ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 74 คะนึงหา
ตอนที่ 74 คะนึงหา
สาวใช้รีบจัดเสื้อผ้าอย่างร้อนรนและเดินไปข้างหน้า
“ช้าก่อน” ลั่วเซิงหยุดฝีเท้า มองทางที่สาวใช้มุ่งไปอย่างสงสัย “นี่ไปลานด้านหน้าหรือ”
สาวใช้มองลั่วเซิงด้วยจิตใจเลื่อนลอย นางพยักหน้า
ก็ไปลานด้านหน้านี่ไง คุณหนูลั่วไม่ไปเดินเล่นที่เหล่าสตรีชั้นสูงอยู่ก็เพราะมีความคิดอยากจะไปเรือนหน้ามิใช่หรือ
เดี๋ยวก่อน! นางพาคุณหนูลั่วไปลานหน้าได้อย่างไร!
ในที่สุดสาวใช้ก็เรียกสติกลับมาได้ จู่ๆ ก็นึกกลัว
นางสับสนแล้ว คิดจะตอบแทนบุญคุณหรือไง
สาวใช้ลอบบีบฝ่ามือของตนเองแน่น
จะนับเป็นผู้มีพระคุณซี้ซั้วไม่ได้ เป็นเพราะคุณหนูลั่วเดินเล่นไปทั่วจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้แท้ๆ
“เจ้าพาข้าไปลานด้านหน้าทำไม” ลั่วเซิงขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจัง “เมื่อครู่นี้ที่บอกจะไปเจอไคหยางอ๋องก็แค่ข้ออ้าง สตรีในห้องหอนางหนึ่งเช่นข้าจะไปลานด้านหน้าทำอะไร”
“เช่น… เช่นนั้นท่าน…” สาวใช่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร
ลั่วเซิงเลิกคิ้วหน้านิ่ง “ไปหาพี่น้องของข้าอย่างไรเล่า นำทางสิ”
เมื่อเห็นสาวใช้นำทางไปเงียบๆ ด้วยท่าทีสุภาพอย่างไม่รู้ตัว ลั่วเซิงก็ยกมุมปากยิ้ม
นางชอบคุณหนูลั่วที่ทำทุกอย่างได้ตามต้องการจริงๆ ตอนที่มีเหตุผลก็มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลก็ดูสมเหตุสมผล
การมาถึงของเว่ยเชียงและเว่ยเฟิงทำให้พระชายาผิงหนานอ๋องยิ้มแย้ม โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นบุตรชายคนโตที่ไม่ได้เจอมานาน แม้แต่ความไม่พอใจเมื่อครู่นี้ก็ลืมไปหมดสิ้น
“องค์รัชทายาทดูผ่ายผอมลง ช่วยนี้ยุ่งมากหรือเพคะ” พระชายาผิงหนานอ๋องถามอ่อนโยน
“ขอบคุณอาสะใภ้ที่เป็นห่วง หลานสบายดี” เว่ยเชียงตอบอย่างเกรงใจ
ด้วยท่าทีอ่อนโยนสง่างามเช่นนี้ในฐานะของรัชทายาท แน่นอนว่าผู้อื่นรู้สึกถึงความใจกว้างและสุภาพของรัชทายาท ทว่าพระชายาผิงหนานอ๋องกลับรู้สึกเศร้าใจ
ผู้อื่นไม่รู้ แต่นางผู้เป็นมารดาจะดูไม่ออกหรือ บุตรชายใจไม่อยู่กับพวกเขาสองสามีภรรยาแล้ว
ใช่ ในทางกฎหมายเชียงเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกของพวกเขาแล้ว เป็นเพียงหลาน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเด็กน้อยที่นางอุ้มท้องสิบเดือนให้กำเนิดมา คอยเฝ้าดูแลเขาเติบโตทีละน้อย
นางยังจำชีวิตที่อยู่ทางใต้ได้ ทุกครั้งที่ถึงวันเกิดของนาง เชียงเอ๋อร์จะตั้งใจเตรียมของขวัญให้ มีครั้งหนึ่งยังแกะสลักกระต่ายสีขาวตัวหนึ่งให้นาง
ไม่เหมือนกับตอนนี้ แค่ดูก็รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นคนเตรียมของขวัญให้ แม้จะล้ำค่า แต่ก็มีเพียงความล้ำค่าเท่านั้น
พระชายาผิงหนานอ๋องถอนใจในใจเบาๆ เป็นความเสียใจที่มิอาจแสดงต่อบุคคลภายนอกได้
“ออกมานานแล้ว ข้าจะไปทักทายเสด็จอาเล็กที่อยู่ลานด้านหน้าแล้วจะกลับวัง” เมื่อทักทายพอเป็นพิธี เว่ยเชียงก็ขอลา
