ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 517 รุ่งอรุณ
ตอนที่ 517 รุ่งอรุณ
จวนลั่วทั้งจวนเงียบสงัดและด้วยเหตุนี้ เสียงฝีเท้าค้นจวนจึงยิ่งดังอึกทึกและฟังดูยุ่งเหยิง
ทหารนายหนึ่งวิ่งมาตรงหน้าแม่ทัพใหญ่เหลย “ท่านแม่ทัพใหญ่ ไม่มีคนขอรับ”
ทหารอีกนายหนึ่งวิ่งมา “ท่านแม่ทัพใหญ่ ในจวนไม่มีญาติผู้หญิงสักคนขอรับ”
…
แม่ทัพใหญ่เหลยยืนอยู่ในจวนลั่วที่กว้างขวาง สีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก
ดีเสียจริง ผู้บัญชาการองครักษ์จิ่นหลินคงไม่ได้พาครอบครัวติดปีกบินหนีไปแล้วหรอกนะ
ครานี้เองมีเสียงร้องดังขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพใหญ่ พบคนผู้หนึ่งในห้องรับแขกขอรับ!”
แม่ทัพใหญ่เหลยรีบมองไปทันที เห็นทหารสองนายผลักชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา
แม้บัดนี้ฟ้าจะยังไม่สว่าง ทว่าไฟในจวนลั่วกลับส่องสว่างไปทั่ว เมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ แม่ทัพใหญ่เหลยจึงเห็นหน้าตาของเขาชัดเจน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตางดงามอย่างยิ่ง แม้สภาพจะดูย่ำแย่และทุลักทุเล แต่กลับไม่ได้ทำให้ความงดงามของเขาลดลง
“เจ้าเป็นใคร” แม่ทัพใหญ่ลั่วตะโกนถาม
หน้าตาดีกินแทนข้าวไม่ได้ คนแบบนี้ปรากฏตัวในจวนลั่ว ย่อมประมาทไม่ได้
ซูเย่าเห็นคนมากมายเช่นนี้ก็ทั้งร้อนรนและทรมาน เขาชี้ไปที่ปากและส่ายศีรษะไม่หยุด
แม่ทัพใหญ่เหลยไม่เข้าใจ เขาพูดอย่างรำคาญว่า “อย่ามาเล่นตุกติก!”
ซูเย่าวิตก ส่งเสียงอู้อี้ผ่านลำคอ
แม่ทัพใหญ่เหลยชะงัก
เกิดมามีหน้าตางดงามเช่นนี้กลับเป็นใบ้หรือ
“เจอคนผู้นี้ได้อย่างไร” แม่ทัพใหญ่เหลยถามทหารนายหนึ่ง
ทหารรีบตอบว่า “รายงานท่านแม่ทัพใหญ่ คนผู้นี้ถูกขังไว้ในห้องรับแขกขอรับ”
สายตาที่แม่ทัพใหญ่เหลยมองซูเย่าแปรเปลี่ยนไป
หากเป็นเช่นนี้ หรือว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนจวนลั่ว หรือว่าเป็นคนรับใช้ที่กระทำความผิด
ขณะที่มองดูซูเย่าอย่างละเอียด แม่ทัพใหญ่เหลยก็ลอบส่ายศีรษะเบาๆ
ไม่ใช่คนรับใช้ คนผู้นี้สวมชุดคลุมของอาลักษณ์
จู่ๆ ทหารนายหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “เอ๋ คนผู้นี้ดูคุ้นหน้ามากเลย”
แม่ทัพใหญ่เหลยถามทหารนายนั้นทันที “เจ้ารู้จักหรือ”
“ข้าน้อยไม่รู้จักขอรับ” ทหารส่ายศีรษะอย่างงุนงง “แต่น่าจะเคยเจอ เคยเจอที่ไหนนะ…”
จู่ๆ ทหารที่มองซูเย่าก็ตาโต “ข้าน้อยคิดออกแล้ว ขบวนแห่บัณฑิตจอหงวน ขบวนแห่บัณฑิตจอหงวน!”
แม่ทัพใหญ่เหลยขมวดคิ้ว “ขบวนแห่บัณฑิตจอหงวน? พูดไร้สาระอะไร!”
“ข้าน้อยเคยเห็นตอนขบวนแห่บัณฑิตจอหงวน เขาคือบัณฑิตจอหงวน!”
ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น แม่ทัพใหญ่เหลยก็ตกใจ
เขาประจำการอยู่ในค่ายทหารเป็นเวลานาน ย่อมไม่ได้มาดูงานขบวนแห่บัณฑิตจอหงวน และไม่ค่อยมีโอกาสไปมาหาสู่กับขุนนางฝ่ายบุ๋น ดังนั้นจึงเคยได้ยินเพียงชื่อเสียงเรียงนามของบัณฑิตซู แต่ไม่เคยเจอเขา
ไม่นานทหารอีกสองสามนายก็ตะโกนขึ้นว่า “ใช่แล้ว บัณฑิตจอหงวนจริงๆ ด้วย!”
