ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 473 ส่งท้ายปีเก่า
ตอนที่ 473 ส่งท้ายปีเก่า
เมื่อจักรพรรดิหย่งอันทรงทราบว่าองค์หญิงฉางเล่อปล่อยซูเย่าไปแล้วก็สบายพระทัย ตรัสกำชับว่า “ต่อไปอย่าเล่นเกินเลย”
องค์หญิงฉางเล่อตอบอย่างเชื่อฟัง “ลูกทราบแล้วเพคะ”
“กลับไปเถอะ”
“ลูกขอทูลลา” องค์หญิงฉางเล่อย่อเข่าเล็กน้อย ถอยออกไปเงียบๆ
จนเมื่อถึงประตูตำหนัก นางอดเงยหน้าเหลือบมองไม่ได้ นางเห็นจักรพรรดิหย่งอันโอบเซียวกุ้ยเฟย ทรงพูดคุยและหัวเราะอย่างสนุกสนาน
องค์หญิงฉางเล่อเม้มปากเบาๆ เดินออกจากวังอวี้หวา
นอกตำหนักเป็นสีขาวไปทุกแห่งหน แทบจะไม่เห็นสีอื่น ดังเช่นหัวใจที่อ้างว้างในบัดนี้ขององค์หญิงฉางเล่อ
กาลครั้งหนึ่ง นางเป็นเพียงผู้เดียวในสายตาของเสด็จพ่อ แต่ตอนนี้เสด็จพ่อกลับเมินนางโดยสิ้นเชิง
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกที่อยู่ในท้องเซียวกุ้ยเฟยคนนั้น!
องค์หญิงฉางเล่อคิดถึงท่าทีสบายๆ และเกียจคร้านของเซียวกุ้ยเฟยก็อดกัดฟันไม่ได้
ก็แค่นางสนมที่มีภูมิหลังต่ำต้อย ได้ยินมาว่าตอนที่อยู่ในเรือนยังเป็นที่รองรับอารมณ์ของครอบครัว เมื่อได้เป็นกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงและมีครรภ์ก็ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเสียแล้ว
เหมือนกับเว่ยเหวิน ครั้นมาเมืองหลวงใหม่ๆ ก็อาศัยพี่ชายที่กลายเป็นรัชทายาท คิดว่าจะชิงที่หนึ่งกับนางได้ สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า
ในใจองค์หญิงฉางเล่อมีภาพโซ่วเซียนเหนียงเหนียงผู้งดงามแล่นผ่าน นางค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
ดอกไม้และต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะตั้งตระหง่าน ทำให้สวนดูเงียบสงบยิ่งขึ้นไปอีก ร่างสองร่างที่อยู่ไม่ไกลดึงดูดความสนใจขององค์หญิงฉางเล่อ
“สองคนนั่นคือใคร” องค์หญิงฉางเล่อถามเสี่ยวเจิ้นจื่อที่นำทาง
เสี่ยวเจิ้นจื่อมองและตอบว่า “เหมือนกับว่าจะเป็นอันผินและหวังเหม่ยเหรินพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่อเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “อ้อ ไม่แปลกใจเลยที่ข้าไม่รู้จัก”
ขณะเดียวกันก็เดินมาถึงตรงหน้าทั้งสอง
เสี่ยวเจิ้นจื่อเอ่ย “อันผินเหนียงเหนียง หวังเหม่ยเหริน นี่คือองค์หญิง”
หวังเหม่ยเหรินทำความเคารพทันที
อันผินลังเลครู่หนึ่งก่อนจะทำความเคารพตาม
“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อส่งสัญญาณให้ทั้งสองลุกขึ้นและถือโอกาสถามว่า “อากาศหนาวเย็น เหตุใดทั้งสองจึงเดินเล่นอยู่ในสวนเล่า”
หวังเหม่ยเหรินก้มศีรษะไม่กล้าพูดซี้ซั้ว ในแววตาของอันผินกลับเผยความขุ่นเคือง นางก้มหน้าตอบว่า “อยู่แต่ในห้องน่าอึดอัดจึงออกมาเดินเล่นในสวนกับหวังเหม่ยเหรินเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อไม่เผยสีหน้า ในใจกลับยิ้มหยัน
อากาศหนาวแบบนี้ สวนที่ว่างเปล่า เดินเล่นอะไรกัน มีจุดประสงค์อย่างอื่นชัดๆ เตรียมจะมาพบเสด็จพ่อโดยบังเอิญสินะ
องค์หญิงฉางเล่อเย้ยหยัน แต่กลับรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยที่ได้เฝ้าดูความแตกแยกและวุ่นวาย
ดอกไม้ไม่อาจคงอยู่ได้ถึงร้อยวัน คนก็ไม่สามารถดีได้พันวัน มีคนใหม่เข้าวังมากมายเช่นนี้ เซียวกุ้ยเฟยคิดจริงๆ หรือว่าจะได้รับความโปรดปรานตลอดไป
ท้ายที่สุดแล้ว ที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเซียวกุ้ยเฟยคือเด็กในท้องคนนั้น