แววตาความสิ้นหวังและอาวรณ์แวบผ่านดวงตาของพระชายาผิงหนานอ๋อง ทว่ากลับไม่สามารถพูดอะไรได้เลยต่อหน้าสาธารณชน กระทั่งไม่สามารถแสดงความอาวรณ์ได้ เพราะไม่อยากให้เกิดข้อครหา
ฮ่องเต้ไม่มีทายาท แต่มีพี่น้องไม่น้อย หลานนั้นก็มีมาก
เชียงเอ๋อร์โดดเด่นจนได้รับเลือกจากฮ่องเต้ ทำให้จวนอ๋องไม่รู้เท่าไรอิจฉาตาร้อน
หากจวนผิงหนานอ๋องแสดงอารมณ์อื่นนอกเหนือจากความรู้สึกขอบคุณในความโชคดีนี้คงถูกคนด่าว่าเป็นที่โปรดปรานแล้วยังทำตัวดัดจริต
ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ตัวนั้นก็ไม่ชอบให้ทายาทใกล้ชิดกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตนเองมากเกินไป
“เสด็จแม่ ข้าพาองค์ชายไปข้างหน้านะขอรับ”
พระชายาผิงหนานอ๋องแสดงความรักที่มีต่อเว่ยเฟิงได้โดยไม่ต้องปิดบัง นางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา “ไปเถอะ ห้ามท่านพ่อเจ้าอย่าดื่มมากเกินควรด้วย”
“เสด็จแม่โปรดวางใจ”
มองดูสองพี่น้องจากไปแล้ว พระชายาผิงหนานอ๋องก็ได้รับคำชมเชยล้นหลาม
ฮูหยินสูงศักดิ์เหล่านี้จะสรรเสริญองค์ชายโดยตรงก็ไม่ดี คำพูดเชยขมท่านอ๋องน้อยดังขึ้นมามากมายราวกับไม่ต้องใช้เงิน
พระชายาผิงหนานอ๋องฟังคำพูดเหล่านี้อย่างสงบเสงี่ยม ความเศร้าใจเมื่อครู่นี้มลายหายไปหมด
เดิมสภาพการณ์นี้ก็เป็นผลพวงมาจากการลงแรงไปมากมายของจวนผิงหนานอ๋อง จะโลภมากเกินไปไม่ได้จริงๆ
บรรยากาศลานด้านหน้ากำลังดื่มกันอย่างครึกครื้น แม้แต่เว่ยหานก็ดื่มไปเล็กน้อย แก้มที่เดิมทีขาวซีดเล็กน้อยถูกย้อมด้วยสีแดง
เพียงแต่ว่าดวงตาสีดำขลับของเขายังคงชัดเจนและมีสติ
เขาไม่ชอบงานเช่นนี้ แต่ก็จำเป็นต้องมา
ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำทุกอย่างตามที่ต้องการได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เว่ยหานก็ชะงักไปเล็กน้อย คนผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาในความคิด
บางทีอาจจะมีก็ได้
ไม่ว่าผู้คนจะมองอย่างไร คุณหนูลั่วท่านนั้นมีชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ
แต่ผลลัพธ์จากการทำทุกอย่างตามที่ต้องการ เขาไม่เห็นงามด้วย
เพียงแต่ว่า… จู่ๆ เว่ยหานก็นึกถึงสองสามวันนั้นที่ได้อยู่ด้วยกันและการได้พบเจอกันสองครั้งหลังจากกลับเมืองหลวงก็ลังเล
เหมือนกับว่าคุณหนูลั่วจะไม่ใช่ไม่สนใจสิ่งใดเลย แต่กลับกัน เหมือนกับว่าการกระทำตามสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่านั้นของนาง ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาไม่ได้เลวร้ายเช่นนั้น
อย่างเช่นนางเชิญหมอเทวดาหลี่มาได้…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เว่ยหานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาถูกปฏิเสธมาหลายคราแล้ว คุณหนูลั่วใช้อะไรทำให้หมอเทวดายินยอมได้กันนะ
เว่ยหานตกอยู่ในภวังค์ความคิด
มีเสียงดังขึ้นจากข้างๆ เว่ยหานหันไปมอง
เว่ยเชียงยกจอกให้เว่ยหาน “เสด็จอาเล็ก ไม่ชอบสุราวันนี้หรือ”
“เปล่า” เว่ยหานยกจอกสุราชนจอกของเว่ยเชียงเบาๆ และกระดกดื่มหมดจอก
