ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 66 นิสัยแย่
ตอนที่ 66 นิสัยแย่
เว่ยหานยื่นมือออกไปโดยสัญชาติญาณ เมื่อเห็นลั่วเซิงทรงตัวได้แล้วจึงดึงมือกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณหนูลั่วไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
ลั่วเซิงสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร ข้าขอลาก่อน ท่านอ๋องไม่ต้องส่งเจ้าค่ะ”
เว่ยหานมองลั่วเซิงจากไป หลุบตามองไปที่ขอบโต๊ะที่นางประคองตัวไว้เมื่อครู่นี้
โรงน้ำชาที่พวกเขานัดเจอกันเป็นโรงน้ำชาหรู โต๊ะน้ำชาที่ทำมาจากไม้พยูงเรียบและสะอาดสะอ้าน บริเวณขอบโต๊ะมีรอยนิ้วจางๆ
นี่หมายความว่าฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามมีเหงื่อออกไม่น้อย จงทิ้งร่องรอยชัดเจนเช่นนี้ไว้
เว่ยหานอดมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ได้
ปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อน แม้แสงแดดจะสดใสแต่ก็ไม่ร้อนแรง อีกทั้งยังมีลมโชยอ่อนๆ พัดเข้ามา พัดเอาอากาศอบอ้าวออกไป
อากาศแบบนี้แต่กลับเหงื่อออกเยอะเช่นนี้ นางป่วยหรืออย่างไรนะ
เว่ยหานเดินไปข้างหน้าหน้าต่าง สายตามองร่างอันคุ้นเคยขึ้นรถม้า จนเมื่อรถม้าเลี้ยวหายไปจากสายตาจึงหันกลับมาและเดินมาที่โต๊ะ
ป่วยแต่กลับยอมที่จะเจอเขา เมื่อเจอแล้วกลับปฏิเสธคำขอร้องของเขา…
เว่ยหานสีหน้าสงบนิ่ง ในใจกลับสับสน
สตรีมักทำให้ผู้อื่นสับสนเช่นนี้หรือ
เว่ยหานยกถ้วยชาขึ้นจิบคำหนึ่ง
ชาที่เย็นชืดแล้วยิ่งขมคอ
เมื่อจิบชาไปได้ครึ่งถ้วย เขาก็เรียก “สืออี้”
ผู้คุ้มกันหนุ่มที่ยืนเฝ้าหน้าประตูเดินเข้ามา ถามอย่างสุภาพว่า “นายท่านมีคำสั่งอะไรหรือขอรับ”
เว่ยหานลังเลครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า “เจ้ามีพี่สาวหรือน้องสาวหรือไม่”
“พี่สาวน้องสาว?” สืออี้ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะ “ท่านแม่ข้าน้อยให้กำเนิดลูกชายสี่คน ข้าน้อยไม่มีพี่สาวน้องสาวขอรับ”
“แล้วลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงเล่า” เว่ยหานถามอีกครั้ง
เขาถือเป็นคนที่เล็กที่สุดในรุ่นนี้ องค์หญิงใหญ่เหล่านั้นโตกว่าเขามาก ส่วนหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณหนูลั่วล้วนเป็นรุ่นหลานแล้ว
คนเป็นอาแล้วคงไม่ดีที่จะถามเรื่องพวกนี้กับหลานสาว
“ลูกพี่ลูกน้องก็ไม่มีขอรับ ข้าน้อยมีญาติผู้น้องที่เป็นชายสองคน น้องห้าชื่ออู๋หั่ว น้องหกชื่อลิ่วหั่ว อายุยังไม่ถึงอายุรับราชการ” สืออี้สงบนิ่งกว่าคนเป็นพี่สือเยี่ยน เมื่อตอบคำถามแล้วก็ตอบอย่างตั้งใจ “ยังมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงอายุราวสิบห้าสิบหกอีกสองคน”
“น้องสาวเจ้า…” เว่ยหานเกริ่น จู่ๆ ก็ไม่อยากถามแล้ว
คุณหนูลั่วไม่เหมือนกับหญิงสาวอื่นแม้แต่น้อย แม้จะได้คำตอบจากเขาก็เหมือนจะไร้ประโยชน์
