ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 493 ถาม
ตอนที่ 493 ถาม
ทันทีที่ชายสองคนเห็นลั่วเซิง สีหน้าก็แปรเปลี่ยน
ลั่วเซิงเห็นดังนั้นใจก็กระตุก “พวกเจ้ารู้จักข้าหรือ”
ชายคนหนึ่งไม่ได้ตอบ ชายอีกคนปฏิเสธทันควัน “ไม่รู้จัก”
“ไม่รู้จักหรือ” ลั่วเซิงเลิกคิ้ว เดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวหลุบตาลงมองชายสองคนที่ถูกสืออี้ทิ้งลงบนพื้น
เห็นได้ชัดว่าจังหวะที่ทั้งสองเห็นนางมีท่าทีไม่ชอบมาพากล
ทั้งสองเงียบ
ลั่วเซิงยิ้มหยัน “ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ไปกรมยุติธรรมกับใต้เท้าหลินเถอะ”
บางทีนางอาจจะคิดมากไปเอง ชายสองคนแค่แปลกใจที่ผู้ที่ทำลายเรื่องดีๆ ของพวกเขาคือคุณหนูลั่วแค่นั้นเอง คุณหนูลั่วผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองหลวง ผู้ที่รู้จักใบหน้านี้ย่อมมีมากมาย
ถึงอย่างไรคดีหายตัวต่อเนื่องก็มีคุณชายใหญ่หลินเป็นผู้รับผิดชอบ นางไม่จำเป็นต้องทำเกินอำนาจของตนและก้าวก่ายอำนาจของผู้อื่น
หลินเถิงได้ยินลั่วเซิงพูดเช่นนี้ก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “รบกวนสืออี้นำตัวส่งให้ด้วย”
บุคคลสำคัญเช่นนี้ เขาจะไม่ประมาทเพียงเพราะจับตัวได้ บัดนี้ลูกน้องจำนวนหนึ่งไปส่งสตรีกลับเรือน แม้สองคนนี้จะถูกมัดมือเอาไว้ แต่ก็ต้องป้องกันพวกเขาหลบหนีระหว่างทาง
เมื่อเห็นสืออี้เข้ามาจับพวกเขา ชายหนึ่งในนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “ช้าก่อน!”
สืออี้มองลั่วเซิง
“เจ้ามีอะไรจะพูดหรือ”
สีหน้าชายคนนั้นแปรเปลี่ยน เหลือบมองหลินเถิงแล้วพูดว่า “เราทำได้เพียงพูดกับคุณหนูลั่วตามลำพัง”
ลั่วเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหลินเถิงว่า “ใต้เท้าหลิน เช่นนั้นให้ข้าคุยกับพวกเขาก่อนเถอะ”
หลินเถิงลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเตือนว่า “เช่นนั้นคุณหนูลั่วระวังตัวด้วย”
หลังจากหลินเถิงปลีกตัวออกไป สือเยี่ยนและสืออี้ก็มัดพวกเขาทั้งสองไว้บนเก้าอี้ย่างแน่นหนา จากนั้นจึงถอยออกไป
“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่มีผู้อื่นแล้ว บอกมาเถอะว่าพวกเจ้าคือใคร”
ชายสองคนสบตากันครู่หนึ่ง ชายหนึ่งในนั้นก็กัดฟันพูดว่า “คุณหนูรีบปล่อยพวกเราเถอะ พวกเราคือองครักษ์จิ่นหลิน”
“องครักษ์จิ่นหลินรึ” ลั่วเซิงหน้าเปลี่ยนสี
นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เฝ้าจับตาดูไปมา สุดท้ายจับคนของแม่ทัพใหญ่ลั่วได้
หลังจากเงียบครู่หนึ่ง ลั่วเซิงก็ถามอย่างสงบว่า “ท่านพ่อข้าเป็นคนสั่งให้พวกเจ้าทำหรือ”
ชายคนหนึ่งหลุบตาลงตอบว่า “เราทำตามคำสั่งขอรับ”
ที่จริงพวกเขาไม่ได้อยากพูด แต่ในเมื่อตกอยู่ในมือของคุณหนูลั่ว หากกูไหน่ไนส่งพวกเขาไปกรมยุติธรรมโดยไม่แยแส ผู้ที่มีปัญหาก็คงเป็นแม่ทัพใหญ่
ลั่วเซิงได้ยินดังนั้น หัวใจของนางก็ร่วงลงไปที่ตาตุ่ม
นางที่เห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นบิดาในยามนี้ เมื่อได้ยินว่าคดีหายตัวต่อเนื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้เป็นฝีมือของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ยากที่จะอธิบายความรู้สึกในยามนี้ได้
ลั่วเซิงเดินออกไป
หลินเถิงรออยู่ในลาน กำลังชมต้นพลับที่ยังไม่แตกหน่อต้นนั้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับไป
“คุณหนูลั่วถามเสร็จแล้วหรือ”
ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ
“คุณหนูลั่วได้คำตอบอะไรบ้างหรือไม่” หลินเถิงถามขึ้นอย่างสงบ อันที่จริงในใจกลับมิได้สงบเช่นนี้
พฤติกรรมของทั้งสองคนนั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับคุณหนูลั่ว
เมื่อนึกถึงเรื่องที่มีคนขอดูทะเบียนราษฎรจากซุนซื่อหลางและความข้องเกี่ยวกับคุณหนูลั่วก็แทบจะได้คำตอบแล้ว
หลินเถิงไม่อยากคิดเช่นนี้ แต่สติกลับทำให้เขาไม่อาจแกล้งโง่ได้
เขาอดคิดไม่ได้ว่าหากคุณหนูลั่วหลอกเขา เขาควรทำอย่างไร
หากเป็นผู้อื่น เขาสามารถพูดว่าทำตามหน้าที่ได้โดยไม่ลังเล แต่หากเป็นคุณหนูลั่ว…
บางทีคุณหนูลั่วอาจจะเห็นเขาเป็นศัตรูก็ได้…
ขณะที่หลินเถิงคิดเรื่องเหล่านี้ เขาไม่สามารถเมินเฉยต่อความขมขื่นที่ทะลักเข้ามาเต็มหัวใจได้
“ได้คำตอบแล้ว”
หลินเถิงมองไปยังเด็กสาวที่เอ่ยปากทันที
ลั่วเซิงก้มหน้าพูดว่า “พวกเขาบอกว่าพวกเขาคือองค์รักษ์จิ่นหลิน”
แม้จะสงสัย แต่เมื่อหลินเถิงได้ยินคำตอบนี้แล้วสีหน้าก็อดเปลี่ยนไม่ได้
สิ่งที่เขาตกตะลึงไม่ใช่ตัวตนของผู้ร้าย แต่คือคำสารภาพของคุณหนูลั่ว
ลั่วเซิงยิ้มๆ “ข้าเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน สืบสวนมาตั้งนานสุดท้ายเป็นครอบครัวตนเองเสียได้”
รอยยิ้มบนมุมปากของนางจางมาก จางเสียจนหลินเถิงทำตัวไม่ถูก “คุณหนูลั่ว บางที…”
ลั่วเซิงพูดแทรกขึ้น “ใต้เท้าหลินโปรดให้เวลาข้าเล็กน้อย ข้าอยากลองถามท่านพ่อข้าดู”
หลินเถิงแทบจะตอบโดยไม่ลังเลว่า “คุณหนูลั่วถามให้ชัดเจนก็ดี อาจจะเข้าใจอะไรผิดก็ได้”
แม้จะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณหนูลั่ว แต่เขาก็คิดว่าให้คุณหนูลั่วถามแม่ทัพใหญ่ลั่วจะเหมาะสมที่สุด
ด้วยสถานะของแม่ทัพใหญ่ลั่ว หากเขาดื้อรั้นจะสืบต่อไปใช่ว่าจะไม่ได้ เพียงแต่ว่าจะมีอุปสรรคขัดขวางมากมาย
ลั่วเซิงมองหลินเถิงแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ก่อนที่ข้าจะถาม หวังว่าใต้เท้าหลินอย่าเพิ่งทำให้ผู้อื่นแตกตื่น”
หลินเถิงพยักหน้า “แน่นอน ข้าจะกลับไปที่ศาลาว่าการรอข่าวของคุณหนูลั่ว”
ลั่วเซิงมองส่งหลินเถิงกลับไปแล้วส่งคนไปที่ว่าการองครักษ์จิ่นหลินเพื่อเชิญแม่ทัพใหญ่ลั่วมา
แม่ทัพใหญ่ลั่วทราบข่าวก็มีความสุขมาก
ใกล้ถึงยามเที่ยงแล้ว เซิงเอ๋อร์เชิญเขาไปหอสุราเวลานี้ จะให้กินข้าวที่นั่นหรือไม่นะ
แม่ทัพใหญ่ลั่วไปที่หอสุราอย่างมีความสุข
