ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 504 ลมบูรพาและลมประจิม
ตอนที่ 504 ลมบูรพาและลมประจิม
ใบหน้าบิดเบี้ยวที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือนั่นทำให้ลั่วเซิงโมโหเช่นกัน
นี่มันคนแบบไหนกัน ไร้ซึ่งขอบเขต หาความสนุกสนานจากคนเยี่ยงหมาเยี่ยงแมว
“แล้วองค์หญิงเล่า เคยคิดถึงผลลัพธ์หลังจากให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่หรือไม่” ลั่วเซิงปล่อยมือ เอ่ยปากย้อนถาม
บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น
องค์หญิงฉางเล่อยิ้มหยัน “ลั่วเซิง เจ้าอย่าเห็นตัวเองสูงส่งนัก ท่านพ่อเจ้าก็เป็นแค่ดาบเล่มหนึ่งในมือของเสด็จพ่อข้า ก็แค่สุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ ลั่วเซิงก็ยิ้มบางๆ “นี่คือความคิดขององค์หญิงหรือความคิดของฝ่าบาทเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อไม่เข้าใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หากเป็นความคิดขององค์หญิง องค์หญิงทรงทบทวนคำพูดใหม่จะดีกว่า หากเป็นความคิดของฝ่าบาท… หม่อมฉันเคยอ่านหนังสือยามว่าง พบว่ามีเพียงผู้นำที่ทำให้บ้านเมืองสิ้นชาติเท่านั้นที่เห็นขุนนางและราษฎรเป็นหมูเป็นหมา…”
“หุบปาก!” องค์หญิงฉางเล่อตวาด ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “วาจาชั่วช้าเช่นนี้ เจ้ากล้าพูดได้อย่างไร”
ลั่วเซิงยกมือขึ้นจัดปอยผมที่ร่วงลงมา ท่าทีไม่แยแส “องค์หญิงทรงเตรียมจะคร่าชีวิตหม่อมฉันอยู่แล้ว หม่อมฉันจะพูดไม่ได้เลยหรือ”
มองดูเด็กสาวที่สงบนิ่ง องค์หญิงฉางเล่อเลิกคิ้ว “เป็นความคิดของข้าแล้วอย่างไร ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะลงโทษข้าเพื่อท่านพ่อเจ้ารึ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ครานั้นข้าทิ้งเว่ยเหวินไว้ที่นี่ เสด็จพ่อไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงตำหนิข้าแม้แต่คำเดียว”
ลั่วเซิงยิ้มๆ “มิใช่เพราะเซียวกุ้ยเฟยมีครรภ์และจวนผิงหนานอ๋องเป็นหนามยอกอกในพระทัยฝ่าบาทอยู่แล้วหรือ”
“เจ้า…” องค์หญิงฉางเล่อคิดไม่ถึงว่าลั่วเซิงจะปากไม่มีหูรูดเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เยือกเย็นและสงบนิ่งนั่น หัวใจก็อดกระตุกไม่ได้
จากนั้นความไม่ยอมแพ้ก็บังเกิด
ถึงแม้เป็นเพราะจวนผิงหนานอ๋องเป็นหนามยอกอกของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อจึงไม่ได้ตำหนินาง แล้วเซียวกุ้ยเฟยเล่า
เซียวกุ้ยเฟยเป็นสนมคนโปรดของเสด็จพ่อ ที่นางได้รับความตกใจจนให้กำเนิดก่อนกำหนดเล่า
นางเคารพและรักเสด็จพ่อ พึ่งพาเขาและเข้าใจเขาเช่นกัน
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อก็ไม่เคยพูดอะไร
ราวกับว่าลั่วเซิงจะเดาสิ่งที่องค์หญิงฉางเล่อคิดได้ นางยิ้มพูดว่า “องค์หญิงทรงอยากจะพูดว่าท่านทำให้เซียวกุ้ยเฟยตกใจจนพระนางให้กำเนิดก่อนกำหนดแต่ฝ่าบาทก็ยังทรงให้อภัยและรักท่านเช่นเดิมใช่หรือไม่”
องค์หญิงฉางเล่อสีหน้าพลันเปลี่ยน โพล่งพูดว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