เดิมทีเขาไม่สนใจความคิดของหญิงสาวคนหนึ่งเลย ท้ายที่สุดแล้วเขาก็แค่ต้องการบางสิ่งจึงคิดมากไปเช่นนี้
เว่ยหานยกมุมปากเล็กน้อยให้ตนเอง เดินสาวเท้าออกไป
สืออี้เห็นนายท่านไม่ได้ถามก็ไม่ได้สงสัยอะไร เขาเดินตามไปเงียบๆ
ลั่วเซิงกลับถึงบ้านก็ล้มตัวลง เพราะอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในใจและไม่สามารถระบายออกมาได้ ถึงแม้จะกินยาลดไข้ไปแล้วแต่ก็ยังป่วยอยู่พักหนึ่งกว่าจะมีเรี่ยวแรง
แม่ทัพใหญ่ลั่วในครานี้หายดีแล้ว
“คุณหนู แม่ทัพใหญ่ลั่วมาหาท่านเจ้าค่ะ” หงโต้วเข้ามารายงาน
ลั่วเซิงพิงฉากอย่างเกียจคร้าน พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เชิญเข้ามา”
ผ่านไปไม่นานชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก็เดินเข้ามา สายตากวาดมองลั่วเซิง เผยรอยยิ้ม “เซิงเอ๋อร์ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง”
ตอนที่เซิงเอ๋อร์เพิ่งป่วยเขายังนอนอยู่บนเตียง พวกบัดซบนั่นปิดบังเขา เมื่อลงจากเตียงเดินได้แล้วถึงเพิ่งรู้ว่าลูกสาวป่วย
เขารู้จากปากของสาวใช้ว่าเซิงเอ๋อร์เชิญหมอเทวดามาให้เขา เซิงเอ๋อร์โตแล้วจริงๆ รู้กตัญญู การล้มป่วยครั้งนี้ต้องเกิดจากความกลัวที่เขาถูกลอบสังหารแน่ๆ
ลั่วเซิงที่เห็นรอยยิ้มจริงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว นิ้วของนางขยับเล็กน้อย
ทันทีที่นางเห็นใบหน้าใบนี้ก็อยากจะชักดาบแทงใส่ เพราะเหตุนี้อาวุธในห้องที่สามารถทำร้ายคนได้ให้ถูกโค่วเอ๋อร์เก็บไปหมดแล้ว
“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงคลายปากที่กัดไว้แน่น ได้กลิ่นคาวเลือดเต็มปาก
“ดีแล้วล่ะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเตียง แสดงสีหน้ายินดี “ดูแล้วสีหน้าดีกว่าเมื่อวานเล็กน้อย”
ลั่วเซิงก้มศีรษะลง ตอบอืมเบาๆ
การเผชิญหน้ากับลูกสาวที่เป็นเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่คุ้นชินนัก เขาพยายามหาเรื่องคุยต่อไป “เซิงเอ๋อร์เป็นอะไรหรือ หากรู้สึกเบื่อก็ไปเดินเล่นในสวนสิ”
“ในสวนไม่มีอะไรน่าสนุก”
ผู้บัญชาการลั่วชะงัก ครุ่นคิดครู่หนึ่งเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไปเดินเล่นข้างนอก”
แม้ว่าบุตรสาวไปเดินเล่นข้างนอกจะมีความเสี่ยงที่นางจะไปเกี้ยวพาชายหนุ่ม แต่เพื่อให้บุตรสาวอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ความเสี่ยงแค่นี้ก็ยังพอรับไหว
แน่นอนว่า อย่าพาผู้ชายกลับมาอีกก็พอ
ลั่วเซิงเล่นจี้เครื่องหอมที่แขวนบนเสาเตียง พูดใจลอยว่า “ข้างนอกก็ไม่มีอะไรน่าสนุก”
ครานี้แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่รู้จะพูดอะไรดี
แม้แต่ข้างนอกก็ไม่รู้สึกสนุกเสียแล้ว อย่างไรก็ไม่อาจบอกบุตรสาวว่าตรงข้ามตรอกเยียนฮวามีหอนายบำเรอเปิดใหม่
แม้จะรักบุตรสาว แต่เขายังคงมีจุดยืน!