แม่ทัพใหญ่เหลยมองซูเย่าอย่างพินิจพิเคราะห์ “เจ้าคือบัณฑิตซูหรือ”
ภายใต้สายตาทุกคู่ที่จ้องมองมา ซูเย่าไม่เคยรู้สึกจนตรอกเช่นนี้มาก่อน
ช่างเป็นเรื่องน่าตลกที่บัณฑิตอันดับหนึ่งผู้สง่างามกลายเป็นคนใบ้
แต่ถึงครานี้แล้ว หากเขาปฏิเสธไปมีแต่จะยิ่งสร้างความอับอาย
ซูเย่าพยักหน้าอย่างแรง
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงพูดไม่ได้แล้วเล่า”
ซูเย่าเผยสีหน้าเจ็บปวด
แม่ทัพใหญ่เหลยเงียบลงครู่หนึ่ง สั่งลูกน้องว่า “ยกโต๊ะตัวหนึ่งมา นำกระดาษและพู่กันมาด้วย”
ไม่นานเครื่องเขียนที่จำเป็นต้องใช้ก็วางลงตรงหน้าซูเย่า
“ในเมื่อบัณฑิตซูพูดไม่ได้ เช่นนั้นก็เขียนเถอะ”
ซูเย่ากัดปากจับพู่กันและเขียนอย่างรวดเร็ว
แม่ทัพใหญ่เหลยมองตัวหนังสือที่อยู่บนกระดาษแล้วก็ตกตะลึง
บัณฑิตจอหงวนถูกแม่ทัพใหญ่ลั่ววางยาพิษจนเป็นใบ้!
“เหตุใดแม่ทัพใหญ่ลั่วต้องทำให้เจ้าเป็นใบ้ด้วย”
มือที่ถือพู่กันของซูเย่าชะงักไปเล็กน้อย น้ำหมึกที่หยดลงกระดาษกระจายออก
บัดนี้เห็นทีจวนลั่วคงประสบปัญหา เขาย่อมต้องคิดหาเหตุผลที่มาปรากฏตัวที่นี่ให้ดี
สิ่งที่ต้องการพูดตอนที่ถูกขังในห้องรับแขกถูกกลืนลงไปหมด ซูเย่ากล้ำกลืนความเศร้าเขียนว่า ‘คุณหนูลั่วฉุดข้าเข้าจวน’
แม่ทัพใหญ่เหลยจ้องตัวหนังสือบรรทัดนั้น ดูแล้วดูอีก จากนั้นเงยหน้ามองชายหนุ่มผู้งดงามดุจไข่มุกอีกครั้งก็อดเชื่อไม่ได้
เขาเคยได้ยินเรื่องบุตรสาวของลั่วฉือเลี้ยงบุรุษ สำหรับเขาแล้วบุตรสาวของลั่วฉือมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าจอหงวนซูเสียอีก
หลังจากนั้นเขาก็สั่งคนให้ค้นจวนลั่วทั้งในและนอกแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาคน แม่ทัพใหญ่เหลยรู้สึกหนักใจ พูดเสียงราบเรียบว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ รบกวนจอหงวนซูไปพร้อมกับข้าเถิด”
ซูเย่าก้มหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ
หลังจากสังเกตการณ์อย่างสงบครู่หนึ่ง แม่ทัพใหญ่ลั่วน่าจะพาครอบครัวหนีไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์หญิงฉางเล่อคงเป็นคนไปบอกเรื่องวันเกิดของคุณหนูลั่วแก่ฝ่าบาทแล้ว
แต่แม่ทัพใหญ่ลั่วรักบุตรสาวเกินเหตุไปหรือไม่ เพื่อที่จะไม่ต้องส่งบุตรสาวเข้าวังแล้ว ถึงกับต้องกบฏกันทั้งบ้าน?
