ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 497 ตัวตน
ตอนที่ 497 ตัวตน
น้ารองเซิ่งมองลั่วเซิง โกหกหน้าตายว่า “น้องลั่วเจ้าเตรียมหารือเรื่องงานแต่ง เวลาแบบนี้จะออกเดินทางไกลได้อย่างไร”
คุณชายสามเซิ่งตะลึง “น้องลั่วจะแต่งงาน? กับใครหรือ”
เห็นได้ชัดว่าคุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งตะลึงยิ่งกว่า
ลั่วเฉินขมวดคิ้วโดยสัญชาติญาณ เขารู้สึกว่าคำพูดของน้ารองเซิ่งเชื่อไม่ได้
พี่สาวของเขาจะแต่งงาน เหตุใดเขาจึงไม่รู้
ขณะที่คิดเช่นนี้ เขาก็มองไปที่ลั่วเซิง
ลั่วเซิงหน้านิ่ง ทว่าในใจตกตะลึง เพื่อที่จะทำให้การไม่ไปจินซาของนางสมเหตุสมผล แม่ทัพใหญ่ลั่วถึงกับหาเหตุผลที่ยากเย็นเช่นนี้เลยหรือ
“ท่านพ่อ น้องลั่วจะคุยเรื่องงานแต่งกับใครหรือขอรับ” คุณชายสามเซิ่งอยากรู้จะแย่แล้ว
น้ารองเซิ่งถลึงตาใส่เขา ตำหนิว่า “นี่ใช่เรื่องที่เจ้าควรถามหรือ”
คุณชายสามเซิ่งเหลือบมองลั่วเซิง ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก
น้ารองเซิ่งกำหมัดประสานมือให้แม่ทัพใหญ่ลั่ว “ท่านพี่ เรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน ข้าคิดว่าจะออกเดินทางพรุ่งนี้ รบกวนท่านช่วยจัดแจงให้เฉินเอ๋อร์ด้วย”
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยักหน้าไม่หยุด “ออกเดินทางเร็วหน่อยดีแล้ว ข้าเองก็คิดถึงฮูหยินผู้เฒ่าเช่นกัน ภายหน้าหากมีโอกาสข้าจะพาเซิงเอ๋อร์ไปเยี่ยมนาง”
คุณชายรองเซิ่งกล่าวขอบคุณแล้วเร่งเร้าหลานชายสองคน “ต้าหลัง เอ้อร์หลัง พวกเจ้ารีบไปลางานที่ศาลาว่าการเถอะ”
คุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งลุกขึ้นพร้อมกันและจากหอสุราไปอย่างรวดเร็ว
น้ารองเซิ่งและแม่ทัพใหญ่ลั่วดื่มสุราแก้เบื่อในหอสุราทั้งบ่าย
คุณชายสามเซิ่งเห็นดังนั้นก็ยิ่งเชื่อเรื่องที่ท่านย่าป่วย เฮ้อ แม้แต่ท่านพ่อที่มักสบายอกสบายใจและร่างกายอ้วนท้วนเช่นนี้ยังดื่มสุราเพื่อคลายทุกข์!
ทันทีที่คิดว่าพรุ่งนี้ต้องจากหอสุราที่คุ้นเคยไป คุณชายสามเซิ่งก็เดินเข้าไปในลาน ตบต้นพลับแล้วพูดอย่างโศกเศร้าว่า “ต้นพลับเอ๋ย จากไปครานี้กลับมาอีกครา เจ้าคงถูกลูกพลับสีแดงแต่งแต้มเต็มต้นแล้ว”
สือเยี่ยนไม่รู้สิ่งที่พวกเขาสนทนาในห้องส่วนตัว เมื่อได้ยินดังนั้นก็ถามด้วยความแปลกใจ “ซานหลัง เจ้าจะไปไหนหรือ”
คุณชายสามเซิ่งนั่งลงบนม้าหินอ่อนแล้วถอนหายใจ “กลับจินซา ท่านย่าข้าป่วย”
“โอ้ อย่ากังวลไปเลย ฮูหยินผู้เฒ่าต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน” สือเยี่ยนตบไหล่คุณชายสามเซิ่งเบาๆแล้วนั่งลงตรงข้าม
คุณชายสามเซิ่งพยักหน้า “ท่านย่าข้าร่างกายแข็งแรง คงเป็นเพราะคิดถึงพวกเราเกินไปจนตรอมใจ”
สือเยี่ยนเหลือบมองใบหน้ากลมๆ ของคุณชายสามเซิ่ง คิดในใจว่าหากคิดถึงจนตรอมใจ ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเห็นหลานชายที่อ้วนขึ้นสองเท่าแล้วอารมณ์คงไม่ดีนัก
