ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 395 คิดถึงบะหมี่เครื่องผัดถ้วยนั้น
ตอนที่ 395 คิดถึงบะหมี่เครื่องผัดถ้วยนั้น
ซิ่วเย่ว์เดินออกมาจากวังอวี้หวาอย่างปลอดภัย
จังหวะที่เห็นโลกอันกว้างใหญ่นอกวัง นางก็เพิ่งรู้ตัวว่าแผ่นหลังของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ รู้สึกหนาวเล็กน้อยเมื่อลมพัดผ่าน
แต่ถึงอย่างไรลมต้นฤดูร้อนก็อบอุ่น เช่นเดียวกับอารมณ์บัดนี้ของซิ่วเย่ว์
สำเร็จแล้ว อย่างน้อยแผนการขั้นแรกก็สำเร็จแล้ว!
นางต้องรีบนำข่าวดีไปบอกท่านหญิง
ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ซิ่วเย่ว์ตรงดิ่งไปที่มีหอสุรา
ลั่วเซิงกำลังรออยู่ในหอสุรา ภายใต้ท่าทางที่สงบนิ่งคือหัวใจที่รุ่มร้อน
แม้แผนการจะรอบคอบสมบูรณ์เพียงใด แต่ทุกอย่างย่อมมีสิ่งที่คาดไม่ถึง มีเพียงรอฟังผล หัวใจจึงจะสงบลงได้
“คุณหนู อาซิ่วกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” หงโต้วเดินเข้ามาจากด้านนอก
ลั่วเซิงรีบลุกขึ้นทันที
ซิ่วเย่ว์เดินเข้าไปในห้องโถงอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข “คุณหนู ข้ากลับมาแล้ว”
ลั่วเซิงพยักหน้า “ไปคุยกันข้างหลัง”
หงโต้วมองลั่วเซิงและซิ่วเย่ว์เดินไปทางประตูผ่านไปยังลานด้านหลังตาปริบๆ เบ้ปากใส่แผ่นหลังของซิ่วเย่ว์
อาซิ่วคนนี้จิตใจคับแคบ อายุปูนนี้แล้วยังฉวยโอกาสแย่งชิงความโปรดปราน น่ารำคาญยิ่งกว่าโค่วเอ๋อร์เจ้าอันธพาลน้อยนั่นมาก เชอะ หากไม่ใช่เพราะทำอาหารอร่อย นางคงสั่งสอนอีกฝ่ายไปนานแล้ว
โค่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ เหล่มองหงโต้ว
ตามประสบการณ์ หงโต้วทำหน้าทำตาเช่นนี้ทีไรต้องกำลังนินทาตนในใจแน่นอน
ฮึ นางคือโค่วเอ๋อร์ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองแล้ว ไม่ถือสาเอาความกับคนเถื่อนแบบนี้หรอก
หงโต้วเหลือบมองโค่วเอ๋อร์ “โค่วเอ๋อร์ เจ้ากำลังนินทาข้าในใจใช่หรือไม่”
ถึงอย่างไรคนที่มีประสบการณ์ก็ไม่ได้มีเพียงโค่วเอ๋อร์คนเดียวเสียหน่อย
โค่วเอ๋อร์ยกมือขึ้นจับดอกไห่ถังที่เสียบบริเวณข้างขมับของตนเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ข้ายุ่งทุกวันเช่นนี้ จะมีเวลาว่างมานินทาเจ้าหรือ หงโต้ว เจ้าใช้ความคิดต่ำช้าคาดเดาจิตใจวิญญูชนไม่ดีหรอกนะ”
หงโต้วกลอกตา “ดูเจ้าได้ใจเข้าสิ ยุ่งด้วยหรือ เจ้าก็แค่หัวหน้าพรรคยาจกมิใช่หรือ”
หัวหน้าพรรคยาจก?
โค่วเอ๋อร์หน้าดำหน้าแดง จ้องหงโต้วเขม็ง
หากไม่ใช่เพราะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ นางอยากจะฉีกปากเจ้าอันธพาลน้อยคนนี้ให้เละจริงๆ!
หงโต้วชนะขาดลอย เดินสะบัดผมอย่างงดงามใส่โค่วเอ๋อร์
ซิ่วเย่ว์เข้าไปในห้อง พูดอย่างรอไม่ไหวว่า “คุณหนู สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ!”
ไม่ว่าจะผ่านความยากลำบากมามากเพียงใด หรือนางจะโตเพียงใด ต่อหน้าท่านหญิงแล้วนางยังคงเป็นสาวใช้เซ่อซ่าคนนั้น
นั่นคืออดีตที่นางไม่มีทางลืมเด็ดขาด
“ไม่รีบ ค่อยๆ พูด” ลั่วเซิงรินชาให้จอกหนึ่งและยื่นให้
ได้ยินซิ่วเย่ว์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังอวี้หวาเสร็จ ลั่วเซิงก็พูดเบาๆ ว่า “วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ได้ทำให้ท่านผิดหวัง บ่าวรู้สึกดีใจมาก…” ซิ่วเย่ว์หัวตาร้อนผ่าว นางรีบยกมือขึ้นมาเช็ด
ลั่วเซิงตบแขนของนางเบาๆ “ต่อไปจะดีขึ้นกว่านี้”
เสียงเรียกของหงโต้วดังขึ้นจากข้างนอก “คุณหนู ไคหยางอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”
ไคหยางอ๋องมาเวลานี้หรือ
ลั่วเซิงวางจอกชาลงแล้วเดินออกไปด้วยความสงสัย
ต้นพลับในลานออกดอกแล้ว
ดอกไม้สีเหลืองอ่อนบานสะพรั่งอย่างเงียบๆ ท่ามกลางใบไม้สีเขียว แม้ว่าจะไม่ได้งดงามและมีเสน่ห์ แต่ก็ช่วยแต่งแต้มความงามของฤดูร้อนด้วยความเรียบง่าย
ข้างต้นพลับมีร่างในชุดสีแดงที่สง่าผ่าเผยยืนอยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ เว่ยหานก็หันมา
“วันนี้ท่านอ๋องมาแต่เช้าเลย”
ปกติแม้ไคหยางอ๋องมาเร็ว แต่นั่นก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทานข้าวเที่ยงเลย
เว่ยหานอมยิ้มมองเด็กสาวที่เดินเข้ามา เกิดความคิดบางอย่าง
วันนี้คุณหนูลั่วดูอารมณ์ดี
ส่วนอารมณ์ของเขากลับไม่ได้ดีนัก
“คุณหนูลั่ว ข้าจะออกไปปฏิบัติหน้าที่นอกเมืองหลวงแล้ว”
ออกจากเมืองหลวงก็จะไม่ได้กินอาหารของหอสุราแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไหนเลยจะมีความสุขได้
ลั่วเซิงกระจ่าง
ที่ไคหยางอ๋องมาแต่เช้า ที่แท้มาอำลานางนี่เอง
“เช่นนั้นขอให้ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”
เว่ยหานเงียบลงครู่หนึ่ง พูดว่า “ข้าออกเดินทางวันนี้”
“เช่นนี้ก็ยิ่งต้องอวยพรให้ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัย ท่านอ๋องเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วหรือยัง” ลั่วเซิงถามอย่างสุภาพ
เว่ยหานเม้มปากเล็กน้อย
เก็บสัมภาระเรื่องเล็กน้อยนี้ ใครเป็นห่วงเรื่องนี้กัน เขาพูดชัดเจนเช่นนี้แล้ว คุณหนูลั่วยังไม่เข้าใจความหมายของเขาอีกหรือ
เว่ยหานมองเด็กสาวแล้วถอนหายใจในใจ
ลั่วเซิงนึกสงสัยในใจ กล่าวอำลาแล้ว เหตุใดไคหยางอ๋องยังไม่ไปอีกนะ
“ท่านอ๋อง (คุณหนูลั่ว)…” หลังจากเงียบลงครู่หนึ่ง ทั้งสองก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ลั่วเซิงยิ้มๆ “ท่านอ๋องพูดก่อนเถิด”
“ไม่ คุณหนูลั่วพูดก่อนเถิด” เว่ยหานรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย
ในที่สุดคุณหนูลั่วก็จะให้เขาอยู่กินข้าวเที่ยงที่นี่แล้ว
ลั่วเซิงยิ้ม “หากท่านอ๋องออกเดินทางวันนี้ เช่นนั้นก็รีบออกเดินทางเถอะเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นเดินทางได้ไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว”
หากระยะทางไกล ตามหลักแล้วควรออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ไคหยางอ๋องทำแบบนี้ไม่เหมือนกับจะออกเดินทางจริงจังเลย
เว่ยหานใบหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าพูดอ้อมค้อมไม่สำเร็จแน่ เขาจึงพูดออกไปตรงๆ ว่า “ออกเดินทางวันนี้ ยังไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด เกรงว่าจะไม่ได้กินอาหารของหอสุราไปอีกนาน…”
สือเยี่ยนที่เอาหูแนบม่านประตูแอบฟังแทบจะโมโห
นายท่านกล้าๆ หน่อยไม่ได้หรือ
ท่านรู้ใจของตนเองดีแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้จักพูดว่า ‘เกรงว่าจะไม่ได้พบคุณหนูลั่วอีกนาน’ คำพูดจริงจังแบบนี้ ทั้งๆ ที่ต้องแก้คำเพียงไม่กี่คำแท้ๆ
เว่ยหานย่อมไม่รู้สึกถึงความผิดหวังขององครักษ์น้อย เขากระแอมเบาๆ พูดว่า “คุณหนูลั่ว ข้าขอกินอาหารเที่ยงที่หอสุราได้หรือไม่”
ในเวลาที่หอสุราปิด ได้แบ่งปันอาหารเลิศรสกับคุณหนูลั่วในฐานะเพื่อนก็ถือได้ว่าเป็นการปลอบใจให้กับการเดินทางอันยาวนานนี้แล้ว
ลั่วเซิงกระตุกมุมปากเบาๆ
มิน่าใกล้จะเที่ยงแล้วยังไม่ออกเดินทาง ที่แท้อยากกินอาหารก่อนค่อยไปนี่เอง
จะว่าไปแล้ว ไคหยางอ๋องก็ถือว่าเป็นแขกที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่หอสุราเปิดกิจการมา และนางก็ติดค้างหนี้บุญคุณอีกฝ่ายไม่น้อย คำขอร้องเล็กๆ น้อยๆ นี้นางย่อมสามารถทำให้ได้
“ได้แน่นอน ถือว่าเลี้ยงส่งท่านอ๋อง แต่ว่าอาหารจานหลักบางอย่างยังเตรียมอยู่ ทำได้แค่อาหารเที่ยงง่ายๆ”
เลี้ยงส่งเขา?
มุมปากเว่ยหานยกขึ้นเล็กน้อย
หากเพื่อเลี้ยงส่งเขาโดยเฉพาะ เหมือนกับว่าเขาจะยื่นคำขอร้องเล็กๆ น้อยๆ ได้อีกหนึ่งข้อ
“ข้าอยากกินบะหมี่เครื่องผัด” เว่ยหานมองเด็กสาวที่มีสีหน้าสงบพลางลองเสนอ
ระหว่างทางเข้าเมืองหลวงช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อปีที่แล้ว เป็นเพราะบะหมี่เครื่องผัดถ้วยหนึ่งทำให้เขาจดจำคุณหนูลั่วได้อย่างแม่นยำ
ลั่วเซิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้ม “บะหมี่เครื่องผัดทำง่าย ข้าจะไปบอกอาซิ่ว”
เห็นลั่วเซิงทำท่าจะเดินไปยังห้องครัว เว่ยหานก็เอ่ยเรียกนาง “คุณหนูลั่ว”
ลั่วเซิงมองเขา
“ข้าอยากกินบะหมี่เครื่องผัดที่เจ้าทำ”
ลั่วเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย
นี่มันได้คืบจะเอาศอกไปหน่อยแล้ว
เว่ยหานมองเด็กสาวด้วยความคาดหวัง
แค่คำขอที่สูงกว่าคำขอเมื่อครู่นี้เล็กน้อย คิดว่าคุณหนูลั่วคงจะไม่ปฏิเสธอย่างไร้ความปรานีหรอกนะ
มองดูอีกฝ่ายที่มองนางตาปริบๆ เพื่อบะหมี่เครื่องผัดถ้วยเดียวแล้ว ลั่วเซิงก็เบ้ปากอย่างไม่มีทางเลือก “ท่านอ๋องรอสักครู่”
เมื่อเห็นลั่วเซิงหันหลังเดินไปทางห้องครัว เว่ยหานก็เดินตามไปและพูดว่า “ดูต้นพลับคนเดียวไม่น่าสนใจเท่าดูคุณหนูลั่วทำบะหมี่เครื่องผัด”
สือเยี่ยนมองแผ่นหลังของทั้งสองหายลับไปจากประตูห้องครัว เขาลูบคางพลางคิด
เหมือนกับว่านายท่านจะไม่ได้ขี้ขลาดอย่างที่เขาคิดไว้ อยากกินบะหมี่เครื่องผัดก็ได้กินแล้ว?
และยังเป็นบะหมี่เครื่องผัดที่คุณหนูลั่วทำด้วย!