ดวงตาองค์หญิงฉางเล่อมีประกายแสงเย็นชาแล่นผ่าน
หากเซียวกุ้ยเฟยสูญเสียลูกไป เทียบกับคนใหม่ที่ตั้งครรภ์เหล่านี้แล้วจะเป็นอย่างไรกันนะ
ในมุมมองขององค์หญิงฉางเล่อ ในเมื่อเซียวกุ้ยเฟยที่อยู่มานานแล้วสามารถตั้งครรภ์ได้ คนใหม่เหล่านี้ย่อมง่ายยิ่งกว่า เซียวกุ้ยเฟยก็แค่ได้เปรียบที่ได้โอกาสก่อน
มองดูอันผินที่มีใบหน้างดงามโดดเด่น องค์หญิงฉางเล่อก็เหมือนกับคิดบางอย่างได้ “เจ้าคือคนตระกูลหลี่ใช่หรือไม่”
ทายาทตระกูลหลี่ นางเคยโหยหาเมื่อครั้นยังเด็ก
ครานั้นนางยังเป็นเพียงคนที่ไม่โดดเด่นในหมู่องค์หญิง ความสูงส่งที่นางได้รับไม่อาจเทียบได้กับองค์หญิงสายตรง
เปลือกตาอันผินสั่นเล็กน้อย นางพยักหน้า “ฮองเฮาองค์แรกเป็นพี่สาวตระกูลเดียวกับหม่อมฉันเพคะ”
แม้พี่สาวคนนี้จะโตกว่านางหลายสิบปี นางไม่เคยเห็นหน้าตา แต่กลับจดจำความรุ่งโรจน์หลังจากนั้นของลูกหลานได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ยืดกายตรงเล็กน้อย
องค์หญิงฉางเล่อเห็นปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ นี้ก็อดยกโค้งริมฝีปากไม่ได้
ดูออกว่าน้องในตระกูลของฮองเฮาองค์แรกท่านนี้ไม่ใช่คนสงบเสงี่ยมแต่อย่างใด
และนางก็ชอบคนที่ไม่สงบเสงี่ยมแบบนี้
“มิน่าเล่าอันผินเหนียงเหนียงจึงโดดเด่นเช่นนี้” องค์หญิงฉางเล่อยิ้มพูด
อันผินรับรู้ได้อย่างเฉียบไวถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปขององค์หญิงฉางเล่อ ใจนางกระตุกเบาๆ
องค์หญิงฉางเล่อหมายความว่าอย่างไร
“องค์หญิงทรงชมเกินไปแล้วเพคะ” อันผินกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นางแค่ไม่อยากก้มหน้าให้เซียวกุ้ยเฟยไปตลอดชีวิต นางไม่ได้โง่นะ
องค์หญิงฉางเล่อสีหน้าอ่อนโยนกว่าเดิม “ข้าต้องไปแล้ว ไม่รบกวนอันผินเหนียงเหนียงและหวังเหม่ยเหรินเดินเล่นแล้ว”
ทั้งสองคารวะ “น้องส่งองค์หญิง”
เมื่อองค์หญิงฉางเล่อจากไปไกลแล้ว หวังเหม่ยเหรินก็พูดเสียงเบาว่า “พี่อัน เหมือนกับว่าองค์หญิงฉางเล่อจะชอบท่านนะ”
อันผินเม้มปาก “องค์หญิงฉางเล่อชอบข้าแล้วจะมีประโยชน์อันใด”
ท้ายที่สุดแล้วต้องได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้จึงจะปักหลักในวังหลังได้
หวังเหม่ยเหรินมองซ้ายมองขวา กะพริบตาสองสามทีแล้วพูดว่า “ท่านอย่าลืมว่าตอนนี้องค์หญิงฉางเล่อเป็นพระธิดาในสายเลือดของฝ่าบาทเพียงผู้เดียว พระองค์ได้รับความโปรดปรานมาหลายปี หากนางกล่าวชมท่านพี่ต่อหน้าฝ่าบาทสักเล็กน้อย จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร”
อันผินสายตาแปรเปลี่ยนไม่หยุด นางยิ้มพูดว่า “น้องหญิงพูดถูก ไม่ว่าอย่างไร ผูกมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู”
ทั้งสองเดินเล่นในสวนจนฟ้าใกล้มืดแล้วก็ไม่เห็นจักรพรรดิหย่งอันจะออกมาจากวังอวี้หวา พวกนางหนาวจนเดินตัวสั่นกลับห้องไป
วันส่งท้ายปีใกล้เข้ามา ที่ว่าการหยุดทำการ หอสุราเองก็ปิดร้าน
ชายวัยห้าสิบคนหนึ่งเดินบนถนนชิงซิ่ง มุ่งหน้าไปยังหอสุรา
ประตูหอสุราปิดสนิท มีนกกระจอกเพียงไม่กี่ตัวที่กระโดดบนหิมะหน้าประตู เมื่อชายร่างสูงใหญ่เข้ามาใกล้ พวกมันก็ส่งเสียงฮึดฮัดและบินหนีไป
ชายคนนั้นหยุดลงหน้าประตูครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู
ไม่นานประตูเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ยังคงความงดงาม
ผู้ดูแลหญิงชะงัก เอ่ยว่า “ท่านคือท่านลุงของจูอู่?”
ชายคนนั้นเองก็ชะงักก่อนจะยิ้มพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าผู้ดูแลยังจำข้าได้”
ผู้ดูแลหญิงสีหน้าประหลาด
จะจำไม่ได้ได้อย่างไร นางเป็นผู้ดูแลนะ ความสามารถด้านอื่นขอไม่พูด แต่เรื่องการจดจำคนคือความสามารถขั้นพื้นฐาน
อีกอย่าง ท่านลุงท่านนี้ของจูอู่เคยกินอาหารในหอสุราครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน จูอู่เป็นเจ้ามือ
อืม กินไปมากหรือไม่มากนั้นนางไม่สามารถประเมินได้ด้วยฐานะผู้ดูแลหญิง แต่เอาเป็นว่าสิบปีนี้ไม่ต้องให้เงินเดือนจูอู่แล้ว
ผู้ดูแลหญิงเปิดประตู “ลุงซิ่งรีบเข้ามาเถอะ มาหาจูอู่ใช่หรือไม่”
ลุงซิ่งเดินเข้าไป มองดูห้องโถงที่คุ้นเคยแล้วรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่สามารถอธิบายได้
เขายังจำได้ว่าเขากินอาหารและดื่มสุรามื้อหนึ่งกับหลานชายไป ทำเอาหลานชายมีท่าทีเหมือนกับจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา
“ลุงซิ่งนั่งก่อน” ผู้ดูแลหญิงยกชาร้อนมาแก้วหนึ่ง
ลุงซิ่งรับมาแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะถามว่า “จูอู่เจ้าหนุ่มนั่นเล่า”
ผู้ดูแลหญิงกระตุกมุมปาก
มีผู้อาวุโสดีแบบนี้นี่เอง ชายมีอายุและโสดยังถูกเรียกว่าเจ้าหนุ่มนั่นได้อีก
คิดถึงพ่อแม่ที่เสียชีวิตตั้งแต่นางยังเล็ก ผู้ดูแลหญิงก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ลุงซิ่งสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของผู้ดูแลหญิง ใจก็กระตุก
เหตุใดผู้ดูแลหญิงได้ยินเขาพูดถึงจูอู่แล้วสีหน้าผิดปกตินะ
หรือว่า…. เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ลุงซิ่งก็ดีใจ จากนั้นก็สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว
ช่างเถอะ จะให้จูอู่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่ได้
“เถ้าแก่คิดว่าพักในหอสุรากันหมดเบียดไปเล็กน้อยจึงจัดแจงให้จูอู่กลับไปพักในเรือนที่เคยเช่า”
เมื่อเห็นสีหน้าลุงซิ่งแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ผู้ดูแลหญิงก็รีบพูดว่า “เถ้าแก่ออกเงินเอง”
ลุงซิ่งรู้สึกซับซ้อน
เถ้าแก่ออกเงินเองอะไรกัน เรือนหลังนั้นเป็นของคุณหนูลั่วอยู่แล้วชัดๆ แถมยังขุดอุโมงค์ลับไว้ด้วย
เจ้าคนพวกนี้อยู่กับนังหนูนั่น ถูกคนอื่นขายไปแล้วยังช่วยนับเงินอีก ช่างซื่อบื้อจริงๆ
“ขอบใจ ข้าจะไปหาเขา” ลุงซิ่งกล่าวขอบคุณผู้ดูแลหญิงแล้วเดินออกไป