ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 494 ดาบ
ตอนที่ 494 ดาบ
เพียงเพราะว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วปกป้องเป่าเอ๋อร์ไว้ในปีนั้นและช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ลั่วเซิงจึงไม่คิดว่าสตรีที่หายตัวไปเป็นการกระทำส่วนตัวของเขา
นางเชื่อว่าคนเบื้องหลังที่แท้จริงคือผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรผู้นั้น
สำหรับนางแล้ววันเวลาเกิดของสตรีเหล่านี้ทำให้นางอ่อนไหวมาก ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหาสาเหตุที่คนผู้นั้นทำเช่นนี้
และหากอยากได้คำตอบ เกรงว่าต้องถามเอาจากปากแม่ทัพใหญ่ลั่วเท่านั้น
มองดูบุตรสาวที่ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง แม่ทัพใหญ่ลั่วก็รับจอกสุรามาเงียบๆ และดื่มจนหมดจอก
สุรากลั่นไหลผ่านลำคอราวกับจุดไฟให้อวัยวะภายใน ชวนให้ไม่สบายตัว
เขาวางจอกสุราลงบนโต๊ะอย่างแรงและเงียบต่อไป
ลั่วเซิงเข้าใจการต่อสู้ดิ้นรนภายในใจของแม่ทัพใหญ่ลั่วในบัดนี้ดี นางเอ่ยปากทำลายความเงียบว่า “ท่านพ่อเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และเก่งกล้าในใจของลูกเสมอมา ลูกไม่เชื่อว่าท่านพ่อทำไปเพราะผลประโยชน์ส่วนตัว”
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองลั่วเซิงอย่างตะลึงงัน “เซิงเอ๋อร์…”
เขาเป็นผู้นำขององครักษ์จิ่นหลิน เป็นเทพแห่งโรคระบาดในสายตาของขุนนางและข้าราชการส่วนใหญ่ เป็นความชั่วร้ายในหัวใจของประชาชน
เขาเชื่อว่าเขาเป็นบิดาผู้มีความรักและเมตตาท่านหนึ่งในสายตาของลูกๆ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และเก่งกล้าในใจของเด็กสาวผู้โอหังอวดดีและชอบสร้างปัญหาคนนี้
การค้นพบนี้ทำให้ชายวัยกลางคนที่ผ่านเรื่องราวมามากมายน้ำตาคลอ
“เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้หรือ” ลั่วเซิงทำเป็นไม่เห็นความผิดปกติของแม่ทัพใหญ่ลั่ว แม้จะเป็นการถาม แต่น้ำเสียงหนักแน่นมาก
เรื่องนี้ทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วโล่งอก
หากให้บุตรสาวเห็นว่าเขาอยากร้องไห้ก็น่าอับอายเกินไปแล้ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยายามพูดว่า “เซิงเอ๋อร์ เรื่องของราชสำนัก เจ้าอย่าถามมากเกินไปเลย”
“ลูกไม่ได้สนใจราชสำนัก แต่สิ่งที่ลูกเป็นห่วงคือท่านพ่อ” เด็กสาวตาเป็นประกาย มองแม่ทัพใหญ่ลั่วนิ่ง
ภายใต้การจ้องมองของสายตาบริสุทธิ์ผุดผ่องคู่นั้น แม่ทัพใหญ่ลั่วรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบคั้น
แน่นอนว่าเขาจะไม่พูดอะไรเลยก็ได้ แต่เขาจะทำให้บุตรสาวผิดหวัง ทำให้บุตรสาวคิดว่าเขาเป็นคนที่ก่อกรรมทำชั่ว
ไม่รู้ว่าเงียบไปนานเพียงใด แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ถอนหายใจ “เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้”
ดวงตาของเด็กสาวที่จ้องมองเขามาตลอดสว่างไสวในทันใด เปล่งประกายแสงวิบวับ “ลูกว่าแล้วว่าท่านพ่อไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่”
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มอย่างขมขื่น “ส่วนผู้ที่ลงมือก็คือพ่อเองจริงๆ”
ลั่วเซิงเงียบลงครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เหตุใดฮ่องเต้จึงทำเช่นนี้เจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วยื่นมือออกไปตบไหล่ลั่วเซิงเบาๆ “เด็กโง่ ฮ่องเต้ทรงทำอะไร จะบอกเหตุผลที่ไหนกัน”