จอกทำมาจากหยกสีขาว มือที่ถือจอกนั้นขาวยิ่งกว่าจอกใบนั้น
เว่ยเชียงหลุบสายตาลงเล็กน้อย ความคิดแล่นผ่าน เสด็จอาเล็กท่านนี้ไม่เหมือนอสูรทรงพลังที่ปราบทางเหนือเลย
เขาอายุมากกว่าเว่ยหานเก้าปี เพราะเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะเคารพชายตรงหน้าที่เพิ่งพ้นจากความอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มในฐานะผู้อาวุโส เขาจึงเริ่มเพ่งพินิจดูอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่า ด้วยสถานะตอนนี้ของเขา สำหรับผู้อาวุโสส่วนใหญ่แล้วไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพนอบน้อมเลย
แต่ไคหยางอ๋องกลับต่างออกไป
ไคหยางอ๋องคือดาบแหลมคมที่มีไว้ข่มขู่เป่ยฉี ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากเสด็จพ่อ
ส่วนเขาความสัมพันธ์ของรัชทายาทเช่นเขาและเสด็จพ่อถึงอย่างไรก็ลึกซึ้งเข้าใจยาก
พวกเขาไม่ใช่พ่อลูกโดยสายเลือด การอยู่ร่วมกันย่อมเปราะบาง มิหนำซ้ำราชวงศ์ไร้ผู้สืบทอด รัชทายาทมากมายในประวัติศาสตร์ที่ต้องพบกับจุดจบอันน่าสังเวชนั้นยกตัวอย่างไม่หวาดไม่ไหว
เว่ยเชียงดื่มสุราจนหมดเงียบๆ ยิ้มพูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าไปหาอาสะใภ้มา ระหว่างทางเจอคนๆ หนึ่ง”
เว่ยหานมองเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ข้าเจอคุณหนูลั่ว” เว่ยเชียงไม่ได้อุบไว้นาน เขาพูดพลางคอยสังเกตสีหน้าของฝ่ายตรงข้าม
มือที่ถือจอกสุราของเว่ยหานกำแน่นขึ้นเล็กน้อย รอเว่ยเชียงพูดต่อไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เจอคุณหนูลั่ว เหตุใดต้องมาบอกเขา
เว่ยเชียงมองสีหน้าไม่ออก หัวเราะขึ้นมา “คุณหนูลั่วบังคับให้สาวใช้จวนอ๋องพานางมาหาเสด็จอาเล็ก”
เว่ยหานคิ้วกระตุกเล็กน้อย
บังคับให้สาวใช้จวนอ๋องพามาหาเขา?
“สาวใช้ไม่ปฏิบัติตาม นางยังจับงูน้อยตัวหนึ่งมาขู่อีกฝ่าย หึๆ เห็นทีคุณหนูลั่วจะคะนึงหาเสด็จอาเล็กมากทีเดียว”
เว่ยหานเกือบจะรักษาสีหน้าสงบนิ่งบนใบหน้าไว้ไม่ได้
สิ่งที่รัชทายาทพูดคือคุณหนูลั่วจริงๆ หรือ
ครานั้นเขานัดพบแม่นางน้อย คำขอร้องของเขาถูกฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธอย่างง่ายดายเช่นนั้น เขาไม่เห็นถึงความคะนึงหาแม้แต่น้อย
ระหว่างทาง บะหมี่เครื่องผัดยังเก็บเขาตั้งหนึ่งร้อยตำลึง เขาก็ไม่เห็นถึงความคะนึงหา
ทว่าเรื่องจับงูนั่นเหมือนเป็นสิ่งที่คุณหนูลั่วกล้าทำจริงๆ
คนๆ หนึ่งที่ร่ายรำด้วยมีดทำครัวได้อย่างช่ำชองเช่นนั้น คงเคยใช้มีดทำครัวสับงูสินะ
ได้ยินมาว่าน้ำแกงงูรสชาติไม่เลว
มีดทำครัว…
เว่ยหานครุ่นคิดก็อดคิดถึงเรื่องหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นในคืนที่มืดมิดและลมแรงคืนนั้น สตรีที่สาดผงพริกไทยเข้าตาเขาคือคุณหนูลั่วสินะ
“องค์รัชทายาทโปรดอย่าล้อเลียนข้าเลย” เว่ยหานครุ่นคิดในใจมากมาย แต่ใบหน้ากลับไม่เผยความผิดปกติใดๆ ให้เห็น
“เสด็จอาเล็กไม่สงสัยหรือว่าคุณหนูลั่วไปไหนแล้ว”
เว่ยหานหยุดหายใจ
ไปไหนแล้วน่ะหรือ คงไม่ได้มาหาเขาจริงๆ หรอกนะ