มองดูเด็กสาวที่มีรอยยิ้มจางๆ ความรู้สึกที่ถูกอ่านจนทะลุปรุโปร่งทำให้นางรู้สึกเย็นวาบ
ดวงตาลั่วเซิงเป็นประกาย “องค์หญิงคงแอบได้ใจสินะ น่าเสียดายที่เรื่องสำคัญเช่นนี้ ไม่สามารถโอ้อวดความลำเอียงที่ฝ่าบาทมีต่อท่านให้คนนอกรู้ได้”
“ข้าถามเจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไร!” องค์หญิงฉางเล่อยิ่งโมโหเมื่อถูกเปิดโปงความในใจ
ลั่วเซิงยิ้ม “หม่อมฉันเดาน่ะ เห็นทีจะเดาถูกเสียด้วย”
องค์หญิงฉางเล่อใบหน้าเยือกเย็น จ้องนางเขม็ง
ลั่วเซิงไม่หลบหลีกสายตาที่ทำให้นางรู้สึกเย็นยะเยือกแม้แต่น้อย นางค่อยๆ พูดขึ้นว่า “น้ำแข็งจับตัวจนหนาสามฉื่อ ใช่ว่าเกิดจากความหนาวเย็นในวันเดียว องค์หญิงทรงคิดจริงๆ หรือว่าเรื่องที่ท่านทำกับเซียวกุ้ยเฟยจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ในพระทัยของฝ่าบาท”
องค์หญิงฉางเล่อขนตาสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง
ลั่วเซิงยิ้ม “องค์หญิงลงมือกับหม่อมฉันได้ เหมือนกับที่เคยทำกับท่านหญิงน้อย เพียงแต่ว่าท่านอย่าลืมว่า การกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อความไม่พอใจสะสมมากเข้าแล้ว ใจคนมักแปรเปลี่ยน”
องค์หญิงฉางเล่อใจเต้นรัว กัดฟันพูดว่า “อย่างน้อยก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเพราะเจ้า! ข้าเป็นธิดาที่เสด็จพ่อรักเอ็นดูที่สุด ตราบใดที่นับจากนี้ข้าเชื่อฟังมากขึ้น เสด็จพ่อก็จะอภัยให้ข้า”
ลั่วเซิงโค้งริมฝีปาก มุมปากเจือความเย้ยหยัน “รักเอ็นดูที่สุด ไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกหรอกหรือ”
“หุบปาก!” องค์หญิงฉางเล่อถูกแทงใจดำ ใบหน้าเขียวคล้ำ “ลั่วเซิง ใกล้จะตายอยู่แล้ว เจ้ายังปากแข็งจริงๆ”
ลั่วเซิงหุบยิ้ม น้ำเสียงเยือกเย็นลง “องค์หญิงทรงไตร่ตรองให้ดี จะให้หม่อมฉันอยู่จริงๆ หรือ”
องค์หญิงฉางเล่อเหลือบมองรูปปั้นโซ่วเซียนเหนียงเหนียง ยิ้มพูดว่า “เป็นเพื่อนกับโซ่วเซียนเหนียงเหนียงที่งดงามเช่นนี้ ไม่ดีหรือ”
“ไม่ดี” ลั่วเซิงตอบเพียงสองคำออกมาอย่างเยือกเย็น ทันใดนั้นปลายเท้าก็ขยับ
ปิ่นสีทองที่ร่วงลงบนพื้นเมื่อครู่นี้ลอยขึ้นมา
ดวงตาขององค์หญิงฉางเล่อหรี่ลงและก่อนที่นางจะทันได้โต้ตอบ บางอย่างแหลมคมก็กดลงบนคอของนาง
“เจ้ากล้ารึ!” องค์หญิงฉางเล่อไม่ได้กรีดร้องโดยสัญชาติญาณเช่นสตรีทั่วไป แต่เตือนอย่างเยือกเย็น
มือของลั่วเซิงที่ถือปิ่นปักผมสีทองขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย และปลายปิ่นก็เฉือนผิวหนังที่บอบบาง เลือดไหลซึมออกมา มืออีกข้างหนึ่งปิดปากองค์หญิงฉางเล่อด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ความเจ็บปวดถาโถม องค์หญิงฉางเล่อกรีดร้องอย่างมิอาจควบคุมได้ ทว่าเสียงตะโกนกลับถูกปิดกั้นในลำคอกลายเป็นเสียงอู้อี้
เรือนวิเวกเป็นพื้นที่ต้องห้ามของจวนองค์หญิง โดยเฉพาะเมื่อองค์หญิงฉางเล่ออยู่ข้างใน นางจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาโดยพลการ และด้วยเหตุนี้ เสียงเพียงเล็กน้อยนี้จึงไม่สามารถแพร่ออกไปข้างนอกได้
