ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 488 แสงสว่าง
ตอนที่ 488 แสงสว่าง
สือเยี่ยนจับตามองทั้งสองที่ออกไปพร้อมกัน ผ้าเช็ดโต๊ะในมือถูโต๊ะไปมาไม่หยุด
เสนาบดีจ้าวเห็นว่าผ้าเช็ดโต๊ะของเสี่ยวเอ้อร์ใกล้จะถูเข้ามาในจานของเขาแล้วก็อดกระแอมเบาๆไม่ได้ “เสี่ยวเอ้อร์ แขกยังไม่ไปเลย เก็บโต๊ะตอนนี้ไม่รีบร้อนไปหน่อยหรือ”
สือเยี่ยนดึงสติกลับมาได้ ยิ้มให้เสนาบดีจ้าวอย่างเก้อเขิน แต่ดวงตายังคงจ้องไปที่ประตู
นายท่านสู้รบกลับมาหากพบว่าคุณหนูลั่วถูกหลินเถิงแย่งไปแล้ว…ไม่อยากจะคิดเลย นายท่านช่างน่าสงสาร
เสนาบดีจ้าวกลับคิดถึงเรื่องน่าดีใจเรื่องหนึ่ง เอ๋ หากว่าคุณหนูลั่วชอบหลินเถิง ต่อไปหากหลินเถิงมากินก็จะได้กินอาหารครึ่งราคาสิ
ไม่แน่ว่าจะได้กินโดยไม่เสียเงินอีกด้วย…โอ๊ย คิดเช่นนี้โลภมากไปแล้ว ขอครึ่งราคาก่อนดีกว่า
เสนาบดีจ้าวจิบชาร้อนคำหนึ่งช้าๆ ตกอยู่ในความเพ้อฝันอันงดงาม
นอกหอสุรา ลมยังคงหนาวเย็น พัดชายกระโปรงพลิ้วไหว
หลินเถิงเอ่ยปากใต้แสงจันทร์เลือนรางว่า “เรื่องของคุณหนูใหญ่หวัง คุณหนูลั่วรู้แล้วใช่หรือไม่”
ลั่วเซิงพยักหน้า “โค่วเอ๋อร์บอกข้าแล้ว”
หลินเถิงบอกเหตุผล “จวนสกุลหวังไม่อยากให้แจ้งความ คุณหนูรองหวังจึงแอบมาหาข้า ข้าบอกคุณหนูรองหวังว่าหากมีข่าวจะส่งมาที่หอสุรา หวังว่าเมื่อถึงครานั้นคุณหนูลั่วจะช่วยเหลือส่งข่าวให้คุณหนูรองหวังด้วย”
ลั่วเซิงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “เรื่องเล็กน้อย ใต้เท้าหลินวางใจเถอะ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูลั่วแล้ว” หลินเถิงหยุดลง แสงจันทร์อันเยือกเย็นประสานกับแสงไฟสีส้มสาดลงบนตัวเขา ทำให้สีหน้าที่จริงจังของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย “หอสุราของคุณหนูลั่วเปิดในยามกลางคืน เวลากลับจวนก็ระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณใต้เท้าหลินที่ย้ำเตือน” ลั่วเซิงลังเลครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “คนที่หายไปช่วงนี้…ไม่ได้มีเพียงคุณหนูใหญ่หวังคนเดียวใช่หรือไม่”
ความประหลาดใจฉายวาบในดวงตาหลินเถิง เขามองนางนิ่งชั่วขณะ
ลั่วเซิงอธิบาย “ไม่เช่นนั้นใต้เท้าหลินก็คงไม่จงใจย้ำเตือนข้า ข้าจึงเดาว่าช่วงนี้ใต้เท้าหลินคงยุ่งเพราะเรื่องนี้”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลินเถิงก็พยักหน้ายอมรับ “คุณหนูลั่วทายถูกแล้ว ช่วงนี้ข้าทยอยได้รับรายงานคดีสี่คดี ล้วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวของหญิงสาว ข้าคาดว่าหญิงสาวที่หายตัวไปอาจจะมีมากกว่านี้…”
“หญิงสาวเหล่านี้มีความข้องเกี่ยวกันหรือไม่”
เมื่อคิดถึงคุณหนูใหญ่หวัง ลั่วเซิงก็รู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย
คุณหนูอายุน้อยคนหนึ่งจู่ๆ หายตัวไปบางทีอาจจะยังพอมีความหวัง แต่หากมีหญิงสาวทยอยกันหายตัวไป เกรงว่าสถานการณ์อาจจะเลวร้ายจนมิอาจคาดคิด
หลินเถิงส่ายศีรษะ “ล่าสุดไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องใดๆ กับหญิงสาวสี่คนที่หายตัวไปและคุณหนูใหญ่หวัง มีทั้งหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนและแต่งงานแล้ว ภูมิหลังก็ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งเป็นบุตรสาวของเจ้าของผู้ดูแลร้านขายของชำ คนหนึ่งเป็นภรรยาของช่างไม้ คนหนึ่งเป็นคุณหนูของข้าราชการท่านหนึ่ง และอีกคนหนึ่งเป็นผู้ช่วยของครอบครัวร่ำรวย…”
“หน้าตางดงามหมดเลยหรือไม่”
หลินเถิงยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ไม่ขอรับ อันที่จริงมีสตรีและเด็กหายตัวในเมืองหลวงเช่นนี้ทุกปี คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกคนร้ายลักพาตัว แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในวันเทศกาลสำคัญอย่างเช่น วันชีซี เทศกาลโคมไฟ จะไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยในวันธรรมดาแล้วก็เช่นเดียวกับที่คุณหนูลั่วถาม สตรีที่หายตัวส่วนใหญ่มีรูปโฉมงดงามจึงถูกคนร้ายหมายตาได้ง่าย แต่สตรีที่หายตัวไปในช่วงนี้ หลังจากที่ได้ถามครอบครัวของพวกนางแล้ว บางคนมีหน้าตาโดดเด่น บางคนก็ธรรมดา อย่างเช่นบุตรสาวของผู้ดูแลร้านขายของชำ บนใบหน้ายังมีปาน หาคนมาแต่งงานด้วยไม่ได้มาตลอด…”
เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ หลินเถิงก็นวดหว่างคิ้วเบาๆ
สตรีห้าคนที่หายตัวแทบจะไม่มีจุดที่เหมือนกันเลย ทำให้คนที่สืบสวนคดีสับสนราวกับจมดิ่งลงไปในม่านหมอก
“ไม่มีจุดที่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อยหรือ”
หลินเถิงเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “หากต้องบอกจุดที่เหมือนกันให้ได้จริงๆ เช่นนั้นก็คืออายุของพวกนางไล่เลี่ยกัน ประมาณสิบเก้า”
แต่จุดที่เหมือนกันจุดนี้ไม่สามารถเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดี มองดูในเมืองหลวงแล้ว สตรีอายุสิบเก้านั้นมีมากมาย
อายุสิบเก้า…
ลั่วเซิงคิดถึงเรื่องนี้ก็ถามขึ้นราวกับรู้แจ้งบางอย่างว่า “ใต้เท้าหลินเคยถามวันเกิดของสตรีเหล่านี้หรือไม่”
หลินเถิงชะงักไป
ผู้คนในโลกนี้เชื่อว่าวันเกิดของคนๆ หนึ่งจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของบุคคลนั้น นอกจากเวลาจำเป็นอย่างเช่นการแต่งงาน จะไม่มีการกล่าวถึงวันเกิดของบุคคลเหล่านั้น
ผู้แจ้งความมาแจ้งความย่อมไม่รายงานแม้แต่วันเกิด สำหรับคดีหายตัวแล้วก็จะไม่ถามถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ทว่าคำพูดของลั่วเซิงกลับเป็นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมาท่ามกลางความโกลาหลในศีรษะของหลินเถิง ทำให้เขามองเห็นแสงสว่างด้านหน้า
หากสตรีที่หายตัวไปเกิดวันเดือนปีเดียวกัน ทิศทางในการสืบสวนก็คงต้องเปลี่ยน
บางทีนี่อาจจะไม่ใช่คดีหายตัวไปธรรมดาๆ!
ความรู้สึกเบิกเมฆเห็นตะวันทำให้หลินเถิงตื่นเต้น เขายื่นมือออกไปจะตีมือกับคนที่สะกิดเตือนด้วยความเคยชิน
มองดูชายตรงหน้าดวงตาเป็นประกาย ลั่วเซิงก็ไม่เก้อเขินแม้แต่น้อย นางตีมือกับอีกฝ่ายอย่างเปิดเผยและพูดว่า “ขอให้ใต้เท้าหลินไขคดีได้ในเร็ววัน”
หลินเถิงเพิ่งดึงสติกลับมาได้ รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ลูกน้องที่สืบสวนคดีกับเขา หูก็แดงขึ้นมา
เขารีบวางมือลง ทำท่าทางจริงจัง “ขอบคุณคุณหนูลั่วแล้ว”
“ใต้เท้าหลินเกรงใจแล้ว ข้าแค่ลองเอ่ยดู หากวันเกิดของพวกนางไม่เหมือนกัน เช่นนั้นก็คงไร้ประโยชน์ต่อคดีที่ใต้เท้าหลินกำลังสืบ”
หลินเถิงยังคงอดกลั้นความตื่นเต้นดีใจไว้ไม่ได้ ความเหนื่อยล้าติดต่อกันหลายวันราวกับหายไปในพริบตา “หากไม่เหมือนกัน อย่างน้อยก็กำจัดความเป็นไปได้อย่างหนึ่งทิ้ง การจุดประกายของคุณหนูลั่วสำคัญตรงที่ทำให้ข้าตระหนักได้ว่าข้าไม่ควรถูกประสบการณ์บังตา สตรีที่หายตัวไปย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็แล้วแต่ต้องขอบคุณคุณหนูลั่ว วันเกิดของคุณหนูใหญ่หวังต้องรบกวนคุณหนูลั่วถามคุณหนูรองลั่วให้แล้ว ข้าขอตัวก่อน”
เมื่อเห็นหลินเถิงเดินสาวเท้าจากไป ลั่วเซิงก็หันหลังเดินกลับไป จากนั้นก็เห็นสือเยี่ยนผู้ที่ยืนตาปริบๆ อยู่หน้าประตูหอสุรา
“เหตุใดจึงมายืนอยู่ที่นี่เล่า” ลั่วเซิงถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
สือเยี่ยนยิ้มพูดว่า “ข้าน้อยต้องดูแลความปลอดภัยของท่าน ไม่เช่นนั้นนายท่านของเรากลับมาแล้วจะรายงานอย่างไรเล่าขอรับ”
องครักษ์น้อยปากพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับถอนหายใจอย่างหนัก แย่แล้ว แย่แล้ว คุณหนูลั่วใช้เวลาส่งหลินเถิงนานกว่าส่งนายท่านของพวกเขาเสียอีก
แสดงว่าคุณหนูลั่วมีเรื่องคุยกับหลินเถิงมากกว่าน่ะสิ!
เมื่อคิดถึงคนสองคนที่ในอดีตมักจะยืนใต้ต้นพลับเงียบๆ องครักษ์น้อยก็เริ่มรู้สึกหมดหวัง เมื่อตั้งสติได้อีกครั้งก็พบว่าลั่วเซิงเข้าไปในหอสุราแล้ว
วันต่อมาลั่วเซิงไปยังหอสุราตั้งแต่เช้าและส่งหงโต้วไปส่งเทียบเชิญให้สกุลหวัง ชวนคุณหนูรองหวังออกมาเดินเล่น
บรรยากาศจวนสกุลหวังอึมครึมเนื่องจากการหายตัวไปของคุณหนูใหญ่หวัง แต่กลับไม่กล้าปฏิเสธเมื่อได้รับกับการเชื้อเชิญของคุณหนูลั่ว คุณหนูรองหวังจึงออกไปได้สำเร็จและมาหาลั่วเซิงที่หอสุรา
ทันทีที่เห็นลั่วเซิง คุณหนูรองหวังก็อดถามไม่ได้ว่า “คุณหนูลั่ว ใต้เท้าหลินมีข่าวท่านพี่ข้าแล้วใช่หรือไม่”
“ยังไม่มีหรอก ใต้เท้าหลินวานให้ข้าถามวันเกิดของท่านพี่เจ้า”
แม้คุณหนูรองหวังจะผิดหวัง แต่ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ท่านพี่ข้าปีนี้อายุสิบเก้า เกิดยามเหม่า[1] วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด เหตุใดใต้เท้าหลินจึงถามเรื่องนี้เจ้าคะ”
ลั่วเซิงตกใจจนลืมตอบคำถามของคุณหนูรองหวังไปเสียสนิท
ยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด…
นี่เป็นวันเกิดของท่านหญิงชิงหยาง หรือคือตัวนางในอดีต
และเป็นวันเกิดของคุณหนูลั่ว ตัวนางในปัจจุบัน
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือปีเกิด
[1] ยามเหม่า หมายถึง ช่วงเวลา 05:00 – 07:00