ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 447 กฎแห่งกรรม
ตอนที่ 447 กฎแห่งกรรม
ในตำหนักหย่างซิน จักรพรรดิหย่งอันหลุบพระเนตรเล็กน้อยพลางตรัสถามโจวซาน “ทางจวนผิงหนานอ๋องมีปฏิกิริยาเช่นไรบ้าง”
“ทูลฝ่าบาท จวนผิงหนานอ๋องฝังศพ ‘ท่านหญิงน้อย’ แล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาผิงหนานอ๋อง…ร่ำไห้หนักมาก”
“เช่นนั้นหรือ” กลิ่นอำพันทะเลกำจายในตำหนักหย่างซินจางๆ สุรเสียงของจักรพรรดิหย่งอันฟังดูแล้วเย็นชาเล็กน้อย
แม้โจวซานจะคุ้นชินกับความคิดลึกซึ้งของฮ่องเต้พระองค์นี้ แต่ตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกถึงความหนาวเย็นบางๆ อยู่ดี
“ดูท่าจวนผิงหนานอ๋องมิอาจทำใจกับสิ่งที่ท่านหญิงน้อยเผชิญได้” จักรพรรดิหย่งอันเหลือบมองโจวซานแวบหนึ่ง พลางสั่งเรียบๆ “ให้คนเฝ้าดูไว้หน่อย หากมีความผิดปกติอันใด ให้มารายงานทันที”
โจวซานรีบรับคำ
คราแรกตอนที่จวนผิงหนานอ๋องย้ายครอบครัวมาที่เมืองหลวง ฮ่องเต้พระราชทานคนให้ไปไม่น้อย หูตาก็ย่อมไม่น้อยเช่นกัน
โจวซานออกไปแล้ว จักรพรรดิหย่งอันหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างไม่ใส่ใจ ความคิดยังคงอยู่ที่จวนผิงหนานอ๋อง
นับตั้งแต่วันที่องค์รัชทายาทถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขาก็เกิดความคิดที่จะขุดรากถอนโคนจวนผิงหนานอ๋อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง เพียงแต่ไม่อาจหุนหันพลันแล่นเกินไปได้
และตอนนี้จวนผิงหนานอ๋องก็รู้เรื่องที่ฉางเล่อสังหารเว่ยเหวินเป็นอย่างดีจึงยิ่งไม่อาจเก็บเอาไว้ได้แล้ว
จักรพรรดิหย่งอันวางหนังสือลง พระพักตร์สงบนิ่ง แต่ก้นบึ้งพระเนตรกลับเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
จัดงานศพของท่านหญิงน้อยเรียบร้อยแล้ว สีหน้าของพระชายาผิงหนานอ๋องก็ยิ่งซีดขาว
นางเริ่มนอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน เมื่อหลับตาก็เห็นภาพบุตรสาวน้ำตาและโลหิตรินไหลถามว่าเหตุใดจึงต้องเสียสละส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนใหญ่ ไม่แก้แค้นให้นาง
“กรี๊ด…” เสียงกรีดร้องดังขึ้น พระชายาผิงหนานอ๋องพลันลุกขึ้นมา หอบหายใจเฮือกใหญ่
กระทั่งหอบหายใจก็ยังอ่อนแอ
สาวใช้ซึ่งเข้าเวรในยามกลางคืนรีบเลิกม่าน “พระชายา ท่านดื่มน้ำสักหน่อยนะเจ้าคะ”
พระชายาผิงหนานอ๋องรับถ้วยกระเบื้องมาดื่มน้ำคำแล้วคำเล่า ความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากถ้วยกระเบื้องกลับไม่สามารถทำให้ปลายนิ้วนางอุ่นได้
เมื่อดื่มเรียบร้อยแล้ว พระชายาผิงหนานอ๋องก็ยื่นถ้วยกระเบื้องคืนให้สาวใช้ นั่งนิ่งเหม่อลอย
สาวใช้อดเกลี้ยกล่อมไม่ได้ “พระชายา ท่านนอนพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ”
“หุบปาก!” พระชายาผิงหนานอ๋องตวาดเสียงเฉียบขาด เสียงตะคอกนี้มีเรี่ยวแรงไม่เท่าไรนัก
นางไม่กล้าหลับตา
พระชายาผิงหนานอ๋องหนังตาสั่นไม่หยุด
แม้ว่าสาวใช้จะเผชิญกับการตะคอกเสียงดัง แต่กลับไม่กล้าออกไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด จึงปลุกความกล้าเกลี้ยกล่อมอีกครา “พระชายา แม้ว่าร่างกายจะหลอมจากเหล็ก ไม่นอนหลับก็ทนไม่ไหวนะเจ้าคะ ท่านหลับสักประเดี๋ยวเถอะเจ้าค่ะ”
พระชายาผิงหนานอ๋องพลันพลิกตัวลงจากตั่ง
สาวใช้ยื่นมือไปประคอง “พระชายา ท่านต้องการสิ่งใดบอกกับบ่าวเถอะเจ้าค่ะ บ่าวจะไปหยิบให้ท่าน”
“จุดตะเกียง”
สาวใช้เร่งฝีเท้าเดินไปบริเวณโต๊ะ ย้ายโป๊ะตะเกียงออกไปแล้วจุดเทียน
ภายในห้องพลันสว่าง
พระชายาผิงหนานอ๋องพิงกับฉากบังลมพักครู่หนึ่งแล้วสั่งว่า “ไปนำเข็มและด้ายมา”
“พระชายา…” สาวใช้มีสีหน้าไม่เข้าใจ
“ไป!”