มือที่ปิดปากองค์หญิงฉางเล่อไว้ไม่ได้ปล่อยออก ปิ่นสีทองที่เปื้อนเลือดค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปและหยุดอยู่ที่แก้มอันงดงามดั่งลูกท้อ
ครานี้เอง ลั่วเซิงเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “หม่อมฉันกล้า”
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก องค์หญิงฉางเล่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายชัดเจน
ดวงตาที่สงบนิ่งดุจสายน้ำคู่นั้นและสีหน้าที่เยือกเย็นทำให้จู่ๆ องค์หญิงฉางเล่อตระหนักได้ว่าคนที่ยืนตรงหน้านางกล้าทำเช่นนั้นจริงๆ
จากนั้นความสงสัยก็บังเกิดแล้วถามออกมา “เจ้าอย่าลืมสถานะของข้า ไม่กลัวเสด็จพ่อของข้าประหารเก้าชั่วโคตรหรือ”
เสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้น “เหตุใดองค์หญิงจึงไตร่ตรองด้วยเหตุผลอีกแล้วเล่า”
องค์หญิงฉางเล่อจุกจนพูดไม่ออก
“องค์หญิงจะฆ่าหม่อมฉันอยู่แล้ว หม่อมฉันยังต้องคิดมากเช่นนั้นไปทำไม แน่นอนว่าต้องให้องค์หญิงอยู่เป็นเพื่อนกับโซ่วเซียนเหนียงเหนียงกับหม่อมฉันด้วยสิเพคะ” ลั่วเซิงสายตาเยือกเย็นเล็กน้อย “ประหารเก้าชั่วโคตรรึ”
นางยิ้มบางๆ รู้สึกเพียงขบขันอย่างยิ่ง “หม่อมฉันคิดถึงเรื่องเหล่านี้ยามมีชีวิตอยู่เท่านั้น หากหม่อมฉันตายไป ปัญหาและหายนะจะเกี่ยวข้องอะไรกับหม่อมฉันอีก สำหรับหม่อมฉันแล้วการพาองค์หญิงตายไปด้วยต่างหากถึงจะไม่ขาดทุน องค์หญิงคิดว่าใช่หรือไม่”
คำพูดที่พูดออกมาอย่างสงบเช่นนี้ทำให้องค์หญิงฉางเล่อหมดความกล้าที่จะเดิมพัน
นางนึกถึงหลังจากอาเซิงหักคอนกยูงที่ท่านอาเลี้ยงแล้วนางกำนัลข้างกายบอกว่านางก่อปัญหาใหญ่ องค์หญิงใหญ่ต้องไม่ให้อภัยแน่นอน
ครานั้นอาเซิงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า ‘ข้าไม่สน มันทำให้ข้าเจ็บ ข้าต้องฆ่ามันทิ้งก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน’
อาเซิงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรนิสัยกำเริบเสิบสานแต่กำเนิดก็ยังไม่เปลี่ยน
เมื่อความคิดนี้แล่นผ่าน ปิ่นสีทองบนแก้มของนางก็สะกิดผิวเบาๆ
“เจ้าจะทำอะไร” องค์หญิงฉางเล่อตกใจ
ลั่วเซิงยิ้ม “หม่อมฉันคิดถึงเรื่องหนึ่ง โซ่วเซียนเหนียงเหนียงสวยงามเพียงนี้ ท่านต้องชอบคนสวยงามแน่ๆ มิสู้ให้หม่อมฉันทำลายใบหน้าที่งดงามขององค์หญิงเถอะ องค์หญิงจะได้หมดสิทธิ์ชิงความโปรดปรานกับหม่อมฉันต่อหน้าโซ่วเซียนเหนียงเหนียง”
“อาเซิง!”
ลั่วเซิงเอียงศีรษะยิ้มถามว่า “ทำไมหรือเพคะ”
องค์หญิงฉางเล่อหลับตาลงเบาๆ ก่อนจะลืมตาอีกครั้ง “เจ้าไปเถอะ”
นางหวงแหนชีวิตจะตายไป นางยังอยากมีชีวิตอยู่ไปอีกนาน ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคนบ้าผู้นี้ในตอนนี้
ลั่วเซิงยกมุมปากยิ้ม
นางอาจจะไม่รู้จักองค์หญิงฉางเล่อ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ผิดแน่นอน ผู้ที่กลัวความตายอย่างแท้จริงจะพ่ายแพ้เสมอเมื่อพบคนที่ทำทุกอย่างอย่างไม่คิดชีวิต
“เช่นนั้นองค์หญิงส่งหม่อมฉันออกไปเถอะ”