ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 83 ความจริงปรากฏ
ตอนที่ 83 ความจริงปรากฏ
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เพราะความหวาดกลัวจึงฆ่าคนที่ทำให้ตนหวาดกลัวทิ้ง แม่นางน้อยทุกวันนี้มีความคิดเฉพาะตัวเช่นนี้เลยหรือ
“เจ้าเห็นคุณหนูใหญ่เฉินฆ่าสาวใช้จวนอ๋องหรือ” ชายหนุ่มถือโอกาสถาม
คุณหนูรองเฉินสติแตกไปแล้ว ดวงตานางเต็มไปด้วยความตระหนก “ใช่… ข้าเดินเล่นไปเรื่อยๆ ถึงสวนไผ่ ไม่คิดว่าพี่ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น ข้าเห็นนางใช้กริชแทงสาวใช้ตาย จากนั้นก็ผลักสาวใช้ไปข้างก้อนหินยาวและจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น… นางฆ่าคน แต่นางกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย…”
ปฏิกิริยาที่ไม่แยแสหลังจากฆ่าคนของคุณหนูใหญ่เฉินทำลายสติสัมปชัญญะของคุณหนูรองเฉิน
นางเดินเข้าใกล้และมองร่างของสาวใช้ จิตใจของนางถูกครอบงำด้วยความกลัว กริชที่แทงทะลุร่างของสาวใช้นั้นเปล่งประกายด้วยแสงสะท้อนงดงาม ราวกับสิ่งล่อใจอันเงียบงันของปีศาจ
เมื่อนางตั้งสติได้ กริชงดงามเล่มนั้นก็อยู่ในมือของนางแล้ว
บนกริชยังมีเลือดเปื้อนอยู่ เพราะความหวาดกลัวยิ่งยวดกลับทำให้นางกำกริชไว้แน่นกว่าเดิม นางเดินตามคุณหนูใหญ่เฉินไปอย่างไม่รู้ตัว
นางเดินตามไปถึงข้างๆ พุ่มดอกโบตั๋น เมื่อได้พบกับคุณหนูใหญ่ที่เย็นชากับนางอีกครั้ง กริชฝังอัญมณีเล่มนั้นก็แทงเข้าไปในท้องของคุณหนูใหญ่ลั่ว
จากนั้นนางออกจากที่เกิดเหตุ จนเมื่อศพของคุณหนูใหญ่เฉินถูกพบ เกิดเรื่องวุ่นวายจึงทำเป็นเพิ่งทราบข่าวและรุดหน้ามาทางนี้
ชายหนุ่มฟังด้วยสีหน้าจริงจัง ถอนหายใจเบาๆ
อันที่จริงคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนมาก ฆาตกรทั้งสองฆ่าคนเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้บ่อยในคดีฆาตรกรรม
อันที่จริงสติสัมปชัญญะของมนุษย์ไม่ได้พึ่งพาได้อย่างที่คิด บ่อยครั้งสิ่งจูงใจเล็กๆ น้อยๆ สามารถกระตุ้นความคิดชั่วร้ายในใจของใครบางคนได้
เพียงแต่ว่าทุกวันนี้แม่นางน้อยโหดร้ายขนาดนี้กันแล้วหรือ
มองดูใบหน้าที่งดงามและอ่อนโยนดวงนั้นของคุณหนูรองเฉิน ชายหนุ่มถอนหายใจเสียดาย ถามว่า “กริชฝังอัญมณีเป็นของคุณหนูใหญ่เฉินหรือ”
คุณหนูรองเฉินพยักหน้าอย่างเหม่อลอย “อืม”
“เหตุใดกริชของคุณหนูใหญ่เฉินจึงเหมือนกับกริชของคุณหนูลั่ว” เสนาบดีจ้าวถาม
“นางเคยเห็นกริชของคุณหนูลั่ว คิดว่าสตรีมีกริชฝังอัญมณีไว้ครอบครองทำให้ดูยิ่งใหญ่และสง่างามจึงซื้อกริชคล้ายกันเล่มหนึ่งจากร้านขายเพชรนิลจินดา”
แม่ทัพใหญ่ลั่วโมโห “เช่นนี้แล้ว ตอนที่พวกเจ้าทั้งสองฆ่าคนก็คิดไว้แล้วว่าจะโยนความผิดให้ลูกสาวข้ารึ”
“ข้าไม่รู้ว่าพี่ใหญ่คิดอย่างไร” คุณหนูรองเฉินก้มศีรษะ เผยให้เห็นคอยาวระหงบอบบาง ยิ่งทำให้นางดูอ่อนแอ
