ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 89 น้าหญิงหาหลานชาย
ตอนที่ 89 น้าหญิงหาหลานชาย
ฮูหยินใหญ่หยุดคิดเพ้อเจ้ออย่างรวดเร็ว นางมุ่งความสนใจไปที่การทักทายแม่ทัพใหญ่ลั่ว
“ขอโทษจริงๆ วันนี้นายท่านทั้งสองไปศาลาว่าการ ไม่ได้อยู่ต้อนรับท่านแม่ทัพใหญ่” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างสุภาพ
แม่ทัพใหญ่ลั่วยิ้มพูดว่า “ไปศาลาว่าการคือเรื่องสำคัญ เดิมข้าควรมาเยี่ยมเยียนเมื่อผู้อาวุโสหลินหยุดงาน แต่ช่วงก่อนหน้านี้ยุ่งมาก ปลีกตัวมามิได้ ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ ควรจะมาเร็วกว่านี้”
ความเป็นจริงแล้วย่อมไม่ใช่เช่นนี้
วันที่สองหลังจากร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาผิงหนานอ๋อง เขาก็ถามเซิงเอ๋อร์แล้วว่าจะมาหรือไม่ ทว่าเซิงเอ๋อร์บอกให้รอก่อน
เขาถามว่าเหตุใดต้องรอก่อน เซิงเอ๋อร์บอกว่ารอให้คุณชายรองหลินอยู่จวนค่อยมา
แม่ทัพใหญ่ลั่วคิดถึงความรู้สึกที่ได้ยินคำพูดนี้ในตอนนั้นก็รู้สึกเศร้า
คนเป็นพ่อช่างเหนื่อยเหลือเกิน!
“แม่ทัพใหญ่ลั่วเกรงใจแล้ว เดิมทีก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของบุตรชาย ต้องมาขอบคุณถึงที่ที่ไหนกัน” ฮูหยินใหญ่ตอบ
บุตรชายของนางช่วยคนไว้จริงๆ ฝ่ายตรงข้ามกลับอยากให้บุตรชายนางไปเป็นนายบำเรอ จะทำคุณบุญชาโทษได้อย่างไร
เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่มาแล้ว ลั่วเซิงจึงลุกขึ้นไปยืนข้างหลังแม่ทัพใหญ่ลั่ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็ดึงแขนเสื้อของแม่ทัพใหญ่ลั่วเบาๆ
แม่ทัพใหญ่ลั่วเข้าใจ เขากระแอมก่อนจะถามขึ้นว่า “เหตุใดจึงไม่เห็นบุตรชายท่านเล่า”
ฮูหยินใหญ่อดไม่ได้ที่จะตบปากตัวเองจริงๆ นางพูดถึงเถิงเอ๋อร์ทำไมกันนะ!
“เอ่อ คงไม่ใช่เพราะวันนี้ต้องทำงาน บุตรชายท่านจึงไปทำงานที่กรมยุติธรรมแล้วหรอกกระมัง”
ฮูหยินใหญ่ยิ้มแห้ง “บังเอิญตรงกับวันหยุดของลูกพอดี เขาอยู่ในจวน”
“เช่นนั้นเชิญเขาออกมาพบหน่อยเถิด คุณหนูลั่วมีใจอยากจะขอบคุณบุตรชายท่านจริงๆ”
ฮูหยินใหญ่จับผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
อย่าพูดว่าบุตรสาวท่านมีความคิดอะไรกับเถิงเอ๋อร์ ยังพอนั่งคุยกันดีๆ ได้
เมื่อเห็นลูกสะใภ้ใหญ่ลืมขานตอบ ฮูหยินผู้เฒ่าก็กระแอมสั่งสาวใช้ข้างกายว่า “ไปเชิญคุณชายใหญ่มา”
ลั่วเซิงดึงแขนเสื้อของแม่ทัพใหญ่ลั่วอีกครา
แม่ทัพใหญ่ลั่วอยากจะแสร้งเลอะเลือนจริงๆ
นี่มันก็เกินไปแล้วนะ มาเจอหลานชายคนโตของผู้อื่นเขายังพอคุยด้วยง่าย มาเจอหลานชายคนรองนี่สิหาข้ออ้างไม่ได้เลย
แม่ทัพใหญ่ลั่วยอมแพ้อย่างรวดเร็ว
เอาเถิด วันนี้ถือว่าบุตรสาวทำตัวดีมากแล้ว ยังมีอะไรไม่พอใจอีก
“แค่กๆ ได้ยินมานานว่าคุณชายรองจวนท่านมีความสามารถโดดเด่น เป็นแบบอย่างของชายหนุ่มรุ่นเดียวกัน หากเขาอยู่ในจวนเช่นกันเชิญเขามาด้วยดีหรือไม่” แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดเสร็จรีบดื่มชากลบเกลื่อนความเก้อเขิน
ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่หลินสบตากันทันที
พวกเขามีจุดประสงค์อื่นจริงๆ ด้วย ปากบอกมาขอบคุณนั้นคือเท็จ คิดถึงลูกทั้งสองน่ะจริง!
แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงผู้บัญชาการใหญ่ขององครักษ์จิ่นหลินที่มีชื่อเสียง แม้สกุลหลินจะมีเกียรติและเที่ยงธรรม แต่ก็ไม่คุ้มที่จะล่วงเกินองครักษ์จิ่นหลินเพียงเพราะพวกเขาไม่อนุญาตให้พบ
แน่นอนว่าหากบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่วกล้าลงมือกับเถิงเอ๋อร์หรือซูเอ๋อร์ จวนสกุลหลินยอมตายเสียดีกว่าศิโรราบให้พวกเขา
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งสาวใช้ “เรียกคุณชายทั้งสองท่านมา”
สาวใช้รีบไปเชิญ
พี่น้องทั้งสองที่ได้ยินจู่ๆ ก็รู้สึกงงงัน
ระว่างทางที่ไปเรือนรับรอง หลินเถิงเตือนหลินซูด้วยสีหน้าจริงจัง “น้องรอง เจ้าไปแล้วจงพูดให้น้อย ทำตัวธรรมดาได้เท่าไรยิ่งดี”
หลินซูถอนหายใจ “พี่ใหญ่ พี่ควรเตือนข้าเร็วกว่านี้ ข้าจะได้อยู่สำนักศึกษาไม่กลับมา”
หลินเถิงรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เดิมทีข้าคิดว่าข้าคิดมากไปเอง คิดไม่ถึงว่าจะมาหาถึงที่จริงๆ ทั้งยังเจาะจงว่าจะพบเจ้าด้วย”
ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็นสตรี แม้ครานั้นเขาได้ยินแล้วจะเป็นกังวล แต่ในเมื่อยังไม่แน่ใจก็มิควรทำลายชื่อเสียงผู้อื่น
พี่น้องทั้งสองเดินเข้าไปในเรือนรับรอง
สายตาของลั่วเซิงหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มที่เดินช้ากว่าหลินเถิงเล็กน้อย
ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียว สง่างามดุจหยก มีเสน่ห์โดดเด่น ใบหน้ายังปรากฏเงาท่านหญิงอู่หยาง
ลั่วเซิงอดยิ้มอย่างจริงใจไม่ได้ สายตาปรากฏความปลื้มใจ
หลานชายโตแล้ว หน้าตาดีเช่นนี้
ที่ว่าดีนี้ ไม่ใช่ดีแค่หน้าตา
เหล่าพี่สาวของนางล้วนเป็นหญิงงาม พี่รองหน้าตาไม่เลว ลูกชายก็ย่อมไม่แย่ สิ่งที่หายากคือความมั่นใจและความสงบที่เผยให้เห็นจากการเคลื่อนไหวของซูเอ๋อร์
และการที่มีสภาพจิตใจเช่นนี้ เขาก็คงได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากจวนสกุลหลิน
ลั่วเซิงรู้ว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างอัตคัดในระยะยาวจะเป็นอย่างไร
ช่วงที่ให้โค่วเอ๋อร์สืบเรื่องหลานชายคนนี้ นางยังรู้เรื่องบางอย่างด้วย
หลังจากที่พี่รองจากไป พี่เขยทรุดลงหลายปี หมกมุ่นในสุราทั้งวัน ต่อมาเมื่อผู้อาวุโสหลินเห็นลูกชายไม่ได้เรื่องก็ยอมขายหน้าเอ่ยปากขอฮ่องเต้และข้าราชสำนัก ส่งลูกชายเข้าไปสอนหนังสือที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน เพื่อตนจะได้คอยจับตาดู
ส่วนหลินซูแม้จะเรียนหนังสืออยู่ที่สำนักศึกษาชิงหย่า ทั้งยังมีความสามารถ แต่กลับประกาศตนไว้แต่เนิ่นๆ ว่าจะไม่สอบขุนนาง
เรื่องนี้ทำให้ลั่วเซิงทั้งปลื้มใจและเศร้าใจ
สิ่งที่เศร้าใจคือเด็กที่ได้รับการศึกษาและอบรมอย่างดีแต่กลับไม่อาจสอบเคอจวี่ได้เกรงว่าจะเป็นความเสียใจไปชั่วชีวิต สิ่งที่ปลื้มใจคือจวนสกุลหลินถือว่าเป็นคนฉลาด