“ท่านพ่อก็ไม่รู้หรือ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วส่ายศีรษะ
หลังจากที่ได้รับบัญชาจากองค์ฮ่องเต้ สวรรค์รู้ว่าเขาตกตะลึงเพียงใด เขากระทั่งสงสัยว่าฮ่องเต้ทรงถูกผีสิงหรือไม่
ลั่วเซิงหยิบกาสุราขึ้นมาเติมจอกสุราที่ว่างเปล่า ขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่มีลมย่อมไม่เกิดคลื่น ฮ่องเต้ทรงไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผล ท่านพ่อ ช่วงนี้เกิดเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่”
แม่ทัพใหญ่ลั่วนวดขมับอย่างทุกข์ใจ ถอนหายใจพูดว่า “ช่วงนี้เกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน เหล่าอ๋องก่อกบฏ กุ้ยเฟยทรงมีประสูติกาลก่อนกำหนด ล้วนเป็นเรื่องสำคัญทุกเรื่อง”
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ”
เหล่าอ๋องกบฏและกุ้ยเฟยทรงมีประสูติกาลก่อนกำเนิดเป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆ แต่สำหรับลั่วเซิงแล้วนางคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีสตรีหายตัวไป
“เรื่องอื่น…” แม่ทัพใหญ่ลั่วขมวดคิ้วครุ่นคิด จู่ๆ ก็เลิกคิ้ว “เมื่อไม่นานนี้ราชครูออกจากการกักตนแล้ว นี่คงจะเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง”
ลั่วเซิงใจกระตุก
นางในฐานะที่เป็นท่านหญิงชิงหยางย่อมเคยได้ยินเรื่องราชครูแห่งต้าโจวมาบ้าง
ว่ากันว่าเขาเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถควบคุมลมฝนได้ เขามีรูปโฉมไม่แก่เฒ่า วิถีเต๋าลึกซึ้งและเป็นที่พึ่งพาของราชวงศ์อย่างมาก
ดูเหมือนว่าสตรีที่เกิดวันเวลาเดียวกันจะเชื่อมโยงกับราชครูผู้มีพลังลี้ลับมิอาจคาดเดาได้ผู้นี้
ลั่วเซิงรู้สึกโชคดีที่คุณหนูลั่วเป็นคนมีนิสัยตรงไปตรงมา คิดอะไรก็ถามเช่นนั้น
นางเผยสีหน้าขยะแขยงและตกตะลึง “ท่านพ่อ คงไม่ใช่เพราะจู่ๆ ราชครูโกหกฮ่องเต้ให้เอาเลือดของสตรีเหล่านี้มาหลอมเป็นยาเพื่อชีวิตอมตะหรอกนะเจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วลูบปลายจมูก สีหน้าประหลาดเล็กน้อย “การคาดเดานี้มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่…”
เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “แต่ว่าฮ่องเต้ทรงมิได้บัญชาให้ข้าเอาเลือดของสตรีหล่านั้น”
ลั่วเซิงถามเสียงเบา “เช่นนั้นพระองค์ทรงจัดการอย่างไรกับหญิงสาวเหล่านั้นเจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบลงครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ฆ่าทิ้งแล้ว”
แม้ลั่วเซิงจะทำใจกับคำตอบนี้นานแล้ว แต่ก็ยังอดกำหมัดไม่ได้
ผ่านไปนาน ลั่วเซิงก็เอ่ยปากว่า “ได้ยินหลินเถิงบอกว่าสตรีที่หายตัวไปเกิดวันเวลาเดียวกัน และสตรีที่เกิดวันเวลาเดียวกันในเมืองหลวงมีถึงหนึ่งร้อยหกคน ท่านพ่อคิดจะฆ่าสตรีทั้งหนึ่งร้อยหกคนนี้ทิ้งตามพระบัญชาเช่นกันหรือเจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วตกตะลึงอย่างยิ่ง “หลินเถิงบอกเจ้าเรื่องนี้หรือ”
ลั่วเซิงกะพริบตาปริบ รู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วให้ความสำคัญผิดเรื่อง
แม่ทัพใหญ่ลั่วตกตะลึงมากจริงๆ
เขารู้จักหลินเถิงชายหนุ่มคนนั้นดี เวลาทำงานนั้นตั้งใจมาก เป็นคนแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจน คิดไม่ถึงว่างานสำคัญเช่นนี้จะบอกเซิงเอ๋อร์!