สาวใช้ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก หยิบตะกร้าเข็มกับด้ายมา
“เจ้าออกไปเถอะ”
เมื่อไล่สาวใช้ออกไปแล้ว พระชายาผิงหนานอ๋องก็รื้อผ้านุ่มละเอียดออกมาจากตะกร้า ตัดเย็บปะชุนอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่นานนัก ในมือก็มีหุ่นคนเพิ่มมาตัวหนึ่ง
หุ่นผ้ามีจมูกมีตา มีผ้าไหมเป็นเสื้อ ผ้าฝ้ายเป็นกระโปรง ดูงดงามน่าขนลุกภายใต้แสงเทียนที่วูบไหว
พระชายาผิงหนานอ๋องหลุบตาจ้องหุ่นในมือเนิ่นนาน หยิบเข็มเงินในตะกร้าเข็มกับด้ายขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วจิ้มลงไปบริเวณหัวใจของหุ่นผ้าอย่างแรง
เสี้ยววินาทีที่เห็นเข็มจิ้มเข้าไปในหัวใจหุ่นผ้า หัวใจที่ทนทุกข์ทรมานหลังจากจัดงานศพบุตรสาวของพระชายาผิงหนานอ๋องพลันผ่อนคลายลง มุมปากเผยรอยยิ้มที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมานาน
เข็มเงินอีกเข็มแทงลงไป จนกระทั่งหัวใจของหุ่นคนเต็มไปด้วยเข็มเงินที่แทงลงไป พระชายาผิงหนานอ๋องถึงได้หยุดมือ
เหวินเอ๋อร์ แม่ไม่มีวิธีอื่น ทำได้แค่แก้แค้นเช่นนี้แทนเจ้าแล้ว
องค์หญิงฉางเล่อ นังแพศยานั่นจะต้องไม่ได้ตายดีแน่นอน!
พระชายาผิงหนานอ๋องท่องจบก็มองไปรอบๆ แล้วซ่อนหุ่นคนเอาไว้
ค่ำคืนนี้ ในที่สุดนางก็นอนหลับได้สนิท นอนจนถึงเกือบจะเที่ยงตรงจึงได้ตื่นขึ้นมาและถึงกับมีความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย
หลังจากนั้นพระชายาผิงหนานอ๋องก็ลุ่มหลงอยู่กับความรู้สึกที่ใช้เข็มจิ้มลงไปในหัวใจของหุ่นผ้า ทุกเข็มที่แทงลงไปราวกับแทงลงบนร่างองค์หญิงฉางเล่อ ทำให้นางคลายโทสะยิ่ง
ในภายหลัง นอกจากก่อนเข้านอนตอนกลางคืน ช่วงบ่ายที่พระชายาผิงหนานอ๋องงีบหลับก็จะไล่สาวใช้ออกไปเช่นกัน และเพลิดเพลินอยู่กับความสบายใจที่เก็บซ่อนเอาไว้และหาได้ยากนี้
บนโลกใบนี้ไม่มีความลับ ยิ่งไปกว่านั้นเดิมก็มีดวงตาหลายคู่ตั้งใจจับจ้องอยู่ที่นี่
จักรพรรดิหย่งอันทรงรู้แล้ว
เมื่อฟังรายงานจากโจวซานจบ จักรพรรดิหย่งอันยังคงสงบนิ่ง สุรเสียงไร้คลื่นความรู้สึกใด “เขียนวันเกิดของฉางเล่อเช่นนั้นหรือ”
โจวซานก้มหน้าตอบพ่ะย่ะค่ะ
เนิ่นนานหลังจากนั้น จักรพรรดิหย่งอันก็ยิ้มเยาะ เอ่ยออกมาสองคำ “ดีมาก”
ในหูของโจวซาน สองคำนี้ให้ความรู้สึกเหมือนลมพายุกำลังจะมาเยือน
ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น
“เรียกตัวลั่วฉือเข้าวัง”
ไม่นานนัก แม่ทัพใหญ่ลั่วก็เร่งรีบเข้าวังมา
“มีคนมารายงานเรื่องลับ พระชายาผิงหนานอ๋องใช้วิชาไสยศาสตร์สาปแช่งเรา” จักรพรรดิหย่งอันเอ่ยเรียบๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วตะลึง “จวนผิงหนานอ๋องถึงกับหาญกล้าเพียงนั้นเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันยิ้มเยาะ “ใช่แล้ว เราก็อยากรู้เช่นกันว่า พวกเขามีความกล้ามากขนาดนั้นใช่หรือไม่ ลั่วฉือ เจ้าพาองครักษ์จิ่นหลินไปตรวจสอบจวนผิงหนานอ๋อง ดูสิว่ามีเรื่องเช่นนี้จริงหรือไม่”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันซึ่งอยู่หลังโต๊ะทรงงานก้มหน้ากวาดตามองแม่ทัพใหญ่ลั่วแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างมั่นคงว่า “นอกจากนี้หาหลักฐานที่จวนผิงหนานอ๋องใส่ร้ายจวนเจิ้นหนานอ๋องในปีนั้นด้วย”
