ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 503 หักหน้า
ตอนที่ 503 หักหน้า
หลังจากเตรียมการเสร็จแล้ว ลั่วเซิงไปจวนองค์หญิงตามนัด
นางกำนัลที่รออยู่ข้างนอกนานแล้วพาลั่วเซิงไปเรือนหลัก ไม่ได้ไปห้องบรรทม แต่พาไปยังเรือนวิเวกที่องค์หญิงฉางเล่อใช้เป็นสถานที่ทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นเป็นประจำ
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเรือน กลิ่นหอมที่คุ้นเคยก็โชยมาแตะจมูก กลิ่นหอมฉุนทำให้ลั่วเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
องค์หญิงฉางเล่อทรงยืนอยู่ไม่ไกล สวมชุดสีขาวดุจหิมะขนาดใหญ่ ผมเกล้ามวยสูง ดวงตาของนางลุ่มลึก ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นดูแปลกเล็กน้อยในเรือนวิเวกที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม
ลั่วเซิงเดินไปข้างหน้าเงียบๆ ย่อเข่าน้อมทักทายเล็กน้อย
องค์หญิงฉางเล่อมองเด็กสาวที่คารวะนางอย่างพินิจพิเคราะห์ ดวงตาไร้อุณหภูมิมากขึ้นเรื่อยๆ
นางควรจะรับรู้ถึงความห่างเหินของอาเซิงนานแล้ว
ที่นางและอาเซิงเป็นเพื่อนสนิทกันได้ก็เป็นเพราะอาเซิงไม่เคยเห็นนางเป็นองค์หญิง แต่เป็นเพื่อนเล่นที่เข้าขากันได้ดี
นางจำได้ว่าพวกนางมีความสุขเพียงใดเมื่อนั่งด้วยกันในโรงน้ำชา คอยดูผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนน หัวเราะและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุรุษผู้สง่างาม
ในจวนองค์หญิงโซ่วซาน อาเซิงถูกนกยูงที่ท่านอาเลี้ยงจิก ด้วยความโมโห นางหักคอของสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น ช่างสะใจอะไรเยี่ยงนี้
นั่นต่างหากคืออาเซิงของนาง ไม่ใช่เด็กสาวตรงหน้าที่ย่อเข่าคารวะนางคนนี้
ความรังเกียจก็เหมือนวัชพืชที่เติบโตและขยายพันธุ์อย่างบ้าคลั่งในใจ
มองดูเด็กสาวที่หน้าตาไร้ซึ่งอารมณ์ องค์หญิงฉางเล่อกลับรู้สึกอยากจะทำลายนางทิ้งเสีย
นางยอมให้อาเซิงอยู่ในความทรงจำของนางตลอดไป ไม่ต้องการให้เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านางเปลี่ยนแปลงอาเซิงที่อยู่ในความทรงจำของนางไปทีละเล็กทีละน้อย
องค์หญิงฉางเล่อหลับตาลง
เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว จะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้
ทันทีที่ดวงตาดุจหงส์คู่นั้นลืมขึ้น สายตาขององค์หญิงฉางเล่อก็กลับมาเป็นปกติ
“อาเซิงมาแล้วหรือ” น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นในเรือนวิเวก เจือความเย็นชาที่แม้แต่องค์หญิงฉางเล่อก็ไม่รู้ตัว
ลั่วเซิงกลับรับรู้ได้
มือขาวเนียนยื่นมาจับข้อมือของนางไว้
มือข้างนั้นเย็นเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับงูพิษที่กำลังเลื้อยเข้ามา
“อาเซิง เจ้ามาดูสิ”
ลั่วเซิงเดินตามองค์หญิงฉางเล่อไปข้างหน้าเงียบๆ และหยุดลงข้างหน้ารูปปั้นโซ่วเซียนเหนียงเหนียงที่มีขนาดเท่าตัวคนรูปหนึ่ง
โซ่วเซียนเหนียงเหนียงสวยงามและสง่า ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาคู่หนึ่งมองเด็กสาวสองคนที่หยุดอยู่ตรงหน้าเงียบๆ
