ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 435 เบาะแส
ตอนที่ 435 เบาะแส
คนของศาลาว่าการกับคนของจวนผิงหนานอ๋องล้วนเข้าไปในร้านแล้ว ทิ้งกลุ่มคนมุงดูเรื่องสนุกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกแย่ยิ่งเพราะตัดใจจากไปไม่ได้
ทำไมถึงได้ซ่อนเรื่องสนุกดีๆ แบบนี้เสียแล้วเล่า
ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเกี่ยวกับท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องด้วยสภาพจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
“จะไปดูหรือ” เว่ยหานถามลั่วเซิง
ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างไม่เกรงใจ
นางคร้านจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องขององค์หญิงฉางเล่อกับท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋อง แต่ตอนนี้ท่านหญิงน้อยหายตัวไป ลักษณะของเรื่องราวจึงไม่เหมือนเดิมแล้ว
บางทีอาจจะสามารถยืมเรื่องนี้ทำอะไรบางอย่างกับจวนผิงหนานอ๋องได้
สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่แค่ปลดตำแหน่งองค์รัชทายาทง่ายๆ แบบนี้
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” ข้อเสนอได้รับการตอบรับ เว่ยหานจึงอดยกริมฝีปากขึ้นไม่ได้แล้วยื่นมือคิดจะดึงคนข้างกายไปโดยไม่รู้ตัว ทว่าเมื่อสบเข้ากับสายตาสงบนิ่งของฝ่ายตรงข้ามก็ทิ้งมือลงเงียบๆ
สือเยี่ยนถอนหายใจ มองแผ่นหลังของทั้งสองคน
คุณหนูลั่วช่างใจแข็งจริงๆ นายท่านถึงขั้นไปมุงดูเรื่องสนุกของหลานสาวอย่างไร้ความปรานีเพื่อเอาใจคุณหนูลั่วให้เบิกบานใจ คุณหนูลั่วไม่ซาบซึ้งใจสักนิดเลยหรือ
เดิมภายในร้านเสื้อผ้านั้นนับว่าสว่างโล่ง แต่เพราะมีคนเบียดเสียดเข้าไปไม่น้อยจึงแออัดยิ่ง
หลินเถิงทิ้งผู้ใต้บังคับบัญชาไว้สองนาย แล้วไล่ผู้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ออกไป
“พวกเจ้าก็ออกไปด้วย” เว่ยเฟิงโบกมือไล่ข้ารับใช้จวนอ๋องหลายคนออกไป และเห็นลั่วเซิงเดินเข้ามาจากข้างนอกได้ในทันที
เขาพลันมีสีหน้าบึ้งตึง “คุณหนูลั่วก็มามุงดูด้วยหรือ”
จากนั้นก็เห็นเว่ยหานที่ตามมาด้านหลัง
เว่ยเฟิงฝืนเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “เสด็จอา”
เว่ยหานเอ่ยเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น “ได้ยินมาว่าเหวินเอ๋อร์ไม่กลับจวนตลอด ข้าจึงมาดู”
เว่ยเฟิงอยากจะยิ้มเยาะ ทว่าไม่กล้า
ผู้เป็นอาเป็นห่วงหลานสาวจึงมาดูนั้นปกติมาก แต่ยังพาคนไม่เกี่ยวข้องมาด้วยทำไม นี่สงสัยว่าจะมามุงดูแล้ว
หลินเถิงผงกศีรษะทักทายเว่ยหานกับลั่วเซิงและเริ่มซักถามผู้ดูแลหญิงของร้านเสื้อผ้า
ผู้ดูแลหญิงตัวสั่นงันงก “มีเด็กสาวสวมชุดกระโปรงจีบสีส้มอ่อนมาเดินเล่นในร้าน แต่ตอนนั้นข้าน้อยไม่รู้ว่าเป็นท่านหญิง ในภายหลัง…”
นางมองจื่อซู สาวใช้คนสนิทของเว่ยเหวินแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ในภายหลังพี่สาวท่านนี้มาหาคน ข้าน้อยคิดว่ามีเรื่องน้อยก็ยุ่งยากน้อยลงจึงไม่ได้เอ่ยออกไป…”
จื่อซูฟังถึงตรงนี้ก็ถ่มน้ำลาย “นังสตรีชั่ว สมควรตายจริงๆ!”
ผู้ดูแลหญิงตกใจตัวสั่น ขอร้องเสียงสั่นว่า “ข้าน้อยเลอะเลือนไปชั่วขณะ หลังจากนี้มิกล้าแล้วเจ้าค่ะ…”
หลินเถิงตัดบทวาจาของผู้ดูแลหญิงเรียบๆ “วาจาอื่นค่อยเอ่ยหลังจากนี้ ท่านหญิงเข้ามาแล้ว อยู่นานแค่ไหน พูดอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง เจ้าเล่าอย่างละเอียดมาอีกรอบ”
“หลังท่านหญิงเข้ามาแล้ว ข้าน้อยก็เข้าไปต้อนรับ ท่านหญิงบอกว่า ไม่ให้ข้าพูดมาก นางแค่จะดูเฉยๆ…ท่านหญิงเดินเอื่อยในร้านสองสามรอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูปกับผ้าที่แขวนแสดงไว้ล้วนดูหมด อยู่ในร้านประมาณหนึ่งก้านธูปแล้วออกไปเจ้าค่ะ”
“ระหว่างนั้นไม่ได้คุยกับเจ้าหรือ”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าน้อยเห็นท่านหญิงพิจารณาดูอย่างละเอียดจึงคิดจะแนะนำ แต่ท่านหญิงไม่ให้ข้าน้อยพูดมากเจ้าค่ะ”
“ท่านหญิงได้ลองเสื้อผ้าหรือไม่”
ผู้ดูแลหญิงส่ายหน้า
หลินเถิงถามจื่อซู “เมื่อก่อนท่านหญิงเคยมาร้านเสื้อผ้านี้หรือไม่”
“ไม่เคยเจ้าค่ะ”
หลินเถิงบ่นพึมพำแล้วมองไปทางลั่วเซิง “คุณหนูลั่ว มีคำถามหนึ่งอยากขอคำแนะนำหน่อยขอรับ”
ทันใดนั้นสายตามากมายก็มองไปทางลั่วเซิง
“หากเป็นคุณหนูลั่ว ท่านจะซื้อเสื้อผ้าของร้านเสื้อผ้านี้หรือไม่ขอรับ”
ลั่วเซิงกวาดตามองชุดกระโปรงที่นับว่างดงามแต่ละชุดแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ซื้อ เสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่ยามปกติประณีตกว่าในร้านนี้เล็กน้อย”
ผู้ดูแลหญิงอ้าปาก อยากจะบอกว่า สตรีชนชั้นสูงมากมายล้วนซื้อเสื้อผ้าในร้านพวกนาง แต่เมื่อเหลือบมองเสื้อผ้าของลั่วเซิงก็ปิดปากลงเงียบๆ
หลินเถิงพึมพำ “แปลกอยู่บ้าง”
“แปลกตรงไหนหรือ” เว่ยเฟิงอดถามไม่ได้
หลินเถิงอธิบาย “เมื่อก่อนท่านหญิงไม่เคยมาร้านนี้ หลังเข้ามาไม่ลองเสื้อผ้า แต่กลับอยู่ในร้านถึงหนึ่งก้านธูป นี่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง”
“อาจจะแค่เบื่อเกินไป” เว่ยเฟิงพลั้งปาก
เขาไม่เข้าใจและไม่มีความสนใจที่จะทำความเข้าใจในพฤติกรรมของเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้ท่านหญิงอารมณ์ไม่ดีสินะ?” หลินเถิงถามจื่อซู น้ำเสียงแฝงไปด้วยความมั่นใจ
จื่อซูลังเลครู่หนึ่ง
เว่ยเฟิงตำหนิ “มาถึงตอนนี้แล้ว ถามอะไร เจ้าก็ตอบซะ!”
“วันนี้ท่านหญิงไปที่จวนองค์หญิงมา ตอนนั้นข้าน้อยรั้งอยู่ข้างนอกจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในห้องโถง เพียงแต่ตอนท่านหญิงรีบร้อนเดินออกมา สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรเจ้าค่ะ…” จื่อซูเอ่ยเช่นนี้ แล้วมองไปทางลั่วเซิงแวบหนึ่ง
ลั่วเซิงถูกสายตาผู้คนมองมาอีกครั้ง
“คุณหนูลั่วรู้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” หลินเถิงหยั่งเชิงถาม
“องค์หญิงฉางเล่อกับท่านหญิงหลบเลี่ยงผู้คนไปสนทนากันในสวนบุปผาครู่หนึ่ง คาดว่าจะทะเลาะกัน ยังไม่เริ่มงานเลี้ยง ท่านหญิงก็กลับไปแล้ว ส่วนสาเหตุน่ะหรือ…” ลั่วเซิงชะงักเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “อาจจะเพราะคุณชายซูกระมัง”
เว่ยเฟิงส่งเสียงทันที “คุณหนูลั่วอย่าพูดจาเหลวไหล!”
