ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 403 รักแรกพบ
ตอนที่ 403 รักแรกพบ
เมื่ออ่านรายชื่อจนหมด ลั่วเซิงก็เก็บแล้วเดินออกไป
ในลาน ดอกไม้สีเหลืองอ่อนของต้นพลับกำลังเบ่งบานเงียบๆ สือเหยียนยืนอยู่ข้างบันได ลำตัวยืดตรงกว่าต้นพลับเสียอีก
ส่วนสือเยี่ยนกำลังหยอกต้าไป๋เล่น
งานสามปีมีหนอย่างขบวนแห่จอหงวน คนอื่นได้ไปดู แต่พวกเขาไปไม่ได้
ภารกิจที่สำคัญของพวกเขาคือปกป้องคุณหนูลั่ว
ต้าไป๋ไม่ได้ชอบสือเยี่ยนมากนัก แม้จะรับใช้มันเหมือนกัน แต่คนๆ นี้ไม่ดีเท่าคนที่รับใช้มันนานที่สุดคนนั้น
ต้าไป๋ทำท่าจะกัดสือเยี่ยนทีหนึ่งก็เห็นลั่วเซิง
แย่แล้ว ปีศาจสาวมาแล้ว!
ห่านตัวใหญ่สีขาวสะบัดปีก พร้อมจะหนีกลับไปที่รังเล็กๆ ที่ปลอดภัย
ลั่วเซิงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างต้นพลับและเรียกสือเยี่ยนมา
สือเยี่ยนรีบวิ่งมา “คุณหนูลั่ว มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ”
ต้าไป๋ผ่อนคลายลง
ค่อยยังชั่วที่ไม่ได้มาหามัน
“ท่านอ๋องของพวกเจ้า…จะกลับมาเมื่อไหร่” ลั่วเซิงคิดถึงบัญชีรายชื่อที่ได้มาแล้วก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษว่าเว่ยหานจะกลับเมืองหลวงเมื่อใด
กลุ่มนักฆ่าทั้งสายไคหยางอ๋องเป็นคนติดตามมาโดยตลอด นักฆ่าในบ่อนทองพันชั่งเหล่านั้นไคหยางอ๋องก็เป็นคนจัดการทั้งหมด บัญชีรายชื่อต้องอยู่ในมือของไคหยางอ๋องถึงจะสมเหตุสมผล เพื่อที่เขาจะได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากมัน
เมื่อได้ยินคำถามของลั่วเซิง สือเยี่ยนก็ดีใจ
คุณหนูลั่วคิดถึงนายท่าน!
เห็นทีนายท่านก็ไม่เลว นี่คือความรักที่เกิดขึ้นเมื่อผ่านกาลเวลา
“คุณหนูลั่วโปรดวางใจ นายท่านของเราต้องกลับมาโดยไวแน่นอน เขาจากท่าน…หอสุราของท่านไปแล้วไม่ค่อยชิน”
“จะกลับมาเมื่อไหร่”
สือเยี่ยนยิ้ม “ไม่ได้บอกข้าน้อยไว้ขอรับ…”
นายท่านก็จริงๆ เลย ที่ไม่บอกเขานั้นก็เป็นเรื่องปกติ แต่เหตุใดจึงไม่บอกคุณหนูลั่วไว้สักเล็กน้อยนะ
ลั่วเซิงหมดความสนใจในองครักษ์น้อยทันที นางก้าวเท้าออกไปยังห้องโถง
ห้องโถงดูว่างเปล่าเพราะหงโต้วและคนอื่นๆ ไม่อยู่
เสียงกลองและประทัดดังมาจากไกลๆ แสดงให้เห็นถึงความคึกคักข้างนอก
ลั่วเซิงถือน้ำชาไว้จิบคำหนึ่งอย่างอารมณ์ดี
ตราบใดที่พยายาม ทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น
ผู้คนพลุกพล่านและแออัดบนถนน เพื่อที่จะจับจองตำแหน่งที่ดีแล้ว บางคนถูกเหยียบจนรองเท้าหลุดก็มี