ในห้องโถงมีเพียงผู้ดูแลหญิงและหงโต้วที่เอามือเท้าคางพลางนั่งสัปหงก
เมื่อได้ยินผู้ดูแลหญิงทักทายแม่ทัพใหญ่ลั่ว หงโต้วก็ลุกพรวด “แม่ทัพใหญ่ คุณหนูเชิญท่านไปด้านหลังเจ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่ได้คิดมาก เดินตามหงโต้วไปข้างหลัง
“เซิงเอ๋อร์อยู่ข้างในหรือ เหตุใดไม่ไปนั่งในห้องโถง…” แม่ทัพใหญ่ลั่วเดินเข้าไปในห้อง เห็นคนสองคนที่ถูกมัดบนเก้าอี้และถูกอุดปากเอาไว้ เสียงก็เงียบหายไปในทันที
ลั่วเซิงเดินออกมาจากห้องทิศตะวันตก มองแม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วชี้ไปที่ชายสองคนอย่างงงงัน “เซิงเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ท่านพ่อไปคุยข้างในเถอะเจ้าค่ะ”
ห้องทิศตะวันตกถูกตกแต่งให้เป็นห้องหนังสือ ภายในห้องสว่างสดใส
แม่ทัพใหญ่ลั่วเลือกเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวพลางนั่งลง รีบถามว่า “เซิงเอ๋อร์ พวกเขาสองคนสร้างปัญหาให้เจ้าหรือ”
จนถึงบัดนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่ได้คิดถึงอย่างอื่นเลย คิดเพียงว่าชายสองคนช่างโชคร้ายมาตกอยู่ในมือของบุตรสาว
ลั่วเซิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงราบเรียบว่า “ไม่ได้สร้างปัญหาให้ข้าหรอกเจ้าค่ะ แต่พวกเขาลักพาตัวสตรีนางหนึ่งกลางวันแสกๆ ข้าเห็นเข้าพอดี”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าพลันเปลี่ยน “เจ้าสารเลวสองคนนี้ ช่างกำเริบเสิบสาน…”
“ท่านพ่อ พวกเขาบอกว่าท่านเป็นคนสั่ง”
“เหลวไหล!” แม่ทัพใหญ่ลั่วโพล่งขึ้น เมื่อเผชิญกับแววตาสงบเยือกเย็นของลั่วเซิง จู่ๆ ก็พูดต่อไปไม่ได้
หากเซิงเอ๋อร์รู้ว่าเขาพูดโกหกหน้าตาย จะเห็นเขาเป็นคนอย่างไรกัน
ลั่วเซิงแม้มปากเบาๆ พูดตรงไปตรงมาว่า “ช่วงนี้หลินเถิงกรมยุติธรรมกำลังสืบสวนคดีหายตัวไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสตรีที่หายตัวไปจำนวนหนึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับท่านพ่อสินะเจ้าคะ”
ในเมื่อคิดจะพูดคุยกันอย่างเปิดอกแล้ว นางไม่อยากให้แม่ทัพใหญ่ลั่วมีโอกาสปกปิดและปกป้องตนเอง หากเป็นเช่นนั้น สุดท้ายมีแต่จะทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ่งอับอาย
“เซิงเอ๋อร์…” แม่ทัพใหญ่ลั่วปริปากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรดี
จะให้เขายอมรับกับบุตรสาวว่าเขาเป็นคนสั่งให้ทำร้ายหญิงสาวเหล่านั้นหรือ
ครานี้เองก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างนอก “คุณหนู อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“ยกเข้ามา”
ม่านประตูถูกเปิดออก โค่วเอ๋อร์ยกถาดเดินเข้ามา บนถาดมีก๋วยเตี๋ยวผัดปรุงรสร้อนๆ ถ้วยหนึ่ง หมูทอดจานหนึ่งและสุรากาหนึ่ง
ลั่วเซิงยกกาสุราขึ้นมารินสุราจอกหนึ่งแล้วยื่นให้แม่ทัพใหญ่ลั่ว เม้มปากถามว่า “ท่านพ่อบอกสาเหตุที่ทำเช่นนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ”