ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 88 เสียใจที่ความดีเสื่อมเสียโดยเปล่าประโยชน์
ตอนที่ 88 เสียใจที่ความดีเสื่อมเสียโดยเปล่าประโยชน์
ไม่เกินหนึ่งเดือน หมอเทวดาก็จะไปจวนลั่วถึงที่?
เว่ยหานตกใจกับคำพูดของหญิงสาว แต่ท่าทีมั่นใจของนางมิอาจโกหกผู้ใดได้
เขาวางแก้วชาลงบนโต๊ะ พูดอย่างสงบว่า “ได้ ข้าจะรอคุณหนูลั่วหนึ่งเดือน”
ลั่วเซิงแก้ไขว่า “รอหมอเทวดาหนึ่งเดือนเจ้าค่ะ”
รอนางทำไม นางไม่ใช่หมอเทวดาเสียหน่อย
เว่ยหานเงียบงัน
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่ครู่หนึ่งเขารู้สึกว่าคุณหนูลั่วเกี้ยวพาเขาอีกแล้ว
“หลังจากหนึ่งเดือน หากหมอเทวดายังไม่ไปหาคุณหนูลั่ว…”
ลั่วเซิงตอบอย่างมีเหตุมีผล “เช่นนั้นข้าก็หมดหนทาง”
เว่ยหาน “…”
เนื่องจากสกุล ‘เว่ย’ สร้างความแค้นฝังลึก มิอาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ ลั่วเซิงจึงไม่รู้ผิดเลยแม้แต่น้อย นางพูดอย่างราบเรียบว่า “ท่านอ๋องน่าจะรู้ว่าทุกสิ่งไม่แน่นอน ข้าจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ที่เหลืออยู่ที่โชคของท่านอ๋องแล้ว”
นิ้วมือเรียวยาวของบุรุษจับแก้วชาแน่น
เหตุผลที่ว่าทุกสิ่งไม่แน่นอนนั้นเขาย่อมเข้าใจ แต่คุณหนูลั่วพยายามทำเต็มที่ตั้งแต่เมื่อใดกัน
เห็นทีการแลกเปลี่ยนครานี้ เขาคงขาดทุนย่อยยับ
ทว่านี่ก็ไม่มีอะไรให้สียดาย ครานั้นคุณหนูลั่วตกเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะกริชเล่มหนึ่ง กริชอยู่ที่เขา เขาช่วยให้นางพ้นจากข้อสงสัย เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอยู่แล้ว
อย่างน้อยก็แค่ถูกผู้อื่นนินทา แต่ในเมื่อตอนนั้นเขาตัดสินใจรับกริชไว้ก็ย่อมไม่คิดจะกลัวเรื่องไม่สลักสำคัญเหล่านี้
ขณะที่คิด เว่ยหานยิ้มๆ “ข้ารู้แล้ว”
ลั่วเซิงวางแก้วชาลงและลุกขึ้น “เช่นนั้นข้าขอลา”
เว่ยหานลุกขึ้นตาม “คุณหนูลั่วเดินทางปลอดภัย”
เห็นเขามีทีท่าจะไปส่ง ลั่วเซิงจึงห้ามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านอ๋องไม่ต้องส่งเจ้าค่ะ”
เว่ยหานหยุดลง มองส่งลั่วเซิงจากไปไกล ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เหมือนกับว่าความรู้สึกที่คุณหนูลั่วมีต่อเขาจะไม่ค่อยดีนัก
มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้ถามให้รู้แล้วรู้รอดเสียที ค่ำคืนมืดมิดลมแรงคืนนั้น เหตุใดคุณหนูลั่วจึงปรากฎกายในเรือนร้างของจวนเจิ้นหนานอ๋อง
ไม่ว่าจะคิดจากแง่ไหนก็ไม่มีเหตุผลที่นางจะปรากฎกายที่นั่น
คงไม่ได้เป็นเพราะว่างจนเบื่อหรอกนะ
และก็เป็นเพราะการพบกันที่ไม่ค่อยพึงประสงค์ในเรือนร้างจวนอ๋องครานั้นจึงทำให้ทุกครั้งที่เจอหญิงสาวคนนี้เขาก็จะคอยจับตามองนางมากขึ้น และพบว่านางต่างจากแม่นางที่ขวางเขาไว้บนถนนใหญ่ในเมืองหลวงครานั้นมาก
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดคนๆ หนึ่งจึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้
เว่ยหานออกจากหอสุรา กลับจวนอ๋อง
“เรียกสือเยี่ยนมา”
สืออี้ได้รับคำสั่ง รีบไปเรียกพี่ชายที่กำลังขัดถังส้วม
สือเยี่ยนวิ่งมาอย่างดีอกดีใจ “นายท่านมีคำสั่งอะไรหรือขอรับ”
“เดือนนี้ เจ้าคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วไว้”
สือเยี่ยนตาลุกวาว “ให้จับตามองคุณหนูลั่วหรือ”
เว่ยหานสีหน้านิ่งขรึม ถามเสียงราบเรียบว่า “ขัดถังส้วมยังขัดไม่พอรึ”
สือเยี่ยนตบปากตนเองหนึ่งที “นายท่านอย่าโมโห ไม่ใช่ข้าน้อยอยากพูด แต่ปากพล่อยๆ ของใบหน้านี้มักไม่เชื่อฟัง”
ตอนที่ไปส่งกริชที่จวนผิงหนานอ๋อง เขาคิดว่าตนเองหลุดพ้นจากการขัดถังส้วมแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าตอนที่เรียกนายท่านหันกลับไปดูอย่างใส่ใจนั้น นายท่านก็ลงโทษเขาอีกแล้ว!