เมื่อซูเย่าคิดถึงการตามอกตามใจของแม่ทัพใหญ่ลั่วที่ให้ลั่วเซิงเลี้ยงบุรุษคนโปรดได้ก็ลังเล
ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แม่ทัพใหญ่เหลยให้คนส่วนหนึ่งอยู่ทำความสะอาดสนามรบ ส่วนเขาพาซูเย่าไปยังพระราชวัง
บัดนี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
“เสนาบดีตู้” แม่ทัพใหญ่เหลยทักทายเขาก่อนและเก็บงำความสงสัยเอาไว้
เสนาบดีตู้ทำท่าเหมือนฟ้าจะถล่มลงมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสนาบดีตู้ขานตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง “แม่ทัพใหญ่เหลย”
ครั้นแม่ทัพใหญ่เหลยกำลังจะถาม ขันทีคนหนึ่งก็เดินออกมา “ฝ่าบาทเรียกใต้เท้าทั้งสองเข้าไปขอรับ”
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามขันทีเข้าไป
จักรพรรดิหย่งอันกำลังรอผลลัพธ์ เมื่อได้ยินว่าเสนาบดีกรมกลาโหมและแม่ทัพใหญ่เหลยขอเข้าเฝ้าพร้อมกันก็รู้สึกไม่สบายพระทัยอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เหลยหมิงต้องเข้าวังมาทูลรายงานอยู่แล้ว แต่เสนาบดีตู้มาทำอะไร
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท” แม่ทัพใหญ่เหลยเดินเข้ามา
จักรพรรดิหย่งอันตรัสถามเสียงราบเรียบ “เป็นอย่างไรบ้าง”
แม่ทัพใหญ่เหลยก้มหน้ากล่าว “กระหม่อมนำทัพโจมตีจวนลั่ว หลังจากกวาดล้างกลุ่มกบฏแล้วกลับไม่พบลั่วฉือและครอบครัวของเขาพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ” จักรพรรดิหย่งอันสีพระพักตร์เปลี่ยน ถามอย่างรวดเร็วว่า “คนเล่า”
แม่ทัพใหญ่เหลยก้มหน้าต่ำลงกว่าเดิม “ในจวนไม่เจอผู้ใดเลย มีเพียงจอหงวนซูพ่ะย่ะค่ะ”
แม้จักรพรรดิหย่งอันจะทรงกริ้วในครานี้ แต่เมื่อได้ยินคำตอบนี้ก็ต้องชะงักไป “จอหงวนซู?”
สำหรับบัณฑิตอันดับหนึ่งที่หนุ่มแน่นและงดงามท่านนั้น จักรพรรดิหย่งอันทรงค่อนข้างประทับใจ พระองค์ทรงตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “เหตุใดอาลักษณ์ซูจึงอยู่ในจวนลั่ว”
“บัณฑิตซูเขียนว่าถูกคุณหนูลั่วฉุดเข้าจวนและถูกลั่วฉือวางยาพิษจนเป็นใบ้พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหย่งอันสีพระพักตร์ย่ำแย่อย่างยิ่ง พระองค์ทรงตวาดเสียงดังโดยไม่สนใจแม่ทัพใหญ่เหลย “ให้ตู้หนิงไสหัวเข้ามา!”
โจมตีไปครึ่งวัน แต่คนกลับหายไป มีความเป็นไปได้มากที่ความผิดพลาดจะอยู่ที่ประตูเมือง!
ทหารที่เฝ้าประตูเมืองมีกรมกลาโหมเป็นผู้ดูแล
ทันทีที่เสนาบดีตู้เดินเข้ามาก็คุกเข่าลง พูดเสียงดังว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีความผิด!”
“เล่ารายละเอียดมา” จักรพรรดิหย่งอันกล่าวด้วยพระพักตร์ไร้อารมณ์
เสนาบดีตู้รีบเล่าเรื่องที่แม่ทัพใหญ่ลั่วปลอมตัวออกจากเมืองให้ฟัง
“ทหารรักษาการณ์สองร้อยนายที่ไล่ตามไปก็ไม่ได้กลับมารึ” จักรพรรดิหย่งอันอดกัดฟันไม่ได้ “แล้วศพเล่า”
เสนาบดีตู้ไม่กล้าเงยหน้า “ทหารอีกกลุ่มหนึ่งที่ส่งออกไปตามหลังพบศพเพียงสิบกว่าศพใกล้ป่า…”
จักรพรรดิหย่งอันทรงหลับพระเนตรลงเบาๆ ข่มความโกรธกริ้วที่โหมกระหน่ำในพระทัยไว้ ทว่าการคาดเดานั่นยังคงไม่สามารถข่มลงไปได้ “แล้วคนเล่า คนเกือบสองร้อยคนหายไปดื้อๆ หรือ”
เสนาบดีตู้ตกใจกลัวจนไม่กล้าปริปาก
จักรพรรดิหย่งอันทรงกวาดพระเนตรมองแม่ทัพใหญ่เหลย “เหลยหมิง เจ้ามีความเห็นอย่างไร”
แม่ทัพใหญ่เหลยตกตะลึงกับไฟโทสะขององค์จักรพรรดิ เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตามประสบการณ์ของกระหม่อม ทหารสองร้อยนายนั่นอาจจะหนีไปกับลั่วฉือแล้วพ่ะย่ะค่ะ”