ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 472 ริษยา
ตอนที่ 472 ริษยา
องค์หญิงฉางเล่อมองซูเย่าด้วยสายตาแฝงความนัย
ซูเย่าสบตานาง กลับมามีท่าทีสงบนิ่งดังเดิม “กระหม่อมไม่เข้าใจความหมายขององค์หญิง”
“หึๆ” องค์หญิงฉางเล่อหัวเราะแล้วส่ายศีรษะ “ซูเย่า เจ้าทำแบบนี้ไม่สนุกเลย”
ขณะที่นางพูดก็ยื่นนิ้วที่เรียวยาวออกมาเชิดคางของซูเย่าขึ้นและเอ่ยอย่างชัดเจนว่า “กับคนที่น่าเบื่อแล้ว ข้าไม่ได้มีความอดทนเช่นนั้น อย่างเช่นญาติผู้น้องของข้า”
ใบหน้างดงามราวกับดอกท้อแต่รอยยิ้มกลับเย็นชา สายตาเองก็เยือกเย็นเช่นกัน
แววตาซูเย่าแปรเปลี่ยน การแสดงออกของเขาแตกต่างไปเล็กน้อย “องค์หญิงทรงต้องการสิ่งใดหรือ คงไม่ได้ต้องการให้กระหม่อมอยู่ในจวนองค์หญิงเพื่อเป็นบุรุษคนโปรดของพระองค์หรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่อชักมือกลับมาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เหลือบมองซูเย่าพลางถามว่า “เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาก่อนว่าเจ้าเป็นคนประเภทเดียวกันกับข้าหรือไม่”
ซูเย่าเงียบ
ครานี้ องค์หญิงฉางเล่อมิได้เร่งเร้า เพียงแค่นั่งมองเขาอย่างเกียจคร้าน
ในที่สุดซูเย่าก็ยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา “นี่คือเหตุผลที่องค์หญิงทรงโปรดปรานกระหม่อมหรือ”
นี่คือการยอมรับอย่างมิต้องสงสัย
มองดูชายหนุ่มสงบนิ่งและสะอาดสะอ้านที่งดงามดุจดอกกล้วยไม้ องค์หญิงฉางเล่อยิ้มอย่างพึงพอใจ
ภายนอกที่บริสุทธิ์ สิ่งที่ห่อหุ้มไว้คือหัวใจที่ชั่วร้าย
นางค้นพบสมบัติล้ำค่าเข้าแล้ว
องค์หญิงฉางเล่อลูบนิ้วมือที่ขาวและเรียวยาวเบาๆ พูดขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่มีความจำเป็นที่จะให้เจ้าอยู่จวนองค์หญิง เพียงแต่ว่าข้าไม่ชินกับการเสแสร้งแกล้งทำของเจ้า อยากเปิดเผยตัวตนอย่างซื่อสัตย์กับเจ้าเท่านั้น”
ซูเย่ามององค์หญิงฉางเล่อ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “นั่นนับเป็นเกียรติของกระหม่อม”
องค์หญิงฉางเล่อเลิกคิ้วเล็กน้อย เอนตัวเข้าใกล้ สบตากับซูเย่า
ทันใดนั้นเองทั้งสองก็อยู่ใกล้กันมาก มากเสียจนลมหายใจของทั้งสองสอดประสานกัน
เสียงรายงานดังขึ้นจากด้านนอก “องค์หญิง มีคนจากในวังมาเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อค่อยๆ ลุกขึ้น พูดหน้านิ่งว่า “เข้ามา”
นางกำนัลคนหนึ่งเปิดม่านเดินเข้ามาในห้อง นางมองตรงไปยังองค์หญิงเล่อและย่อเข่าให้ “องค์หญิง มีคนจากในวังมาแจ้งว่าฝ่าบาทเชิญพระองค์เข้าวังเพคะ”
ขณะที่องค์หญิงฉางเล่อฟังก็กวาดตามองซูเย่า
ซูเย่าลุกขึ้น สีหน้ากลับมาสงบนิ่ง