มารดาของหลินซูคือท่านหญิงอู่หยาง ครอบครัวพ่อแม่ถูกกวาดล้างเพราะข้อหากบฏ แม้จะบอกว่าโทษทัณฑ์ไม่ส่งผลต่อสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ข้องเกี่ยว
หากโทษทัณฑ์ไม่มีผลกับสตรีที่ออกเรือนไปแล้วจริงๆ พี่ใหญ่และพี่รองจะตายไปได้อย่างไร
การมีจวนตายายเช่นนี้ หลินซูเข้ารับราชการจะมีแต่ทุกข์มากกว่าสุข สู้เป็นคุณชายสูงศักดิ์อิสระและสุขสบายดีกว่า
ลั่วเซิงมองหลินซูเป็นเวลานาน นานจนแม้หลินซูจะจำคำเตือนของพี่ชายได้ว่าให้ทำตัวเป็นหุ่นไม้ เขาก็อดมองไปไม่ได้อยู่ดี
จากนั้นเขาก็เห็นสายตาเปี่ยมเมตตาและปลาบปลื้มของหญิงสาว
หลินซูชะงักงัน
เป็นเพราะเอาแต่อ่านหนังสือในสำนักศึกษามากเกินไปจนสมองทื่อไปแล้วหรือ เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าสายตาที่หญิงสาวคนนี้มองเขาไม่ได้ต่างจากท่านย่าและท่านป้าเลยนะ
ดูอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่สายตาที่จะฉุดเขาไปเป็นนายบำเรอเลย
แม้สายตาเช่นนี้จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมาก แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่ดี และประหลาดใจด้วย…
หลินซูครุ่นคิดเช่นนี้ จู่ๆ ก็ลืมเก็บสายตากลับมา
ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินใหญ่เห็นหลินซูผิดปกติก็โมโหจนเกือบจะหงายหลัง
เจ้าเด็กโง่คนนี้กำลังทำอะไรกันน่ะ!
หลินเถิงเดินขึ้นไปบดบังสายตาที่สบกันของทั้งสองไว้ พูดเสียงดังชัดเจนว่า “คารวะท่านย่าท่านแม่ขอรับ”
จากนั้นก็กำหมัดประสานมือคารวะแม่ทัพใหญ่ลั่ว
แม่ทัพใหญ่ลั่วอมยิ้มตอบ เห็นพี่น้องที่โดดเด่นทั้งสองก็รู้สึกสะท้อนใจ
ชายหนุ่มทั้งสองคนใช้ได้เลย บุตรสาวไม่คิดจะแต่งงานอย่างจริงจังจริงๆ หรือ
ทำงานอยู่ในหน่วยงานราชการมาเป็นเวลานาน ทั้งยังเป็นขุนนางใกล้ชิดของฮ่องเต้ การหาเรื่องพูดคุยกับหนุ่มสาวไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพียงแต่ว่าเขาค่อยๆ พบว่าคุณชายรองหลินไม่ชอบพูดมากกว่าพี่ชายผู้มีสีหน้าจริงจังเสียอีก
ลั่วเซิงเองก็ประหลาดใจ
ดูจากลักษณะภายนอกของหลานชายแล้วน่าจะเป็นคนที่ร่าเริงและอิสระ เหตุใดจึงเงียบเช่นนี้นะ
คงไม่ใช่เพราะนางเห็นเพียงเปลือกนอก คิดว่าหลานชายมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในจวนสกุลหลินจึงมองโลกในแง่ดีเกินไปหรอกนะ
ในเมื่อเช่นนี้ ทดลองดูดีกว่า
“ฮูหยินผู้เฒ่า”
ทันทีที่ลั่วเซิงปริปากก็เรียกความสนใจของทุกคนมาทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าหนังตากระตุก ถามอมยิ้มว่า “คุณหนูลั่วมีอะไรหรือ”
“ได้ยินมาว่าจวนท่านมีหินไท่ซานที่มหัศจรรย์ยิ่ง ข้าอยากลองไปดูเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าให้คุณชายท่านหนึ่งนำทางไปได้หรือไม่เจ้าคะ”
ไม่รู้ว่าจวนสกุลหลินจะเสียสละคนไหน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงเสเพลอย่างนางที่เห็นผู้ชายงดงามเข้าหน่อยก็อยากจะเกี้ยวพาราสีเช่นนี้