ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 9 ความบังเอิญ
ตอนที่ 9 ความบังเอิญ
หลังจากเซิ่งจยาอวี้และเซิ่งจยาหลานเดินจากไป พุ่มดอกไม้ก็สั่นไหวอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้นและเดินออกจากพุ่มดอกไม้
“น้องลั่วนี่น่ากลัวมากจริงๆ ด้วย!” คุณชายสามเซิ่งที่ได้ยินบทสนทนาของลั่วเซิงสองนายบ่าวก็ถึงกับลูบหน้าพลางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เขาอารมณ์ไม่ดี ดื่มสุราหนึ่งกาย้อมใจตั้งแต่เช้าและล้มลงไปท่ามกลางพุ่มดอกไม้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาดังมาจากทางทะเลสาบ
เดิมทีเขาอยากลุกขึ้นกล่าวทักทายตามมารยาท…คุณชายสามเซิ่งกลับส่ายศีรษะ ปัดเศษดอกไม้ใบหญ้าและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากลั่วเซิงกลับเรือน หงโต้วเอ่ยถามอย่างลังเล “คุณหนู พวกเราพูดจากันเช่นนั้นจะล่องูออกจากถ้ำได้จริงหรือเจ้าคะ”
ลั่วเซิงมองยังต้นกล้วยนอกหน้าต่างด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ต้องลองดูถึงจะรู้”
นางไม่อาจรับประกันได้ว่าคนอื่นจะทำตามความปรารถนาของนาง แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นงูพิษที่เคยกัดคนมาก่อน หากโอกาสมาถึง คงลงมืออีกครั้งแน่นอน
หงโต้วเอียงศีรษะมองลั่วเซิงด้วยความงุนงงอย่างยิ่ง “เหตุใดถึงต้องลำบากเช่นนี้ด้วย หากเป็นเมื่อก่อน คุณหนูคงไม่ทำเช่นนี้”
ลั่วเซิงเบนสายตาจ้องหงโต้วแล้วโค้งริมฝีปากยิ้ม “อ้อ เมื่อก่อนข้าเป็นอย่างไรหรือ”
นางมีรูปลักษณ์สดใสสวยงาม รอยยิ้มแจ่มใส แต่บัดนี้ดวงตากลับลุ่มลึกไร้ซึ่งอารมณ์จึงทำให้รู้สึกเย็นชาขึ้นมาก
หงโต้วรู้สึกปวดใจโดยไม่รู้ตัว
นางพลันนึกถึงอดีตที่คุณหนูของพวกนางจองหองอวดดีเพียงใด แต่หลังจากลงไปเที่ยวประตูนรกและดื่มน้ำเบญจรสกลับมาก็เริ่มระมัดระวังตัว
หงโต้วตัดสินใจที่จะให้กำลังใจคุณหนูของตนจึงโบกมือตอบว่า “เมื่อก่อนไม่แม้แต่จะคิด หากรู้ว่าคุณหนูรองไม่ใช่คนดีอะไรก็จะจับนางแก้ผ้า ตบสั่งสอนแล้วโยนทิ้งกลางถนน”
ลั่วเซิงตาลุกแวว “ข้าเคยทำเช่นนี้ด้วยหรือ”
“ก็ประมาณนี้แหละเจ้าค่ะ” หงโต้วตอบอย่างคลุมเครือ
“ลงรายละเอียดหน่อย”
หงโต้วกัดริมฝีปาก “บ่าวกลัวว่าพอเล่าแล้วจะทำให้ท่านโกรธ ก็เหมือนครั้งนั้น มีนังแพศยาแอบส่งสายตาให้กับคุณชายซือ…”
ลั่วเซิงพูดแทรกหงโต้ว “คุณชายซือคือใครหรือ”
หงโต้วทำมือก่ายหน้าผาก ตอบด้วยความเจ็บปวดใจ “คุณหนูลืมแม้กระทั่งคุณชายซือหรือนี่ คุณชายซือคือบุรุษรูปงามที่ท่านฉุดกลับมาระหว่างเดินเที่ยวตลาดอย่างไรเจ้าคะ”
ลั่วเซิงที่ดูสงบนิ่ง ยามนี้ใบหน้ากลับบิดเบี้ยว
บุรุษรูปงามรึ?