จังหวะนั้นเอง ขนแขนของลั่วเซิงก็ลุกชันขึ้นอย่างมิอาจควบคุมได้
“อาเซิง นี่คือโซ่วเซียนเหนียงเหนียงที่ข้าอัญเชิญมาใหม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร” องค์หญิงฉางเล่อถามอย่างมีความหมาย
ลั่วเซิงยิ้มๆ “หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีธรรมดาที่เคารพนับถือเทพเซียน มิบังอาจแสดงความเห็นเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อยื่นมือไปเคาะรูปปั้นโซ่วเซียนเหนียงเหนียงเบาๆ
เสียงเคาะกลวงๆ ดังขึ้นราวกับกระแทกโดนจิตใจผู้คน
“อาเซิงเจ้าฟังสิ โซ่วเซียนเหนียงเหนียงรูปนี้เหมือนกับรูปก่อนหน้า ข้างในกลวงเหมือนกัน” องค์หญิงฉางเล่อมองลั่วเซิงนิ่ง สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “บรรจุคนลงไปได้หนึ่งคนพอดี”
เจตนาร้ายในคำพูดถาโถมเข้ามา ทำให้ลั่วเซิงรู้สึกคลื่นไส้
นางรู้สึกพอแล้วกับการเผชิญหน้ากับองค์หญิงเจ้าอารมณ์และมองว่าชีวิตมนุษย์ไร้ค่า
งานเลี้ยงไม่ใช่งานเลี้ยงดีๆ ในความคาดหมายของลั่วเซิงแต่แรกอยู่แล้ว
ตั้งแต่ที่องค์หญิงฉางเล่อทดสอบนาง ด้วยนิสัยของอีกฝ่าย การฉีกหน้ากันของทั้งสองเป็นเรื่องที่ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว
ลั่วเซิงจึงผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง นางยิ้มพูดว่า “โซ่วเซียนเหนียงเหนียงสวยงามและสง่า ชายร่างกำยำคงใส่ไม่ลง แต่ใส่สตรีย่อมไม่มีปัญหา”
สายตาที่องค์หญิงฉางเล่อมองลั่วเซิงแปรเปลี่ยน เต็มไปด้วยความเข้าใจและประหลาดใจ
ครานี้นางรู้สึกว่านี่คืออาเซิงอีกแล้ว
อาเซิงที่ไม่สนใจมารยาทและทำตามอำเภอใจเหมือนนางคนนั้น
การคาดเดาซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ทำให้องค์หญิงฉางเล่อไม่พอใจอย่างยิ่ง
นางเคยทำให้ตนเองลำบากใจเช่นนี้เมื่อไรกัน ในอดีตคนหรือสิ่งของที่ทำให้นางไม่สบายใจ นางก็กำจัดทิ้งโดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
มีเพียงอาเซิงที่ทำให้นางลังเลเช่นนี้
“อาเซิง นั่งสิ” องค์หญิงฉางเล่อดึงเบาะนั่งมา ส่งสัญญาณให้ลั่วเซิงนั่งลง
ลั่วเซิงนั่งลง เมื่อรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นจับจ้องนาง นางก็สบตากลับด้วยความสงบ
องค์หญิงฉางเล่อเงียบลงครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “อาเซิง เจ้ายังจำเรื่องในอดีตของเราได้หรือไม่”
ลั่วเซิงเม้มปากเบาๆ
องค์หญิงฉางเล่อทรงต้องการความกระจ่างตามคาด
ในเมื่อถามออกมาแล้ว คงไร้ความหมายหากจะปิดบังต่อไป
“จำไม่ได้แล้วเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อรู้สึกประหลาดใจกับการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาของลั่วเซิง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามว่า “เหตุใดจึงจำไม่ได้”
“ตอนที่ไปจินซาหม่อมฉันบาดเจ็บ ลืมเรื่องราวในอดีตไป”
องค์หญิงฉางเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย
ดูจากเรื่องนี้แล้ว ลั่วเซิงไม่ได้โกหกนาง เพราะตรงกับที่ซูเย่าพูด
“ลืมหมดเลยหรือ”
ลั่วเซิงพยักหน้าเบาๆ
เงียบลงอีกครั้ง นานจนทำให้อึดอัด
