ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 477 เปิดเผย
ตอนที่ 477 เปิดเผย
แม้ว่าลุงซิ่งจะหลบหนีได้ภายใต้การช่วยเหลือของจูอู่ แต่เขากลับไม่สบายเท่าไรนัก
เขาแทบจะใช้กำลังที่มีทั้งหมดไปกับการฆ่าฟันเมื่อคืน ยาสมานแผลไม่ใช่ยาเทวดา อีกทั้งเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มแล้ว พูดได้ว่าสูญเสียพลังชีวิตร้ายแรง
ทว่าก็เขาไม่กล้าเชิญหมอในช่วงเวลาอ่อนไหวเช่นนี้ ได้แต่ใช้ยาที่เตรียมไว้ล่วงหน้าต่อสู้กับอาการ
จูอู่ค่อนข้างกังวล เขาเฝ้าลุงซิ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ลุงซิ่งทนดูไม่ไหว ด่าว่า “ข้าไม่ได้ตายเสียหน่อย เจ้าทำหน้าแบบนี้ทำไมกัน”
จูอู่ยิ้มขมขื่น “ท่านไม่มีแรงจะพูดก็อย่าด่าเลย”
“ใครบอกว่าข้าไม่มีแรงพูด” ลุงซิ่งถลึงตามอง จู่ๆ ก็เจ็บแผลแปลบจนเหงื่อตก
“ท่านอย่าขยับตัวเลย” จูอู่ลุกขึ้นดึงผ้าห่มให้ลุงซิ่งเบาๆ พึมพำว่า “หากเชิญหมอเทวดามาจ่ายยาให้ท่านได้ก็คงดี…”
หมอเทวดาสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ บาดแผลภายนอกเช่นลุงซิ่งแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย
“ข้าไม่ตายหรอก เจ้าอย่าคิดไร้สาระ” ลุงซิ่งพูดกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง
จูอู่ยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก “ข้ารู้”
ก็แค่คิดดูเท่านั้น ลุงซิ่งซ่อนตัวที่นี่ได้ถึงสองเดือนก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีแล้ว
ขณะที่คิดเช่นนี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจากข้างนอก
จูอู่สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เขามองลุงซิ่งทันที
ลุงซิ่งเองก็ขมวดคิ้ว เดาว่าผู้ที่มาเคาะประตูเวลานี้คือใคร
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ค้นตามบ้านอีกแล้ว
ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เหล่าซื่อจื่อถูกสังหาร จักรพรรดิหย่งอันคงทรงโกรธกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟ ย่อมต้องจับตาดูเรื่องนี้ไม่ปล่อย คนข้างล่างย่อมเอาใจใส่
จูอู่รีบซ่อนลุงซิ่งไว้ในห้องลับทันทีแล้วจัดห้องให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไป
“ใคร?” จูอู่จ้องประตูไม้เก่าด้วยความระวัง พยายามถามด้วยน้ำเสียงสงบ
มีเสียงสองคำดังขึ้นนอกประตู “ข้าเอง”
ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเสียงของลั่วเซิง ความกังวลใจของจูอู่ก็คลายลงครึ่งหนึ่ง เขายื่นมือไปเปิดประตู