แต่สิ่งที่นางพูดกลับทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวยะเยือก “ตอนที่แทงกริชเข้าไปในร่างกายของพี่ใหญ่ ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องโยนความผิดให้คุณหนูลั่วเลยด้วยซ้ำ ตอนที่เห็นพี่ใหญ่ล้มลง เบิกตากว้างไม่ขยับก็รู้สึกกลัวมาก จู่ๆ ก็คิดได้ว่าคุณหนูลั่วก็มีกริชคล้ายๆ กัน…”
ดังนั้นกริชที่ถูกคุณหนูใหญ่เฉินทิ้งไว้ที่ร่างของสาวใช้จึงถูกคุณหนูรองลั่วทิ้งไว้บนร่างของคุณหนูใหญ่เฉิน
ส่วนลั่วเซิงก็กลายเป็นแพะรับบาปผู้โชคร้าย
ลั่วเซิงฟังถึงตรงนี้ก็เอ่ยปากพูดว่า “เจ้าไม่คิดเลยหรือว่าหากข้ามีกริชอีกเล่มหนึ่งติดตัวเล่า หากหยิบออกมาก็จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้”
คุณหนูรองเฉินมองไปที่ลั่วเซิง พูดเสียงเบาว่า “เจ้าเคยมีเรื่องบาดหมางกับพี่ใหญ่ข้า หากเจ้ามีเจตนาฆ่าจริงๆ ก็จะไม่เตรียมกริชไว้สองเล่มเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองหรือ”
มองดูคุณหนูรองเฉินผู้อ่อนแอและบอบบาง ทุกคนตกใจ
หากคุณหนูใหญ่เฉินไม่ใช่คนถนัดซ้าย คนกรมยุติธรรมตัดสินว่าฆาตกรมีสองคน แล้วใครจะสงสัยแม่นางน้อยผู้บอบบางคนหนึ่งกันนะ
เปรียบเทียบกันแล้ว คุณหนูลั่วผู้ดุร้ายชอบวางอำนาจและยังเคยมีเรื่องบาดหมางกับคุณหนูใหญ่เฉินถึงจะเป็นผู้น่าสงสัยที่สุด
เมื่อคุณหนูรองเฉินพูดจบก็กอดเข่าตัวสั่นเทิ้ม
อำมาตย์เฉินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขายกเท้าถีบนาง “เจ้ามันหลานทรพี ศีลธรรมที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเมื่อตอนเด็กถูกสุนัขกินไปหมดแล้วหรืออย่างไร เห็นท่านพี่เจ้าฆ่าคนไม่เข้าไปห้ามแล้วยังฆ่าท่านพี่เจ้าอีก!”
อำมาตย์เฉินไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ไม่มีใครฆ่าคนเพราะความกลัวมิใช่หรือ นี่มันผิดปกติแล้ว
คุณหนูรองเฉินไม่ได้หลบ นางถูกท่านปู่ถีบเข้าอย่างจัง มือยันพื้นปล่อยร้องโฮออกมา “ท่านปู่ ข้าไม่มีทางเลือก ข้าไม่มีทางเลือกนะเจ้าคะ ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่…”
นางพูดพลางถลกแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้น เผยให้เห็นแขนขาวดั่งหิมะ
ทันทีที่ทุกคนเห็นชัดเจนก็อดตกใจไม่ได้
แขนขาวและเล็กของหญิงสาวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่น่าตกใจ
“พี่ใหญ่ไม่พอใจก็จะตีข้า ข้าเจ็บแค่ไหนก็ต้องทน แม้แต่อาบน้ำก็ไม่กล้าให้สาวใช้เข้ามารับใช้ใกล้ๆ พี่ใหญ่เคยบอกว่าหากเรื่องแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียวก็จะฆ่าข้า…” คุณหนูรองลั่วตัวสั่นเหมือนร่อนแกลบ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุด “แม้ข้าจะไม่กล้าให้ผู้อื่นรู้ แต่กลับคิดมาตลอดว่าพี่ใหญ่แค่ขู่ให้ข้ากลัว ตราบใดที่อดทนรอจนพี่ใหญ่ออกเรือนได้ข้าก็จะหลุดพ้น แต่ใครจะไปคิดว่าพี่ใหญ่ฆ่าสาวใช้ได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น แม้แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยน…”