“ส่งอาลักษณ์ซูออกไปเถอะ” องค์หญิงฉางเล่อสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นางกำนัลย่อเข่าให้ซูเย่าเล็กน้อย “ใต้เท้าซูโปรดตามบ่าวมา”
ซูเย่ากำหมัดประสานมือให้องค์หญิงฉางเล่อ “องค์หญิง เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา”
องค์หญิงฉางเล่อมองเขา ยิ้มถามว่า “ใต้เท้าซู คราวหน้าข้าไปหาเจ้า คงไม่ต้องฉุดเจ้ามาแล้วใช่หรือไม่”
ซูเย่ายิ้ม “องค์หญิงทรงล้อเล่นแล้ว นับเป็นเกียรติของกระหม่อมที่ได้รับพระกรุณาจากพระองค์”
องค์หญิงฉางเล่อหัวเราะ
เมื่อซูเย่าออกไปกับนางกำนัลแล้ว องค์หญิงฉางเล่อก็หยุดหัวเราะ เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากจวนองค์หญิง
ขณะที่จักรพรรดิหย่งอันกำลังรอองค์หญิงฉางเล่อในตำหนักหย่างซิน คนของวังอวี้หวาก็มาเชิญ
“ฝ่าบาท เหนียงเหนียงเชิญพระองค์ไปหาเพคะ”
จักรพรรดิหย่งอันที่พระพักตร์มักจะไร้อารมณ์ต่อหน้าเหล่าขุนนาง ครานี้สีพระพักตร์พลันเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย “นางไม่สบายหรือ”
“เหนียงเหนียงตรัสว่าทรงแน่นหน้าอกเพคะ”
จักรพรรดิหย่งอันทรงรีบเดินทางไป เห็นเซียวกุ้ยเฟยกำลังเอนกายดื่มน้ำบนตั่งคนงาม
“สนมรักรู้สึกอย่างไรบ้าง” จักรพรรดิหย่งอันรีบเดินเข้าไปหาจากนั้นก็จับมือของเซียวกุ้ยเฟยไว้ห้ามไม่ให้นางลุกขึ้น
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มๆ “รู้สึกแน่นหน้าอกเพคะ แต่ว่าได้เจอฝ่าบาทจู่ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมาก”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เรียกหมอหลวงมาตรวจดูเถอะ”
“ส่งคนไปเรียกแล้วเพคะ” มองดูความห่วงใยจากใจจริงของจักรพรรดิหย่งอัน เซียวกุ้ยเฟยก็โค้งริมฝีปากยิ้ม
นางยังไม่ถึงกับต้องใช้ลูกในท้องมาแลกกับความห่วงใยของฮ่องเต้ แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องทำให้ปีศาจน้อยเหล่านั้นตื่นได้แล้ว
ช่วงนี้เห็นฮ่องเต้หมุนเวียนไปเยี่ยมเยียนสนมใหม่ คนเหล่านั้นก็คงจะคิดว่าเซียวกุ้ยเฟยจะตกกระป๋องแล้ว คิดว่าจะโผขึ้นยอดไม้กลายเป็นหงส์ได้ทุกคนหรือ
“สนมรักกินขนมหวานสักเล็กน้อยหรือไม่”
“ไม่แล้วเพคะ หวานเกินไป”
ชั่วขณะหนึ่ง ในวังอวี้หวาก็เต็มไปด้วยความชื่นมื่น
จักรพรรดิหย่งอันอยู่ในวังอวี้หวา เมื่อองค์หญิงฉางเล่อเข้าวังมาจึงไม่พบ
“เสด็จพ่ออยู่วังอวี้หวาหรือ” ยืนในตำหนักที่ว่างเปล่า องค์หญิงฉางเล่อสายตาขรึมลงเล็กน้อย
โจวซานติดตามจักรพรรดิหย่งอันไปวังอวี้หวาแล้ว เหลือเพียงขันทีที่ชื่อเสี่ยวเจิ้นจื่อไว้
เสี่ยวเจิ้นจื่อรีบตอบว่า “องค์หญิงโปรดรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จพ่อไปนานแค่ไหนแล้ว”
“ประมาณครึ่งชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ครึ่งชั่วยาม?