เมื่อเหลือบไปเห็นสืออี้ที่เดินเข้ามาจากด้านหลัง สือเยี่ยนก็ไม่ยอม
หน้าตาอย่างกับคิดหนี้ใคร เหตุใดนายท่านจึงเห็นสืออี้สำคัญกว่านะ นายท่านยังไม่เคยลงโทษสืออี้ไปขัดถังส้วมเลยสักครั้ง
สืออี้ยืนข้างๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เหมือนกับว่าพี่สามอิจฉาเขาอีกแล้ว
หน้าตาก็เหมือนกัน ไม่รู้จะอิจฉาอะไร
“เจ้าคอยเฝ้าระวังดีๆ ทันทีที่พบว่าหมอเทวดาไปจวนลั่ว ให้รีบกลับมารายงานทันที”
สือเยี่ยนกลืนคำถามที่ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่หมอเทวดาจะไปจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างยากลำบาก และขานตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว
ผ่านไปไม่กี่วัน สือเยี่ยนวิ่งกลับมาอย่างเร่งรีบ
เว่ยหานไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้ “หมอเทวดาไปจวนสกุลลั่วแล้วหรือ”
คุณหนูลั่วบอกว่าไม่เกินหนึ่งเดือน แต่นี่เพิ่งผ่านไปกี่วันเอง เร็วเช่นนี้เลยรึ
“หมอเทวดาไม่ได้ไปจวนสกุลลั่วขอรับ แต่คุณหนูลั่วออกไปข้างนอกแล้ว!”
เว่ยหานขมวดคิ้ว “คุณหนูลั่วไปหาหมอเทวดา?”
“ไม่ใช่ขอรับ คุณหนูลั่วไปจวนผู้อาวุโสหลิน!”
เว่ยหานหน้าขรึม
คุณหนูลั่วไปจวนผู้อาวุโสหลินเกี่ยวอะไรกับเขา
เมื่อเห็นเว่ยหานไม่มีการตอบสนองใดๆ สือเยี่ยนก็ร้อนรน “นายท่าน คุณหนูลั่วไปหาหลินเถิงจวนผู้อาวุโสหลินคนนั้นขอรับ!”
เว่ยหาน “ไสหัวไปซะ”
องครักษ์น้อยที่ถูกไล่ออกไปถอนหายใจและรีบไปจวนสกุลหลินต่อทันที
นายท่านปากไม่ตรงกับใจ เขาจะผิดพลาดซ้ำซ้อนไม่ได้ ต้องจับตามองคุณหนูลั่วให้ดี อย่าให้นางลงมือกับหลินเถิง
จะว่าไปแล้ว คุณหนูลั่วนี่ก็ไม่ได้เรื่องเลย มีนายท่านของพวกเขาแล้วยังไม่พอหรืออย่างไร
ระหว่างทางแม่ทัพใหญ่ลั่วที่พาบุตรสาวไปขอบคุณด้วยตนเองยืนยันกับบุตรสาวอีกครั้งหนึ่งว่า “เซิงเอ๋อร์ ไม่ต้องให้พ่อช่วยเจ้าคุยเรื่องแต่งงานจริงๆ หรือ แค่มาขอบคุณเพียงอย่างเดียวหรือ”
ลั่วเซิงพยักหน้า รู้สึกว่าความคิดของแม่ทัพใหญ่ลั่วแปลกๆ นางถามจริงจังว่า “ท่านพ่ออยากให้ข้าแต่งงานมากเลยหรือ”
นางไม่มีความคิดว่าจะแต่งงานหรอกนะ
แต่งงานไปแล้วจะเป็นอิสระอย่างคุณหนูลั่วอีกหรือ มิหนำซ้ำเรื่องที่นางต้องทำเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิต เหตุใดจึงต้องเดือดร้อนผู้บริสุทธิ์ด้วย
ต้องถามความคิดของแม่ทัพใหญ่ลั่วให้ชัดเจน จะได้ไม่มีปัญหาในอนาคต
แม่ทัพใหญ่ลั่วอยากจะพยักหน้าโดยสัญชาติญาณ แต่เมื่อเห็นดวงตาดำขลับเยือกเย็นของบุตรสาว จู่ๆ เขาก็รู้ทันด้วยไหวพริบตอบว่า “แหะๆ เป็นไปได้อย่างไร พ่อแทบอยากจะเลี้ยงเจ้าทั้งชีวิต จะอยากให้เจ้าแต่งงานได้อย่างไร”
ปกติแล้วบิดาทั่วไปก็คงมีความคิดเช่นนี้… แม่ทัพใหญ่ลั่วครุ่นคิดอย่างไม่แน่ใจนัก
มีเพียงสวรรค์รู้ว่าเขาแทบอยากจะส่งบุตรสาวออกเรือนพรุ่งนี้เลย!