โรงน้ำชาและโรงเตี๊ยมที่ขบวนแห่จอหงวนต้องเดินผ่าน ผู้ที่ใช้เงินทองมากมายเพื่อซื้อห้องส่วนตัวบนชั้นสองเพื่อชื่นชมงานแห่ย่อมสบายกว่ามาก
นอกห้องส่วนตัวที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง เว่ยเฟิงเกาะราวมองไปข้างนอก สีหน้าหมดความอดทนเล็กน้อย “ยังไม่ถึงที่นี่อีกหรือ ช่างเสียเวลาจริงๆ”
เว่ยเหวินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ในเมื่อพี่รองขี้เกียจออกมาดู เหตุใดจึงไม่อยู่จวนเป็นเพื่อนพี่สะใภ้เล่า”
เว่ยเฟิงกระตุกริมฝีปาก
ก็เป็นเพราะว่าจวนอ๋องมีสตรีนั่นอยู่จึงน่าเบื่อยิ่งกว่าอย่างไรเล่า เขาจึงแอบออกมา
แปลกจริงๆ หรือว่าสตรีล้วนเป็นเช่นนี้ มีอะไรไม่ยอมพูดเอาแต่มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา มีชีวิตอยู่ราวกับถูกเขาทุบตี
เขามีเวลาว่างเช่นนี้ที่ไหนกัน
เมื่อเหลือบมองสีหน้าของพี่ชาย เว่ยเหวินก็เม้มปาก ก้มหน้าเล่นจี้หยกไม่ได้พูดอะไร
นางรู้อยู่แล้วว่าพี่รองเข้ากับพี่สะใภ้ไม่ได้
นางและพี่รองเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้
พูดได้เพียงว่าท่านแม่คิดผิดแล้ว
“มาแล้ว!” จู่ๆ เว่ยเฟิงก็ตะโกนขึ้นอย่างดีใจ
เว่ยเหวินเงยหน้ามองไปข้างนอก
อันที่จริงนางไม่ได้สนใจบัณฑิตจอหงวนคนใหม่อะไรมากนัก เพียงแต่ว่างานแบบนี้ทุกคนล้วนดู หากมีเพียงนางที่ไม่เข้าร่วม ต่อไปในงานเลี้ยงของเหล่าสตรีชั้นสูง นางก็คงร่วมวงด้วยไม่ได้
โชคดีที่ไม่ต้องเบียดกับสามัญชนธรรมดาเหล่านั้น แค่นั่งดูที่นี่ว่าบัณฑิตจอหงวนมีหน้าตาอย่างไรก็พอแล้ว
เว่ยเหวินมองไป กลับเห็นขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ยังอยู่อีกไกล
นางอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ยังอยู่ตั้งไกล หน้าตาอย่างไรยังเห็นไม่ชัดเลย พี่รองรีบร้อนอะไรกัน”
เว่ยเฟิงย่อมร้อนรน
คนที่เขาเห็นไม่ใช่บัณฑิตจอหงวนอะไรเสียหน่อย แต่คือเด็กหนุ่มที่ชื่อฟู่เสวี่ยคนนั้น!
สวรรค์รู้ว่าตั้งแต่ที่เขาเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นที่หอสุรา เขาก็หมกมุ่นอยู่กับเขาคนนั้นตั้งแต่นั้นมา แต่การอยากพบอีกฝ่ายนั้นยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก
แม้จะโชคดีได้เห็นจากที่ไกลๆ แต่ก็ทำได้เพียงมองดูจากไกลๆ เท่านั้น
ช่วยไม่ได้ คุณหนูลั่วคนหนึ่งก็ยากที่รับรับมือด้วยแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเพียงเพราะต้องการหลีกเลี่ยงสตรีน่ารำคาญที่อยู่ในจวนคนนั้นแล้วออกมาดูขบวนแห่ กลับได้เจอฟู่เสวี่ย!
เว่ยเฟิงตั้งใจดูดีๆ อีกครั้ง
ใช่ฟู่เสวี่ยจริงๆ
ไม่ได้มากับคุณหนูลั่วด้วย!