แน่นอนว่าขณะที่ผู้อื่นเขากำลังกังวล คำพูดแบบนี้จะพูดออกไปไม่ได้
“แล้วน้ารองเซิ่งก็กลับไปด้วยหรือ” สือเยี่ยนถือโอกาสถามด้วย
“อืม ท่านพ่อข้าแล้วก็พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเฉินจะกลับไปพร้อมกัน”
สือเยี่ยนรีบถามว่า “แล้วคุณหนูลั่วเล่า”
หน้าที่ของเขาและน้องสี่คือการปกป้องคุณหนูลั่วให้ดี หากคุณหนูลั่วกลับจินซา พวกเขาย่อมต้องไปด้วย
“น้องลั่วข้าไม่กลับ นางต้องเตรียมตัวคุยเรื่องงานแต่ง”
“อะไรนะ” สือเยี่ยนผุดลุกขึ้นจากม้านั่งหิน
คุณชายสามเซิ่งตกใจกับการตอบสนองของสือเยี่ยน เขามองสือเยี่ยนอย่างงุนงง
สือเยี่ยนงุนงงยิ่งกว่า เขาโพล่งพูดว่า “คุณหนูลั่วจะคุยเรื่องงานแต่งงานกับใครหรือ นายท่านของเราไม่อยู่ด้วยสิ”
“ไม่รู้สิ”
สือเยี่ยนร้อนรน “ซานหลัง เราสนิทกันเช่นนี้แล้ว เหตุใดยังต้องปิดบังกันเล่า”
“ข้าไม่รู้จริงๆ” คุณชายสามเซิ่งทำหน้าหมดหนทาง “พอข้าถาม ท่านพ่อข้าก็ด่าข้าทันทีเลย”
สือเยี่ยนเดินเอามือไพล่หลังไปมาสองสามก้าวก่อนจะหยุดกะทันหัน “ไม่ได้ ข้าต้องไปถามหงโต้ว”
“คุยเรื่องงานแต่งหรือ คุณหนูไม่ได้บอกพวกเรานะ” หงโต้วทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
โค่วเอ๋อร์นิ่งกว่ามาก นางวิเคราะห์อย่างตั้งใจว่า “ในเมื่อกำลังหารือเรื่องงานแต่ง เช่นนั้นย่อมไม่ใช่นายท่านของพวกเจ้าแน่นอน เขาไม่อยู่เมืองหลวงเสียหน่อยจะหารือเรื่องงานแต่งได้อย่างไร ข้าเดาว่าคงเป็นคุณชายใหญ่หลิน ช่วงนี้เขามักจะดูต้นพลับกับคุณหนูของเราบ่อยๆ ด้วย”
สือเยี่ยนเดินโซซัดโซเซออกไปราวกับถูกฟ้าฝ่า
ไม่ได้ เขาต้องรีบไปส่งข่าวให้นายท่าน!
หลังจากเขียนจดหมายเสร็จ จดหมายฉบับนั้นก็ถูกขยำ
ส่งไปไม่ได้ หากจดหมายฉบับนี้ถึงมือนายท่านแล้ว นายท่านอ่านแล้วสะเทือนใจจนกระทบการสู้รบจะทำอย่างไรเล่า
หากแพ้ขึ้นมาคือการเสียชีวิตเชียวนะ ชนะแล้วกลับมา อย่างน้อยหากเป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด นายท่านก็ยังชิงตัวภรรยากลับมาได้
ช่างเถอะ ช่วงนี้เขาเฝ้าจับตาใกล้ชิดหน่อยดีกว่า เมื่อใดก็ตามที่คุณหนูลั่วมีสัญญาณว่าจะหมั้นหมายกับหลินเถิง เขาจะยุยงให้ฟู่เสวี่ยพาต้าไป๋ออกไปเดินเล่นที่หน้าจวนหลิน
คุณชายใหญ่เซิ่งและคุณชายรองเซิ่งลางานได้อย่างราบรื่น ข่าวลั่วเฉินจะกลับจินซาแพร่สะพัดในจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วราวกับสายลม
เหล่าอี๋เหนียงทยอยกันไปหาลั่วเฉินที่เรือนของเขา แม้แต่ลั่วฉิงคุณหนูรองที่เปลี่ยนไปเพราะเรื่องของผิงลี่ก็ไปหาเขาด้วย
ในที่สุดก็ส่งสตรีกลุ่มหนึ่งออกไปได้เสียที ลั่วเฉินสั่งฝูซงด้วยสีหน้าขรึมว่า “เชิญคุณหนูสามมา”
ครั้นฝูซงกำลังจะออกไป เขาก็ลุกขึ้นพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าไปเรือนเสียนอวิ๋นย่วนเอง”
ในเรือนเสียนอวิ๋นย่วน ลั่วเซิงกำลังจัดแจงเรื่องที่ลั่วเฉินจะออกเดินทางพรุ่งนี้ เมื่อได้ยินว่าลั่วเฉินมา นางก็สั่งคนให้พาเขาไปยังห้องหนังสือ