การแต่งงานคือวิถีธรรมเนียมที่ถูกต้องนี่ ดีกว่าเลี้ยงผู้ชายเสียอีก
ลั่วเซิงยิ้มอ่อนหวาน “ข้าก็ไม่อยากจากท่านพ่อไปเจ้าค่ะ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วหยุดหายใจ
เซิงเอ๋อร์บอกว่าไม่อยากจากเขาไป คือความหมายเดียวกับที่เขาเข้าใจใช่หรือไม่ จะอยู่เป็นโสดจริงๆ หรือ
ท่ามกลางความเงียบ รถม้าก็มาถึงหน้าประจูจวนสกุลหลิน
ฮูหยินใหญ่หลินได้ยินว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วพาคุณหนูลั่วมา หน้าพลันมืด รีบไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อหารือวิธีการรับมือ
“อะไรนะ คนจวนลั่วมาหรือ” ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินก็ทำอะไรไม่ถูก “เหตุใดจึงไม่ส่งเทียบขอเข้าพบมาล่วงหน้า”
ฮูหยินใหญ่ยิ้มเจื่อน “ใครจะไปรู้เล่า ก่อนหน้านี้ได้ยินเถิงเอ๋อร์บอกว่าคนจวนสกุลลั่วอาจจะมาขอบคุณ เดิมทีคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ผ่านไปสามสี่วันไม่เห็นมีวี่แววจึงคิดว่าคงไม่มาแล้ว ใครจะไปคิดว่าบทจะมาก็มาถึงหน้าประตู”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายศีรษะให้กับมารยาทของจวนสกุลลั่ว ถอนหายใจพูดว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็คงต้องเชิญเข้ามา”
“นายท่านและท่านพ่อไปศาลาว่าการแล้ว มีเพียงเถิงเอ๋อร์และซูเอ๋อร์ที่อยู่…”
ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจเด็ดขาด “ให้เถิงเอ๋อร์และซูเอ๋อร์ออกไปทางประตูหลัง เจ้าไปรับแขกกับข้า”
ฮูหยินใหญ่ลังเล “คุณหนูลั่วคนนั้นคงมาเพราะเถิงเอ๋อร์และซูเอ๋อร์ หากวันนี้นางไม่ได้เจอ วันหลังนางจะดักรอพวกเขาข้างนอกหรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า “สิ่งที่เจ้ากังวลใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล อย่างน้อยอยู่ในจวนเราก็ช่วยจับตาดูได้ เช่นนั้นเราอยู่เฉยๆ ก่อน รอดูว่าพวกเขาต้องการอะไร ไม่แน่ว่าอาจจะแค่มาขอบคุณจริงๆ”
ฮูหยินใหญ่ : เหอะๆ
แม่สามีและลูกสะใภ้ทั้งสองเดินไปยังเรือนรับรองที่อยู่ด้านหน้าด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง ทันทีที่เข้าไปก็เห็นชายวัยกลางคนหน้าตาน่าเกรงขามและหญิงสาวงดงามคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มชาเงียบๆ
ตระกูลหลินอยู่ในแวดวงขุนนางบุ๋น ฮูหยินใหญ่ไม่ค่อยได้ออกไปเข้าสังคมนัก นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอลั่วเซิง
ทันทีที่นางเห็นหน้าตาของหญิงสาวชัดเจน ฮูหยินใหญ่ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาดื้อๆ หน้าตาอย่างคุณหนูลั่ว เหตุใดจึงคิดสั้นเลี้ยงนายบำเรอนะ