เว่ยเฟิงวิ่งออกไปทันที
“พี่รอง พี่จะไปไหนเจ้าคะ” เมื่อเห็นพี่ชายวิ่งไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำ เว่ยเหวินก็ถามเสียงดัง
“ข้าปวดท้อง!” เว่ยเฟิงพูดทิ้งท้ายแล้ววิ่งออกไปโดยไม่เหลียวหลังด้วยซ้ำ
นอกประตูที่เปิดกว้าง มีเสียงวิ่งลงบันไดดังขึ้น
เว่ยเหวินเม้มปาก รู้สึกไม่ชอบมาพากล
ไม่ได้กินอะไรจนท้องเสียเสียหน่อย เหตุใดจึงร้อนรนเช่นนี้นะ
คงไม่ใช่เพราะเห็นใครเข้าหรอกนะ
ขณะที่เว่ยเหวินครุ่นคิดเช่นนี้ก็มองออกไปข้างนอกโดยสัญชาติญาณ
ทันใดนั้นเอง ขบวนที่มีเสียงฆ้องและกลองดังก็เข้ามาใกล้
ชายหนุ่มบนหลังม้าสวมหมวกที่มีดอกไม้สีแดงปัก ชายหนุ่มในชุดสีแดงสง่างามไร้ที่ติ ใบหน้าสงบนิ่ง ราวกับดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานเงียบๆ ในฤดูใบไม้ผลิ ไม่ถูกรบกวนจากความวุ่นวายข้างนอกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อขบวนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฝูงชนที่เบียดเสียดกันสองข้างถนนโห่ร้องยินดี ดอกไม้สดและผ้าเช็ดหน้านับไม่ถ้วนโยนใส่บัณฑิตจอหงวน
เว่ยเหวินจ้องชายหนุ่มในชุดสีแดงที่ทำให้นางใจเต้นรัวแรง เมื่อเห็นเขาขี่ม้าผ่านโรงน้ำชาท่ามกลางดอกไม้ นางก็ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวและโยนจี้หยกที่นางเล่นอยู่ออกไป
หลังจากโยนจี้หยกออกไปแล้ว เว่ยเหวินก็รู้สึกตัวราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน นางอดส่งเสียงด้วยความตกใจไม่ได้
แม้จี้หยกที่นางโยนออกไปจะมีขนาดเล็ก แต่หากถูกตัวเขาก็เจ็บมากกว่าดอกไม้สดและผ้าเช็ดหน้าเหล่านั้นมาก
หากถูกศีรษะของบัณฑิตจอหงวน…ความคิดนี้ทำให้เว่ยเหวินเหงื่อตก
ซูเย่าขี่ม้าเดินไปข้างหน้าช้าๆ ภายใต้สายตาของทุกคน ดอกไม้สดที่ตกใส่ศีรษะของเขาเป็นครั้งคราวเหล่านั้นทำให้เขาอยากจะขมวดคิ้วทุกครั้ง
โชคดีที่สีหน้าของเขายังคงเดิม
ครานี้เอง สิ่งของบางอย่างก็ลอยมาด้วยความเร็ว
ซูเย่ารู้สึกได้ถึงอันตราย เขาเอื้อมมือขึ้นรับไว้โดยสัญชาติญาณ
สิ่งที่จับได้เย็นและลื่น มันคือจี้หยกกระต่ายน้อยหนึ่งชิ้น
ซูเย่าเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยสัญชาติญาณ
บนโรงน้ำชา เด็กสาวที่สวมชุดงดงามกำลังมองเขานิ่ง
เด็กสาวแบบนี้ ซูเย่าเคยเจอมามากแล้ว
เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เบนสายตากลับมาแล้วควบม้าไปด้านหน้าต่อ
บัณฑิตจอหงวนผู้สง่างามไร้ที่ติเดินไปไกลแล้ว เสียงกลองเสียงฆ้องอันครึกครื้นก็เบาลง เว่ยเหวินกลับเหม่อมองนานแสนนาน
นางยังคงจมอยู่กับรอยยิ้มนั่นของบัณฑิตจอหงวน
เขาไม่ได้โมโหและยังรับจี้หยกของนางไว้…
เว่ยเหวินรู้สึกอ่อนหวานและกลัดกลุ้มเล็กน้อย
นางเคยคิดว่าไม่มีบุรุษคนใดเข้าตานางได้ แต่วันนี้เพิ่งรู้ว่านางคิดผิดแล้ว
ได้ยินว่าบัณฑิตจอหงวนคนใหม่มาจากจินซา มีนามว่าซูเย่า
เว่ยเหวินเดินกลับห้องส่วนตัวช้าๆ มือเท้าคางตกอยู่ในความคิด นางลืมพี่ชายที่ปวดท้องยังไม่กลับมาไปนานแล้ว
ซื่อจื่อผิงหนานอ๋องอย่างเว่ยเฟิงเบียดตัวไปมาอยู่ในฝูงชน ในที่สุดก็เบียดตัวเข้าไปข้างหน้าฟู่เสวี่ยได้สำเร็จ
เมื่อถึงตรงหน้า เขาก็เห็นว่ายังมีลั่วเฉินและคนอื่นๆ อีก
เว่ยเฟิงรีบหลบไปด้านหลังชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว เมื่อขบวนแห่บัณฑิตจอหงวนเข้ามาใกล้ ในที่สุดก็สบโอกาส