คุณหนูรองเฉินคุกเข่าลงข้างหน้าท่านเฉิน ยื่นมือไปทำท่าจะจับชายเสื้อของเขา “ท่านปู่ ข้าก็เป็นหลานสาวของท่านนะเจ้าคะ ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่ พี่ใหญ่นางฆ่าคนได้จริงๆ ฆ่าได้จริงๆ นะเจ้าคะ”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย คุณหนูรองเฉินก็คลุ้มคลั่ง นางเริ่มพูดวกวน
อำมาตย์เฉินรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก เขาประสานมือคำนับเสนาบดีจ้าว “ลูกหลานไม่ได้เรื่อง ข้าขอนำตัวหลานทรพีคนนี้กลับไปบอกกล่าวแก่ครอบครัวแล้วจะส่งให้หน่วยงานราชการจัดการต่อไป”
พูดว่าส่งให้หน่วยงานราชการจัดการ อันที่จริงทุกคนในนี้รู้ดีแก่ใจว่าคุณหนูรองกลับไปครานี้คงไม่สามารถมีชีวิตออกจากประตูจวนเฉินได้อีกแล้ว
สตรีสูงศักดิ์ถูกจำคุกเป็นเรื่องน่าอับอายที่วงศ์ตระกูลมิอาจทนรับได้จริงๆ
เสนาบดีจ้าวย่อมไว้หน้า
ล้วนเป็นคนในแวดวงเดียวกัน ใครจะรับประกันได้ว่าจวนของตนจะมีลูกหลานทรพีเช่นนี้หรือไม่ ถึงครานั้นก็ต้องช่วยกันปกปิดอยู่ดี… ถุย เขาคิดเรื่องบ้าๆ อะไรอยู่ สกุลจ้าวของเขาต้องไม่มีลูกหลานทรพีเช่นนี้แน่นอน
เขาก็แค่เป็นคนจิตใจดีโดยแท้ รู้สึกเห็นใจท่านอำมาตย์เฉิน…
อำมาตย์เฉินประสานมือคำนับผิงหนานอ๋องอีกครั้ง ท่าทีดูเหมือนชราไปอีกหลายปี “ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้งานเลี้ยงของพระชายาวุ่นวาย ไว้วันอื่นข้าน้อยจะมาขอโทษด้วยตนเองอีกครั้ง”
“ท่านเฉินอย่าได้พูดเช่นนี้ รีบกลับไปจัดการธุระที่บ้านก่อนเถิด” ผิงหนานอ๋องพูดด้วยความเกรงอกเกรงใจ ในใจกลับรู้สึกโล่งอก
โชคดีที่คดีในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจวนอ๋อง ที่โชคดียิ่งกว่าคือฆาตกรทั้งสองล้วนเป็นหลานสาวของท่านอำมาตย์เฉิน
หากคุณหนูใหญ่เฉินถูกคนจวนอื่นฆ่า ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง เกิดเรื่องแบบนี้จวนอ๋องก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน
แต่วันนี้หลานสาวคนหนึ่งของท่านเฉินฆ่าหลานสาวอีกคนหนึ่ง มีสาวใช้จวนอ๋องคนหนึ่งตายและยังทำให้งานเลี้ยงวุ่นวาย ผู้คนก็มีแต่จะเห็นใจจวนอ๋อง
จู่ๆ คุณหนูรองเฉินก็สลัดคนที่จับตัวนางไว้ออก พุ่งไปข้างหน้าชายหนุ่ม “ข้าขอกระจก เอากระจกให้ข้าดูหน่อย!”
ชายหนุ่มสีหน้าเคร่งขรึม “คุณหนูรองเฉินไม่ต้องส่องกระจกแล้ว ผมของเจ้าไม่มีใบไผ่”
คุณหนูรองเฉินชะงักงัน เมื่อถูกลากออกไปไกลแล้วจึงร้องไห้อย่างหนักจนแทบจะขาดใจตาย
ลั่วเซิงยืนดูอยู่ข้างๆ จนเมื่อความจริงปรากฏ นางหันไปถามแม่ทัพใหญ่ลั่วว่า “ท่านพ่อ ชายหนุ่มผู้นี้คือใครหรือ”
เว่ยหานยืนอยู่ไม่ไหล เมื่อได้ยินสิ่งที่นางถามก็อดมองลั่วเซิงไม่ได้
แม่ทัพใหญ่ลั่วพยายามพูดด้วยเสียงเบาที่สุดว่า “นั่นคือหลานชายของผู้อาวุโสหลิน เซิงเอ๋อร์ถามทำไมหรือ”
หลานชายของผู้อาวุโสหลิน?
ลั่วเซิงเลิกคิ้วมองชายหนุ่ม
หลานชายของนางโตขนาดนี้แล้วหรือ