“ท่านพี่กำลังยุ่งหรือ”
“อืม พรุ่งนี้เจ้าต้องออกเดินทางไกล ข้าเตรียมของให้เจ้าเอาติดตัวไปด้วย”
ลั่วเฉินก้มหน้า สายตาหยุดอยู่ที่หยกทับกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ
ผีชิว[1]สีเขียวตัวน้อยเชิดศีรษะและยืดอก ดูไร้เดียงสา
“เป็นเพราะท่านยายป่วยจริงๆ หรือ” จู่ๆ ลั่วเฉินก็ถาม
ลั่วเซิงมองเขาอย่างสงบ “เหตุใดจึงถามเช่นนี้ ท่านน้าจะเอาเรื่องสุขภาพของท่านยายมาล้อเล่นหรือ”
ลั่วเฉินเงียบลงครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านน้าและท่านพ่อดื่มสุราด้วยกันตอนบ่าย ยังกินปลาหนึ่งจาน ขาหมูสองขา และเนื้อตุ๋นอีกสามจาน”
ลั่วเซิง “…”
เด็กหนุ่มสีหน้าจริงจัง มองตาลั่วเซิงนิ่ง “ความรักที่น้ารองมีต่อท่านยายน่ะข้ารู้ หากท่านยายป่วยถึงขั้นต้องให้น้ารองพาญาติผู้พี่ทั้งสามและข้าเร่งเดินทางกลับไป เขาจะเจริญอาหารขนาดนี้หรือ”
ลั่วเซิงพูดไม่ออก
ปลาหนึ่งจาน ขาหมูสองขา เนื้อตุ๋นสามจาน จะให้พูดอะไรอีกเล่า
ลั่วเฉินไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ “ท่านพี่ก็บอกแล้ว ท่านน้าไม่มีทางเอาสุขภาพของท่านยายมาล้อเล่น และตอนนี้ในเมื่อใช้เหตุผลนี้แสดงว่ามีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น ท่านพี่ ข้าสิบห้าแล้ว ข้าไม่อยากเป็นเด็กน้อยในสายตาของพี่ตลอดไป ข้าเป็นบุรุษคนเดียวในรุ่นของจวนแม่ทัพใหญ่ลั่ว มีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง”
สายตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย สงบและดื้อรั้น
ลั่วเซิงเงียบไปนานก่อนจะถามว่า “เจ้าอยากรู้ความจริงจริงหรือ”
ลั่วเฉินพยักหน้า
“หากรู้มากเกินไป วันเวลาที่ไร้ความกังวลก็จะไม่มีอีกแล้วนะ”
เด็กหนุ่มหัวเราะ หัวเราะอย่างสงบ “ท่านพี่ คนเราไม่มีทางไร้เรื่องกังวลไปตลอดชีวิต”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลั่วเซิงถามว่า “ยังจำป้ายอาญาสิทธิ์ที่ข้าขอจากเจ้าเมื่อวันนั้นได้หรือไม่”
“ขอรับ”
“นั่นคือป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยที่สามารถเรียกระดมองครักษ์จูเชวี่ยของจวนเจิ้นหนานอ๋องได้”
ขณะที่ฟังลั่วเซิงพูด ลั่วเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ลั่วเฉิน” ลั่วเซิงเรียก
ลั่วเฉินมองนางเงียบๆ
“เจ้าคิดว่าเหตุใดป้ายอาญาสิทธิ์จูเชวี่ยของจวนเจิ้นหนานอ๋องจึงอยู่ในกล่องของเล่นของเจ้า”
เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับมีค้อนเล็กๆ กะเทาะเข้าที่หัวใจของเขาแผ่วเบา ทำลายชั้นผิวที่หลอกลวงตนเองจนเป็นรอยร้าว ในขณะนี้เอง ความสงสัยที่เขาเก็บงำมาตลอดหลายวันในที่สุดก็พบทางออก
ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดขาวเล็กน้อย เขาถามเสียงเบาว่า “ดังนั้นอันที่จริงแล้วข้าไม่ใช่น้องชายของท่านพี่หรือ”
[1] ผีชิว หรือปี่เซียะ เป็นสัตว์มงคลและศักดิ์สิทธิ์ช่วยป้องกันและปัดเป่าภยันตรายและภูตผีปีศาจ สิ่งไม่ดีต่างๆ