นี่คงมีใจให้เซิงเอ๋อร์หรือไม่นะ
แม่ทัพใหญ่ลั่วรู้สึกเพียงโชคลาภตกใส่ศีรษะอย่างคาดไม่ถึง แม้แต่ความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็พลันลดน้อยลง
“ท่านพ่อ” ลั่วเซิงเรียก
จู่ๆ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ตื่นจากความดีใจปนประหลาดใจนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งในความเป็นจริงทำให้สีหน้าของเขามืดมนลง
ลั่วเซิงถามต่อไปว่า “สตรีเหล่านี้จะถูกฆ่าหรือไม่เจ้าคะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วมองนาง น้ำเสียงจนปัญญา “ตอนนี้เซิงเอ๋อร์ก็โตแล้ว น่าจะรู้ว่ากษัตริย์ทรงให้ขุนนางตายขุนนางก็ต้องตาย ยิ่งมิต้องพูดถึงการทำตามคำสั่ง”
ลั่วเซิงกัดริมฝีปาก ถามขึ้นทีละคำว่า “หากครั้งต่อไปฝ่าบาททรงบัญชาให้ท่านพ่อฆ่าลูกเล่า”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าพลันเปลี่ยน “อย่าพูดซี้ซั้ว!”
ลั่วเซิงน้ำเสียงสงบ “การสังหารสตรีเหล่านี้อาจสืบเนื่องมาจากราชครูทูลบอกบางอย่างกับฝ่าบาท ครานี้ผู้ที่พวกเขาต้องการฆ่าคือสตรีที่เกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีปิ่งหยิน ครั้งหน้าอาจจะเป็นสตรีที่เกิดยามเหม่าวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีอู้เฉิน เมื่อดาบเริ่มชี้ไปที่ผู้บริสุทธิ์ มันก็สามารถตกใส่ศีรษะใครก็ได้…”
“เซิงเอ๋อร์ เจ้าหยุดพูดได้แล้ว!” แม่ทัพใหญ่ลั่วหน้าแดง เขาขยี้ศีรษะลั่วเซิงเบาๆ “ไม่หรอก เจ้าอย่าคิดมากเลย”
ลั่วเซิงอยากจะพูดว่านั่นคือสตรีผู้บริสุทธิ์ร้อยกว่าชีวิต แต่คำพูดนี้หยุดอยู่ที่ปลายลิ้น ไม่ได้พูดออกไป
อย่างที่แม่ทัพใหญ่ลั่วพูด กษัตริย์ทรงให้ขุนนางตายขุนนางก็ต้องตาย นางพูดต่อไปมีแต่จะทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ่งทุกข์ทรมาน
หวังเพียงว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วจะฟังสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่นี้เข้าหูบ้าง ในอนาคตเมื่อต้องเลือก ท่านพ่อจะคิดได้ว่าการทุ่มเททำงานให้กับทรราชนั้นไม่คุ้มค่า
ครานี้เองเสียงของโค่วเอ๋อร์ดังขึ้นจากข้างนอก “คุณหนู ท่านจูเจอปัญหาเล็กน้อยขณะที่คิดบัญชี อยากจะรายงานท่านเจ้าค่ะ”
ลั่วเซิงตาเป็นประกายเล็กน้อย
จูอู่กลับมาแล้ว!
จูอู่กลับมาเวลานี้ เป็นข่าวดีที่หาได้ยากอย่างมิต้องสงสัย
ถึงแม้จะร้อนรนในใจ ลั่วเซิงกลับไม่เผยสีหน้าแม้แต่น้อย “ท่านพ่อ ไม่กินอาหารอีกอาหารจะเย็นหมดแล้ว ท่านกินข้าวก่อนเถอะ ข้าจะไปคุยกับผู้ดูแลบัญชีเล็กน้อย”
หลังจากลั่วเซิงจากไป แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ไม่ได้ขยับตะเกียบ
เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เจริญอาหารแม้จะมีอาหารเอร็ดอร่อยอยู่ตรงหน้า เขาคิดถึงสิ่งที่ลั่วเซิงพูดเมื่อครู่นี้ซ้ำไปมา หากว่าคราวหน้าฝ่าบาททรงบัญชาให้ท่านพ่อฆ่าลูกเล่า เมื่อดาบเริ่มชี้ไปที่ผู้บริสุทธิ์ มันก็สามารถใส่ศีรษะใครก็ได้