เด็กสาวสวมชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอกยืนอยู่นอกประตู เหนือศีรษะมีร่มคอยบังหิมะให้นาง ผู้ที่ยืนถือร่มข้างๆ คือโค่วเอ๋อร์
“เหตุใดเถ้าแก่จึงมาได้”
หญิงสาวใต้ร่มยิ้มถามว่า “ท่านจูไม่เชิญข้าเข้าไปหรือ”
ราวกับว่าจูอู่เพิ่งตั้งสติได้ เขารีบหลีกทางให้ “เถ้าแก่รีบเข้ามาเถอะ”
ลั่วเซิงก้าวข้ามธรณีประตู กวาดตามองลานอย่างสบายๆ
จูอู่พูดตามมารยาท “เถ้าแก่เข้าไปนั่งในห้องเถอะ หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”
“ใช่แล้ว ตกตั้งแต่เมื่อคืน เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาแทบจะไม่หยุดเลย ตลอดทางที่ข้ามาเห็นบางที่หิมะสูงเกือบเท่าหัวเข่าแล้ว”
จูอู่ฟังคำพูดที่ดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรของลั่วเซิง ใจที่ผ่อนคลายลงก็กังวลขึ้นมาอีกครั้ง
หิมะตกหนักเช่นนี้ คุณหนูลั่วมาหาเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ไม่ว่าใจจะเต้นระส่ำอย่างไร จูอู่ก็ต้องเชิญนางเข้ามานั่งในห้องและรินชาร้อนต้อนรับ
ลั่วเซิงยกจอกชา ยิ้มถามว่า “เหตุใดจึงไม่เห็นลุงซิ่งเล่า”
กาน้ำชาที่จูอู่ถือไว้เกือบร่วง เขาพยายามรักษาความสงบไว้ “แม้แต่ท่านลุงข้ามา เถ้าแก่ก็รู้หรือ”
นี่มันสตรีแบบไหนกัน น่ากลัวเกินไปแล้ว! เด็กสาวคนหนึ่งเหตุใดจึงไม่สนใจเรื่องเครื่องประทินโฉมนะ
เด็กสาวที่นั่งตรงข้ามยิ้ม “ผู้ดูแลบัญชีของข้า ข้าย่อมต้องใส่ใจ”
จูอู่ได้ยินคำตอบที่มั่นใจเช่นนี้ได้แต่ยิ้มเย็นชา พูดว่า “ลุงซิ่งมาหาข้า เมื่อเสร็จธุระก็เร่งเดินทางกลับไปแล้ว สิ้นปีพอดีน่ะ…”
ลั่วเซิงประหลาดใจ “ดังนั้นเขาฉลองปีใหม่ระหว่างทางหรือ”
จูอู่เงียบ
เหมือนกับว่าเหตุผลที่สร้างขึ้นมาจะหลอกนางไม่ได้
ลั่วเซิงลุกขึ้น “ข้าได้ยินว่าลุงซิ่งมา ในฐานะที่เป็นเถ้าแก่ของท่านจู เดิมข้ายังคิดว่าจะมาต้อนรับเพื่อแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่ในเมื่อลุงซิ่งกลับไปแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะกลับหอสุราแล้ว”
จูอู่โล่งอก พูดด้วยสีหน้าปกติว่า “ข้าไปส่งเถ้าแก่”
ในที่สุดก็ไล่นังหนูเจ้าปัญหานี้ออกไปได้เสียที
ลั่วเซิงออกจากห้อง มุ่งหน้าไปทางห้องเก็บฟืน
จูอู่ชะงักงัน
ผิดทางนี่นา!
ลมหนาวพัดเข้ามา จูอู่รีบตะโกน “เถ้าแก่ ผิดทางแล้วขอรับ!”
เด็กสาวที่เดินอยู่ข้างหน้าหันกลับมาแล้วยิ้มให้เล็กน้อย “ไม่ผิดหรอก หิมะตกหนักขนาดนี้ข้าไม่เดินข้างนอกดีกว่า ในห้องเก็บฟืนมีอุโมงค์ลับทะลุไปยังหอสุราได้”
จูอู่สะดุดเกือบล้มคะมำบนพื้นหิมะ เมื่อเห็นลั่วเซิงใกล้จะเดินเข้าไปในห้องเก็บฟืนแล้ว เขาก็รีบเรียก “คุณหนูลั่ว ช้าก่อน!”
ลั่วเซิงชะงักฝีเท้าอย่างให้ความร่วมมือและยิ้มมองเขา
จูอู่เดินมา พูดด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “คุณหนูลั่วเข้าไปรอในห้องเถอะ ข้าจะเชิญลุงซิ่งออกมา”
ลั่วเซิงไม่ได้สนใจเขาอีก เดินยกชายกระโปรงเข้าไปในห้องช้าๆ
จูอู่เข้าไปในห้องลับ พูดกับลุงซิ่งด้วยใบหน้ามืดมนว่า “คุณหนูลั่วรู้ว่าท่านอยู่ในนี้แล้ว”
ลุงซิ่งเงียบครู่หนึ่ง ถอนหายใจพูดว่า “นังหนูนั่นฉลาดกว่าที่มองจากภายนอก เกรงว่าคงจะเดาได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเกี่ยวข้องกับข้า…”
ประกายสังหารวาบผ่านดวงตาจูอู่ เขากัดฟันพูดว่า “หากเป็นเช่นนี้…”
ลุงซิ่งไม่ให้เขาพูดต่อ เขาพูดอย่างสงบว่า “ออกไปคุยกันเถอะ”
ในเมื่อถูกจับได้แล้ว คงเป็นเรื่องน่าอายหากไม่ออกไปอีก
ลั่วเซิงรอไม่นานก็ได้เจอลุงซิ่งที่จูอู่ประคองเข้ามา
“ลุงซิ่งเป็นอะไรหรือ”
ลุงซิ่งนั่งลง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณหนูลั่วมีอะไรก็พูดมาเถอะ”
เมื่อได้ยินคำนี้ ลั่วเซิงก็จิบชาคำหนึ่ง บรรยากาศหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
จูอู่ทำท่าจะขยับปาก แต่ก็อดทนไว้
ลั่วเซิงวางจอกชาลง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่ ทั้งสองรู้ใช่หรือไม่”
ลุงซิ่งและจูอู่สบตากันแล้วพยักหน้า
“ข้าเดาว่าลุงซิ่งเป็นคนทำ” ลั่วเซิงมองลุงซิ่งนิ่ง เอ่ยประโยคนี้ออกมาด้วยความสงบ
จูอู่หน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง พูดเสียงขรึมว่า “คุณหนูลั่ว เรื่องแบบนี้พูดซี้ซั้วไม่ได้!”
ลุงซิ่งโบกมือห้ามไม่ให้จูอู่พูดต่อไป สายตายังคงมองใบหน้าที่เย็นชาขาวเนียนดวงนั้น “เหตุใดคุณหนูลั่วจึงพูดเช่นนี้”
ลั่วเซิงเล่นจอกชาในมือ น้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง “วันนี้ทั้งสองไม่ได้ออกไปใช่หรือไม่ ข้าได้ยินข่าวว่าพื้นที่ที่ศาลาว่าการแต่ละแห่งส่งเจ้าหน้าที่ออกมาตรวจค้นมีถนนชิงซิ่งเป็นจุดศูนย์กลาง ลุงซิ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์จูเชวี่ยและอยู่ในเมืองหลวงพอดี ทั้งยังยังบาดเจ็บ…”
ลั่วเซิงมองลุงซิ่งอย่างลึกซึ้ง โค้งริมฝีปากยิ้ม “ทั้งสองคงไม่ได้จะโน้มน้าวข้าว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ”
ลุงซิ่งฟังเงียบๆ ดวงตาของเขามืดมนราวกับสระน้ำลึก
พูดถึงตรงนี้แล้ว จะปฏิเสธอีกคงไม่มีความหมาย
จูอู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ถามขึ้นว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณหนูลั่วด้วย”
แม้พวกเขาคือองครักษ์จูเชวี่ย แม้พวกเขาจะกำจัดตัวประกันเหล่านั้นไปแล้วเกี่ยวอะไรกับนังหนูตรงหน้าคนนี้ด้วยเล่า
อย่ามาบอกว่าคุณหนูลั่วคือบุตรสาวของผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลิน หากเป็นเพราะเรื่องนี้ ครานั้นคุณหนูลั่วก็คงไปฟ้องท่านพ่อของนางแล้ว
จูอู่จ้องคุณหนูลั่วเขม็ง ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ลุงซิ่งเองก็รอลั่วเซิงตอบเงียบๆ
ลั่วเซิงหยิบบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางลงบนโต๊ะ
ทั้งสองเคลื่อนสายตาไปตามการเคลื่อนไหวของนาง
เมื่อมือขาวเนียนของนางเลื่อนออก ป้ายอาญาสิทธิ์ก็นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ
เมื่อลุงซิ่งเห็นชัดแล้วก็ลุกพรวด แต่เนื่องจากบาดแผลถูกดึงรั้ง ความเจ็บปวดรุนแรงจึงทำให้เขาล้มนั่งกลับไปบนเก้าอี้
แต่เขากลับไม่มีจิตใจมาสนใจเรื่องเหล่านี้ ถามด้วยความร้อนรนว่า “เหตุใดป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยจึงอยู่กับเจ้าได้”