ลั่วเซิงไม่รู้ว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วคิดไปไกลแล้ว นางเอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “ได้รับเทียบเชิญจากจวนผิงหนานอ๋อง อีกสองสามวันจะไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของชายาเอกผิงหนานอ๋อง”
แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงัก จากนั้นก็จำได้ว่า “มีเรื่องนี้จริงๆ เช่นนั้นถึงครานั้นเจ้าไปกับพ่อแล้วกัน”
จวนสกุลลั่วไม่มีนายหญิง แม้จะมีอี๋เหนียงช่วยดูแล แต่งานที่ต้องให้สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงออกหน้าก็ย่อมไม่ใช่หน้าที่ของภรรยาน้อย
ทุกครั้งที่ได้รับเทียบเชิญเช่นนี้ อี๋เหนียงใหญ่จะจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยและส่งไปให้ลั่วเซิงดู
แน่นอนว่าคุณหนูลั่วที่ลุ่มหลงในเรื่องเที่ยวเล่นบุรุษรูปงามย่อมไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ นางไม่ค่อยเต็มใจที่จะเข้าสังคมนัก
อี๋เหนียงที่คอยดูแลก็จะปฏิเสธกลับไปอย่างอ้อมค้อมและส่งสิ่งของไปแสดงความยินดีแทน
แต่สำหรับลั่วเซิงแล้ว เทียบเชิญของจวนผิงหนานอ๋องเพียงพอที่จะทำให้นางกระตือรือร้นขึ้นมา
ที่นั่น… นางจะได้เจอสามีภรรยาผิงหนานอ๋องที่เกือบจะได้กลายเป็นพ่อแม่สามีของนาง บางที…อาจจะได้เจอเว่ยเชียง
ลั่วเซิงกำมือแน่นแล้วคลายออก ใบหน้าของนางยังคงสงบตั้งแต่ต้นจนจบ
นางไม่ถนัดในเรื่องของการตัดสินใจ แต่คนที่อยากฆ่ากลับมีมากมาย ต้องจัดการคนไหนก่อนถึงจะเหมาะสมที่สุดนะ
ลั่วเซิงครุ่นคิด สุดท้ายก็หัวเราะเยาะตนเองในใจ
เพียงพริบตาผ่านไปสิบสองปี ทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนกับว่าจะจัดการคนไหนก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
ไม่เป็นไร ค่อยๆ แล้วกัน
นางเก็บความคิด พยักหน้าให้แม่ทัพใหญ่ลั่วเบาๆ พูดว่า “เจ้าค่ะ ท่านพ่อไปจัดการธุระเถอะเจ้าค่ะ”
“อืม” แม่ทัพใหญ่ลั่วตอบ แต่กลับไม่ขยับตัว
ลั่วเซิงดูออกว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วมีอะไรจะพูดจึงรอเขาเงียบๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยถามว่า “ลั่วเซิง เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าไปเจอไคหยางอ๋องมาหรือ”
เดิมเขาไม่ค่อยถามเรื่องในจวน แต่บุตรสาวถูกเขาส่งไปที่อื่นเพราะล่วงเกินไคหยางอ๋อง เขาย่อมต้องสนใจเรื่องนี้
วันนั้นผู้ดูแลมารายงานว่าจวนไคหยางส่งเทียบขอพบมาให้เซิงเอ๋อร์ นอกจากไคหยางอ๋องแล้วจะมีใครในจวนไคหยางอ๋องที่มาเจอเซิงเอ๋อร์ได้อีก
จะว่าไปแล้ว เซิงเอ๋อร์ก็ล้มป่วยหลังจากออกไปหาเขาครานั้น
ซี้ด… จู่ๆ ผู้บัญชาการลั่วก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก
เซิงเอ๋อร์คงไม่ได้เป็นไข้ใจหรอกนะ!
ส่วนก่อนหน้านี้ที่คิดว่าป่วยเพราะเป็นห่วงเขา… ทำไมหรือ คนเป็นพ่อปลอบใจตนเองไม่ได้หรืออย่างไร
“เราเจอกันเจ้าค่ะ ระหว่างทางกลับเมืองหลวงเจอโจรป่า ข้าเป็นกังวลเล็กน้อย บังเอิญเจอไคหยางอ๋องจึงให้เขาช่วยดูแล ที่นัดเจอกันวันนั้นก็แค่ให้เงินเขาเป็นสินน้ำใจ” ลั่วเซิงพูดโกหกหน้าตาย
“อย่างนี้นี่เอง” ผู้บัญชาหารใหญ่ลั่วพยักหน้าเห็นด้วย
ตอบแทนบุญคุณด้วยเงินนั้นคุ้มค่า เซิงเอ๋อร์ทำได้ดี
แต่ว่าคาดไม่ถึงเลยว่าไคหยางอ๋องจะรับเงินจากเด็กผู้หญิง นิสัยแย่จริงๆ