ฟังเรื่องราวในอดีตของคุณหนูลั่วแล้ว เหตุใดนางถึงรู้สึกว่านางในฐานะท่านหญิงดูเปล่าประโยชน์เสียเหลือเกิน
“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องเหล่านี้แล้ว เจ้าลองไปดูสองสาวใช้ที่ให้ไปสืบข้อมูลว่ากลับมาแล้วหรือไม่” ลั่วเซิงรู้สึกว่าตนต้องพักหายใจชั่วครู่
หงโต้วยกจานผลไม้แช่อิ่มวางไว้ด้านหน้าของลั่วเซิงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูกินผลไม้แช่อิ่มสักหน่อยจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น บ่าวจะไปดูประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
สาวใช้หันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ลั่วเซิงนั่งเหม่อลอยและหยิบผลไม้แช่อิ่มใส่ปากกิน
บ๊วยที่หวานอมเปรี้ยว ไม่ค่อยถูกปากลั่วเซิงสักเท่าใด
นางจ้องมองบ๊วยบนปลายนิ้ว แต่ความคิดยิ่งหลุดลอยไปไกล
ครั้งหนึ่งนางเคยแกะสลักบ๊วยสีเขียวเป็นรูปทรงดอกไม้และทำเป็นผลไม้แช่อิ่มเพื่อให้ท่านแม่ของนางมีความสุข ยามนี้ติดอยู่ที่เมืองจินซาและกลายเป็นคุณหนูลั่ว ไม่รู้ว่าท่านพ่อ ท่านแม่และญาติมิตรเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากกล่าวเป็นนัยกับหงโต้วแล้ว ลั่วเซิงก็ไม่กล้าเอ่ยถึงจวนเจิ้นหนานอ๋องอีกเลย
หงโต้วไม่รู้เรื่องจวนเจิ้นหนานอ๋องเลย รวมถึงค่ำคืนนั้นที่นางเห็นทหารปิดล้อมจวนอ๋องหลายชั้นอย่างแน่นหนา นางจึงพอคาดเดาชะตากรรมคนในครอบครัวของนางออก
แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ นางอยากกลับไปดูด้วยตัวเอง!
ปลายนิ้วของลั่วเซิงเย็นเยือกขึ้นมา ทำให้บ๊วยหล่นกลับเข้าไปในจาน
หงโต้วเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ด้านหลังตามมาด้วยสาวใช้สองคน
เมื่อสองสาวใช้มองเห็นลั่วเซิงจึงรีบโค้งคำนับ หากเทียบกับความหวาดผวาของเมื่อวาน วันนี้กลับมีความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นมา
เงินเป็นใบเบิกทาง ส่วนใหญ่แล้วมักได้ผล
“เล่ามา” ลั่วเซิงเอ่ยตรงประเด็น
สาวใช้คนหนึ่งรีบตอบ “รายงานคุณหนู บ่าวไปสืบจนได้ความว่าแม่นางเฉียนคือลูกสาวของบัณฑิตเฉียน ปีที่แล้ว บัณฑิตเฉียนให้ลูกสาวหมั้นหมายกับลูกศิษย์ของตน แต่ที่ไหนได้แม่นางเฉียนกลับตกหลุมรักคุณชายรองสกุลซู ให้ตายก็ไม่ยอมแต่งงาน เมื่อเห็นว่าใกล้จะต้องออกเรือนแล้วและไม่อาจขัดคำสั่งของพ่อแม่ได้จึงแขวนคอตายเจ้าค่ะ”
สาวใช้อีกคนกลัวว่าเพื่อนจะแย่งความดีความชอบไปจึงพูดแทรก “บ่าวไหว้วานพี่ชายให้ไปตามสืบ นอกจากเรื่องที่ชิงหงเล่าและคนข้างนอกต่างทราบกันดีแล้ว พี่ชายของบ่าวสืบข้อมูลมาได้เรื่องหนึ่ง”
ลั่วเซิงมองไปยังสาวใช้ตัวน้อยที่เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ
สาวใช้ไม่กล้าเล่นแง่จึงรีบเล่าต่อ “พี่ชายของบ่าวทราบข่าวมาจากปากของคนรถสกุลเฉียน เล่าว่าระหว่างทางแม่นางเฉียนได้พบกับคุณชายรองสกุลซูโดยบังเอิญ ความรักพรั่งพรู ติดตามคุณชายรองสกุลซูตลอดทางจนถึงหน้าจวนสกุลซูถึงจากไป”
พอเล่าถึงตรงนี้ สาวใช้ก็ป้องปากยิ้ม “แม้ว่าจะมีหญิงสาวชาวเมืองจินซาแอบหลงรักคุณชายรองสกุลซูจำนวนมาก แต่คนที่มีความกล้าอย่างแม่นางเฉียนที่วิ่งตามบุรุษอย่างโจ่งแจ้งนั้นกลับนับคนได้”
สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างดึงนางอย่างแรง “หันชุ่ย!”
ทันใดนั้น สาวใช้ที่ชื่อหันชุ่ยก็รู้สึกตัว คุณหนูหลานนอกตรงหน้าทำเรื่องที่ชวนให้ตกตะลึงจนอ้าปากค้างมากกว่าแม่นางเฉียนเสียอีก
แย่แล้ว จู่ๆ ลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร!
สาวใช้ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด มองหน้าลั่วเซิงด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
ลั่วเซิงยังคงดูสงบนิ่งและสั่งหงโต้วว่า “มอบเงินสองตำลึงให้หันชุ่ย”
หงโต้ปฏิบัติติตามคำสั่ง
สีหน้าของหันชุ่ยดูดีขึ้นหลังจากได้รับเงินรางวัล
ชิงหงจดจ้องเงินในมือของหันชุ่ยด้วยความอิจฉา
เงินสองตำลึง ใช้จ่ายได้หลายเดือนเลย
“ไปเอามาเพิ่มหนึ่งตำลึงมอบให้ชิงหง” หลังจากลั่วเซิงสั่งเสร็จจึงส่งสัญญาณให้สาวใช้ทั้งสองถอยออกไป
หันชุ่ยบีบเงินในมือแน่นพลางเอ่ยด้วยความไม่เชื่อ “ได้เงินสี่ตำลึงง่ายดายเช่นนี้เลยหรือ”
เมื่อวานสองตำลึง วันนี้สองตำลึง รวมแล้วมากกว่าเงินเดือนครึ่งปีเสียอีก
นี่เป็นเงินส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องส่งมอบให้กับพ่อแม่
ชิงหงทำมือเท้าคางและหันมองตรงประตูแล้วบ่นพึมพำ “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าคุณหนูหลานนอกก็ไม่ได้…แย่ขนาดนั้น”
หันชุ่ยถ่มน้ำลาย “ให้เงินก็เป็นคนดีแล้วหรือ”
ชิงหงเก็บเงินอย่างระมัดระวังพลางกลอกตาใส่ “เจ้านายที่ให้เงินไม่ดี หรือว่าเจ้านายที่ทุบตีถึงว่าดีเล่า อีกอย่าง นี่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงิน…”
เหตุใดนางถึงรู้สึกเช่นนี้ นางเองก็บอกไม่ถูก
ภายในห้อง หงโต้วไม่ได้รู้สึกปวดใจกับเงินที่จ่ายออกไป แต่กลับทอดถอนใจแทน “คุณหนูรอบคอบกว่าเมื่อก่อนมาก”
ลั่วเซิงคิ้วขมวด
ตบรางวัลให้กับสาวใช้เจ็ดแปดตำลึงโดยไม่ตั้งใจเรียกว่ารอบคอบแล้วอย่างนั้นหรือ
หงโต้วรีบปลอบนาง “คุณหนูลืมไปแล้วใช่หรือไม่ พวกเราไม่มีอะไรเลย นอกจากมีเงิน”
ก่อนที่แม่ทัพใหญ่ส่งคุณหนูมาก็ได้ให้เงินไว้จำนวนมาก เสียดายที่เหล่าเพื่อนเดินตลาดที่ติดตามคุณหนู นอกจากนางแล้วก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามมาด้วย
นึกถึงสาวใช้อีกคนที่ชื่อโค่วเอ๋อร์ที่ร้องไห้จนดวงตาแทบบอดก่อนพวกนางจากมา หงโต้วก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง
ลั่วเซิงไม่สนใจว่าคุณหนูลั่วมีเงินเท่าใดจึงโบกมือให้หงโต้วถอยออกไป
เสียงปิดประตูดังอย่างแผ่วเบาและได้ยินชัดเจนเป็นพิเศษหลังจากอยู่ในห้องเพียงลำพัง
ลั่วเซิงนั่งอยู่ข้างโต๊ะสี่เหลี่ยมอย่างครุ่นคิด
คุณหนูลั่ว ‘แขวนคอตาย’ เพราะคุณชายรองสกุลซู แม่นางเฉียนก็แขวนคอตายเพราะคุณชายรองสกุลซูเช่นกัน
ความบังเอิญเช่นนี้ช่างชวนตะลึงจริงเชียว
นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จุ่มนิ้วลงไปในถ้วยน้ำชาแล้วเขียนตัวอักษรสองตัวลงบนโต๊ะ
อักษรสองตัวนั้นก็คือซูเย่า