“แล้ว… ยังเรียกคืนความทรงจำได้หรือไม่” หลังจากถามคำถามนี้ องค์หญิงฉางเล่อไม่สามารถอธิบายอารมณ์ของนางได้ในขณะนี้
ลั่วเซิงหลุบตาลง กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “คงไม่แล้วเพคะ”
ถึงอย่างไรนางและคุณหนูลั่วก็เป็นคนละคนกัน สิ่งเดียวที่คิดไม่ถึงคือผู้ที่พบว่านางต่างจากคุณหนูลั่วและเอ่ยถามขึ้นมาคือองค์หญิงฉางเล่อ
เมื่อได้ยินคำตอบของลั่วเซิง แววตาองค์หญิงฉางเล่อก็เยือกเย็นลง พูดขึ้นทีละพยางค์ว่า “แต่ข้าต้องการเพียงอาเซิงในอดีต”
ลั่วเซิงเงียบ
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ” ความเงียบของลั่วเซิงทำให้องค์หญิงฉางเล่อโมโหมากขึ้น ความโกรธภายในนั้นราวกับสัตว์ป่าที่กำลังคำรามเพื่อหลุดออกจากกรง
“ได้ยินแล้วเพคะ” ลั่วเซิงสบตาองค์หญิงฉางเล่อด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่เป็นไปตามที่องค์หญิงปรารถนา คนเราต้องเดินหน้าและมองไปข้างหน้า”
องค์หญิงฉางเล่อยิ้นหยัน “หากข้าไม่อยากเห็นอาเซิงที่เปลี่ยนไปเล่า”
ลั่วเซิงลุกขึ้น ย่อเข่าให้องค์หญิงฉางเล่อเล็กน้อย “เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลา”
“ลั่วเซิง!” องค์หญิงฉางเล่อลุกพรวด ใบหน้าเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง “เจ้าคิดว่าจากไปแล้วเรื่องจะจบหรือ”
องค์หญิงฉางเล่อสูงกว่าลั่วเซิงเล็กน้อย ทั้งสองยืนด้วยกันเช่นนี้ ทำให้องค์หญิงดูมีอำนาจกว่า
ลั่วเซิงกลับไม่ยอมแพ้ ถามอย่างสงบว่า “เช่นนั้นองค์หญิงทรงคิดว่าต้องทำอย่างไร”องค์หญิงฉางเล่อยื่นมือออกไปช้อนคางของลั่วเซิง
คางของเด็กสาวนั้นขาวเนียนและเล็ก หากนางใช้เล็บยาวๆ กรีดเข้าจะต้องเป็นรอยแน่นอน
องค์หญิงฉางเล่อคิดถึงผิวหนังที่ขาวดุจหิมะมีเลือดไหลซิบก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“อาเซิง ข้าคิดว่าโซ่วเซียนเหนียงเหนียงเหมาะกับเจ้าดี”
เมื่อสิ้นเสียง ดวงตาองค์หญิงฉางเล่อก็มีแววโหดเหี้ยมวาบผ่าน นางดึงปิ่นทองออกจากผมและแทงไปที่คอของลั่วเซิง
ลั่วเซิงเอี้ยวกาย เอื้อมมือไปคว้าข้อมือขององค์หญิงฉางเล่อไว้อย่างรวดเร็ว
แรงมหาศาลนั่นทำให้มือขององค์หญิงฉางเล่อแบออก ปิ่นทองร่วงลงบนพื้น
“เจ้าบังอาจขัดขืนรึ” องค์หญิงฉางเล่อที่ถูกจับข้อมือไว้แน่นโกรธกริ้ว
ลั่วเซิงยิ้มบางๆ “หม่อมฉันจดจำเรื่องในอดีตไม่ได้แล้วจริงๆ แต่องค์หญิงทรงลืมเรื่องที่หม่อมฉันฝึกวรยุทธ์ตอนเด็กไปได้อย่างไรกันเพคะ”
ทักษะการต่อสู้ ขี่ม้าและการยิงธนูของคุณหนูลั่ว แม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นคนสอนเองกับมือ เทียบกับปรมาจารย์แล้วย่อมห่างไกลอีกมาก แต่ก็เพียงพอที่จะปราบเด็กสาวที่บอบบางเช่นองค์หญิงฉางเล่อแล้ว
องค์หญิงฉางเล่อสีหน้าบิดเบี้ยว นางจ้องลั่วเซิงเขม็ง
นางลืมไปแล้วจริงๆ
ความรู้สึกที่ลั่วเซิงมอบให้นางตอนนี้ไม่ต่างจากสตรีสูงศักดิ์ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ดังนั้นนางจึงไม่อาจนึกถึงอาเซิงที่หักคอนกยูงอย่างมีความสุขได้อีกต่อไป
“เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ” องค์หญิงฉางเล่อถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน