คลายออก เด็กหนุ่มพูดเสียงเบาว่า “ต้าไป๋ ไปเลย”
ห่านสีขาวตัวใหญ่ที่เตรียมตัวมานานแล้วส่งเสียงร้องแล้วพุ่งออกไป มันฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัวกัดลงไปที่ขาของซูเย่าอย่างแรง