ลั่วเซิงกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง
“ไม่มีความผิดปกตินี่ ท่านหญิงกับองค์หญิงขัดแย้งกันเพราะคุณชายซูไม่ใช่เรื่องประหลาดไม่ใช่หรือ หรือว่าซื่อจื่อไม่ได้ยินข่าวลือด้านนอกนั่นกัน” ลั่วเซิงถามกลับอย่างมีเหตุผลรองรับ
“เจ้า…”
เว่ยหานเอ่ยเสียงเย็น “เฟิงเอ๋อร์ คุณหนูลั่วเล่าเหตุการณ์ให้ทราบนั้นเป็นความหวังดี เจ้าจะหาเรื่องให้ได้เลยหรือ”
เว่ยเฟิงชะงัก ข่มโทสะ พลางเอ่ยว่า “หลานก็แค่ถามขอรับ”
“ถึงตอนนี้แล้วก็พูดให้น้อย อย่าให้มีผลกระทบต่อการสืบคดีของใต้เท้าหลิน”
เว่ยเฟิง “…”
นี่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับจื่อซูหรือ
“ผู้ดูแลได้สังเกตไหมว่า ท่านหญิงไปที่ไหนหลังจากออกไป” หลินเถิงซักถามผู้ดูแลหญิงต่อ
ผู้ดูแลหญิงรีบส่ายหน้า “มีลูกค้ามาพอดีเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้สังเกตจริงๆ”
ต่อมาก็คือคำสาบานต่อสวรรค์
“ต่อมามีลูกค้าคนไหนมาบ้างหรือ”
ผู้ดูแลหญิงลังเลเล็กน้อย ภายใต้สายตากระจ่างและเฉียบคม ในใจก็รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้จึงสารภาพอย่างซื่อสัตย์ “ตอนที่ท่านหญิงจะออกจากร้าน คนที่เข้ามาคือคุณหนูสี่ของตระกูลสวีแห่งจวนแม่ทัพ ไม่นานนักคุณหนูทั้งสองแห่งจวนรองเจ้ากรมหวังก็เข้ามาเจ้าค่ะ…”
เว่ยเฟิงมุ่นคิ้ว
จวนรองเจ้ากรมหวังหรือ
หรือจะบอกว่าเป็นตระกูลพ่อตาแม่ยายเขาหรือ
ขณะที่คิดเช่นนี้ก็ได้ยินหลินเถิงถามว่า “คือรองเจ้ากรมราชรถตระกูลหวังหรือ”
ผู้ดูแลหญิงรีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ คุณหนูตระกูลหวังสองท่านเคยมาที่ร้านหลายครั้ง ข้าน้อยจำได้เจ้าค่ะ”
หลินเถิงตรึกตรองเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับเว่ยเฟิงว่า “ฟ้ามืดแล้ว เกรงว่าไม่สะดวกที่จะไปถามคุณหนูตระกูลหวังทั้งสองท่านแล้ว”
“จำเป็นต้องถาม!” เว่ยเฟิงหน้าบึ้งเล็กน้อย “น้องสาวยังไม่มีข่าวคราวจนถึงตอนนี้ อาจจะรู้เบาะแสอะไรจากปากพวกนางก็ได้ หากต้องรอจนถึงพรุ่งนี้ก็คงสายไปแล้ว”
หลินเถิงพยักหน้า “ที่ซื่อจื่อเป็นกังวลก็มีเหตุผลเช่นกัน”
“ตระกูลหวังเป็นตระกูลพ่อตาแม่ยายข้า หากใต้เท้าหลินต้องการถามอะไรก็มอบหมายให้สาวใช้นางนี้ไปถามที่จวนเถอะ”
หลินเถิงเรียกจื่อซูมากระซิบใกล้ๆ สองสามประโยค จื่อซูพยักหน้ารัวแล้วมีพ่อบ้านจวนอ๋องพาไปยังจวนรองเจ้ากรมหวัง
ลั่วเซิงทำความเข้าใจสถานการณ์ได้พอสมควรแล้วก็เดินออกจากร้านเสื้อผ้า
โค่วเอ๋อร์เขยิบมาใกล้เงียบๆ กระซิบข้างหูลั่วเซิงว่า “คุณหนู สืบข่าวมาได้เล็กน้อยเจ้าค่ะ”