องค์หญิงฉางเล่อขมวดคิ้ว
ไปนานขนาดนี้ยังไม่กลับมา นี่ไปรอเฝ้าเซียวกุ้ยเฟยคลอดลูกหรือ
“เสด็จพ่อเรียกข้าเข้าวังมิใช่หรือ เหตุใดจึงไปวังอวี้หวา”
ด้วยอำนาจที่สั่งสมมาหลายปีขององค์หญิงฉางเล่อ เสี่ยวเจิ้นจื่อจึงไม่กล้าไม่ตอบ “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงรู้สึกไม่สบาย คนของวังอวี้หวามาเชิญ ฝ่าบาทจึงเสด็จไป องค์หญิงท่านทรงดื่มชาก่อน…”
องค์หญิงฉางเล่อดื่มชาไปสองจอกเงียบๆ ในที่สุดก็รอไม่ไหวแล้ว นางสั่งเสี่ยวเจิ้นจื่อว่า “พาข้าไปวังอวี้หวา”
“นี่…” เสี่ยวเจิ้นจื่อลังเลครู่หนึ่ง
ดวงตาดุจหงส์ขององค์หญิงฉางเล่อปราดมอง น้ำเสียงเยือกเย็น “ทำไมรึ”
เสี่ยวเจิ้นจื่อยิ้มแห้งโค้งตัว “เชิญองค์หญิงตามบ่าวมาพ่ะย่ะค่ะ”
ดอกไม้และต้นไม้ในสวนของพระราชวังถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวทั้งหมดในเวลานี้ กิ่งก้านที่งดงามถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีเงิน ช่วยเพิ่มความสวยงามเล็กน้อยให้กับฤดูหนาวที่รกร้าง
องค์หญิงฉางเล่อเดินไปข้างหน้าช้าๆ มองดูทิวทัศน์ตรงหน้ากลับรู้สึกแปลกที่
นางอดหยุดฝีเท้าลงไม่ได้ เกิดความรู้สึกประหลาดใจ
จะว่าไปแล้ว นางไม่ได้เดินเล่นในพระราชวังมานานแล้ว
ถึงวังอวี้หวาแล้ว
หลังจากฟังเสี่ยวเจิ้นจื่อพูดแล้ว ขันทีวังอวี้หวาก็พูดกับองค์หญิงฉางเล่อว่า “องค์หญิงโปรดรอสักครู่ บ่าวจะเข้าไปรายงาน”
องค์หญิงฉางเล่อพยักหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา มือที่กำอยู่ในแขนเสื้อกลับกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เล็บที่ไว้จนยาวจิกฝ่ามือที่บอบบางจนเจ็บ ตรงนั้นมีรอยแข็งๆ ทิ้งไว้เป็นทางยาว เป็นบาดแผลที่เว่ยเหวินใช้ปิ่นทองกรีดนาง
เมื่อคิดถึงเว่ยเหวิน นางก็อดคิดถึงโซ่วเซียนเหนียงเหนียงที่งดงามไม่ได้ หัวใจที่ว่างเปล่าและเบื่อหน่ายของนางเริ่มสั่นคลอน
จักรพรรดิหย่งอันได้ยินคำรายงานของขันทีก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเรียกนางเข้าวัง
ในเมื่อนางมาถึงวังอวี้หวาแล้ว ย่อมต้องให้นางเข้ามา
องค์หญิงฉางเล่อเดินเข้ามาในตำหนัก ทำความเคารพจักรพรรดิหย่งอัน “ถวายบังคมเสด็จพ่อเพคะ”
นางเว้นจังหวะครู่หนึ่ง พูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง”
เสียงถามไถ่เรียบๆ ของจักรพรรดิหย่งอันดังขึ้น “ฉางเล่อ วันนี้เจ้าก่อปัญหาอีกแล้วหรือ”
ขุนนางเคยรายงานเรื่องของฉางเล่อสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนนที่ฉางเล่อเริ่มมีบุรุษคนโปรด เหล่าขุนนางรับไม่ได้ แน่นอนว่าต่อมาก็ค่อยๆ เคยชินไป
อีกครั้งหนึ่งก็คือครานี้ ฉางเล่อฉุดคร่าบัณฑิตจอหงวนกลางถนน
องค์หญิงฉางเล่อต้องน้อมทักทายเซียวกุ้ยเฟย เดิมก็อึดอัดมากอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่นางได้ยินจะไม่ใช่การบอกให้นางลุกขึ้น แต่คือการตำหนิ นางจึงยิ่งโมโห
แม้จะเป็นเช่นนี้ ใบหน้านางก็ไม่ได้เผยความผิดปกติใดแม้แต่น้อย คิ้วที่ขมวดกันเผยให้เห็นความน้อยใจเล็กน้อย “เสด็จพ่อหมายถึงเรื่องของอาลักษณ์ซูหรือเพคะ”
จักรพรรดิหย่งอันหรี่พระเนตรมองนาง “เจ้ารู้ด้วยหรือ”
องค์หญิงฉางเล่อเม้มปากเบาๆ “ลูกแค่ล้อเล่นกับอาลักษณ์ซูเท่านั้น ลูกส่งเขาออกจากจวนไปแล้วเพคะ”
จักรพรรดิหย่งอันสงบพระอารมณ์ลง “ส่งออกไปแล้วหรือ เหตุใดเราไม่ได้ข่าว”
องค์หญิงฉางเล่อแอบยิ้มหยัน
เสด็จพ่อให้ความสนใจกับเซียวกุ้ยเฟยที่ตั้งครรภ์เพียงผู้เดียว แม้แต่ตนเองเรียกนางเข้าวังก็ยังลืม ไหนเลยจะสนใจเรื่องอื่นเล่า