แม่ทัพใหญ่ลั่วตะลึง อดเหลือบตาขึ้นมองจักรพรรดิหย่งอันแวบหนึ่งไม่ได้จึงสบเข้ากับดวงตาลึกล้ำดุจมหาสมุทรคู่นั้น
แม่ทัพใหญ่ลั่วตกตะลึงพลันเข้าใจขึ้นมาทันที
ฝ่าบาทคิดจะกำจัดจวนผิงหนานอ๋องโดยสมบูรณ์ ยังจะมีวิธีใดที่จะแก้ปัญหาจากต้นตอได้กว่าการพลิกคดีให้จวนเจิ้นหนานอ๋องกัน
จวนผิงหนานอ๋องเจริญรุ่งเรืองเพราะจวนเจิ้นหนานอ๋อง ทั้งยังโชคร้ายเพราะจวนเจิ้นหนานอ๋องเช่นกัน ในสายตาคนทั่วหล้าก็เป็นกฎแห่งกรรมตามหลักการของสวรรค์
สำหรับเรื่องที่พระชายาผิงหนานอ๋องสาปแช่งฮ่องเต้หรือไม่นั้นก็พูดยากแล้ว
สรุปได้ว่า ฮ่องเต้เรียกตัวเขาเข้าวัง มีเพียงจุดประสงค์เดียวก็คือต้องการให้จวนผิงหนานอ๋องจบสิ้น
พอดีเลย นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอเช่นกัน
“กระหม่อมจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์จิ่นหลินเชี่ยวชาญสิ่งนี้
ตอนเที่ยงตรง กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินกองหนึ่งก็ถีบประตูใหญ่จวนผิงหนานอ๋องให้เปิดออก
นอกประตูใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนที่มามุงดูอย่างรวดเร็ว
จวนผิงหนานอ๋องจะโชคร้ายอะไรอีกนะ
มักจะดูเรื่องสนุกของตระกูลหนึ่งตลอด บอกตามตรงว่าเฉยชาเสียแล้ว
“ไม่ถูกต้อง ครั้งนี้เป็นองครักษ์จิ่นหลิน ดูท่าจะเกิดเรื่องใหญ่กับจวนผิงหนานอ๋องแล้ว!”
ถึงคราวองครักษ์จิ่นหลินออกโรง อย่างน้อยก็ต้องประสบกับการค้นจวนและยึดทรัพย์นะ
คนที่มามุงดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล้อมกันชั้นแล้วชั้นเล่า
ลั่วเซิงไปยืนอยู่กลางกลุ่มคนเมื่อใดก็ไม่ทราบ
นางผลักดันเรื่องการหายตัวไปของท่านหญิงน้อยครั้งหนึ่ง ในภายหลังจะพัฒนาไปทางไหน สุดท้ายก็ยากจะคาดเดา
เดิมจิตใจมนุษย์นั้นยากจะคาดเดา นับประสาอะไรกับจิตใจของฮ่องเต้
ตอนนี้ดูท่า ผลลัพธ์จะไม่เลวเลย
รอบด้านคือชาวบ้านที่มุงดูเรื่องสนุกกันด้วยสีหน้าตื่นเต้น เทียบกับความสงบนิ่งของลั่วเซิงแล้ว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
และองครักษ์จิ่นหลินก็ไม่ทำให้การคาดเดาของผู้คนผิดหวัง สาวเรื่องใหญ่ชวนตกตะลึงออกมาได้สองเรื่อง
หนึ่งคือพระชายาผิงหนานอ๋องมีความแค้นจากการที่องค์รัชทายาทถูกปลดจึงเล่นไสยศาสตร์สาปแช่งฮ่องเต้ สองคือองครักษ์จวนเจิ้นหนานอ๋องที่กำลังถูกกักบริเวณนำหลักฐานที่จวนผิงหนานอ๋องใส่ร้ายจวนเจิ้นหนานอ๋องที่เก็บเอาไว้หลายปีออกมา
ทหารล้อมรอบจวนผิงหนานอ๋องเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ตะวันลาลับฟ้า จวนผิงหนานอ๋องก็ถูกล้อมเอาไว้แน่นหนาแล้ว
ลั่วเซิงมองภาพทุกสิ่งเงียบๆ ราวกับเห็นจวนเจิ้นหนานอ๋องเมื่อสิบสามปีก่อน