ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 90 อย่าแย่งกัน
ตอนที่ 90 อย่าแย่งกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าหลินยิ้มค้าง นางมองไปที่หลินเถิงและหลินซูอย่างรวดเร็ว
หลานชายทั้งสองยืนข้างกัน โดดเด่นไม่แพ้กัน
สวรรค์เอ๋ย หลายชายที่ดีเช่นนี้ล้วนเป็นหลานหัวแก้วหัวแหวนของนาง จะเสียสละคนไหนก็ทำให้หัวใจนางแตกสลาย!
ฮูหยินใหญ่สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ต่อหน้าดวงตาดำขลับของหญิงสาว นางเอ่ยปากข่มความเจ็บปวดไว้ “ให้เถิงเอ๋อร์พาคุณหนูลั่วไป…”
หลินเถิงเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน “ข้าพาคุณหนูลั่วไปเองขอรับ”
ฮูหยินใหญ่มองบุตรชายที่อาสาตนเอง รู้สึกทั้งชื่นใจและเสียใจ
หากต้องเสียสละคนใดคนหนึ่งจริงๆ ก็คงทำได้เพียงลำบากเถิงเอ๋อร์แล้ว
ซูเอ๋อร์ต่างจากเถิงเอ๋อร์
ซูเอ๋อร์ไร้มารดาแต่เล็ก ซ้ำร้ายยังต้องละทิ้งการสอบขุนนางเพราะเรื่องของท่านตาท่านยายทั้งๆ ที่มากไปด้วยความสามารถ แค่นี้ก็น่าสงสารพออยู่แล้ว
อีกอย่างช่วงสองสามปีนี้น้องสามีก็เพิ่งมีอาการดีขึ้น หากเกิดอะไรกับบุตรชาย เขารับไม่ไหวจะทำอย่างไร
หากเป็นเช่นนั้น บ้านรองของจวนสกุลหลินคงพังทำลาย
อย่างน้อยเถิงเอ๋อร์ยังมีนางและนายท่านคอยรัก…
ฮูหยินใหญ่กำลังปวดใจ หลินซูที่ยืนเป็นหุ่นไม้มาตลอดก็เอ่ยขึ้นว่า “ให้ข้าพาคุณหนูลั่วไปเถอะขอรับ ตัวอักษรบนหินเขาอายุวัฒนะนั่นข้าเป็นคนคิด จะได้อธิบายให้คุณหนูลั่วฟังได้”
หลินเถิงกดไหล่หลินซูไว้ น้ำเสียงแข็งกระด้าง “ตอนที่ขนหินเขาอายุวัฒนะมาตั้งในสวนข้าเป็นคนช่วยประคอง ให้ข้าพาคุณหนูลั่วไปเองดีกว่า”
แม่ทัพใหญ่ลั่วดื่มชาแก้เขิน
คิดว่าเขาไม่ต้องการศักดิ์ศรีหรืออย่างไร ชายหนุ่มสองคนนี้มีท่าทีเหมือนกำลังสละชีวิตเพื่อผดุงคุณธรรมอย่างไรอย่างนั้น
ลั่วเซิงมองทั้งสองยื้อแย่งกันเงียบๆ ก็เอ่ยเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่อคุณชายทั้งสองอยากพาข้าไป เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ ไม่ต้องแย่งกันหรอกเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลิน “…”
ฮูหยินใหญ่หลิน “…”
หลินเถิงและหลินซู “…”
น้ำชาเกือบจะพุ่งออกมาจากปากแม่ทัพใหญ่ลั่ว
จู่ๆ ก็นึกเสียใจที่เซิงเอ๋อร์เป็นบุตรสาว หากเป็นบุตรชาย ต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อองครักษ์จิ่นหลินแน่นอน
หลินเถิงและหลินซูอ้ำอึ้งก่อนจะพยักหน้าตกลง
ฮูหยินผู้เฒ่าจับหัวใจตนเองมองหลานสองคนเดินออกจากเรือนรับรองไปพร้อมลั่วเซิงตาปริบๆ
นี่เราพ่ายแพ้ยับเยินแล้วหรือ
ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะร้อนใจจนเป็นอะไรไปจึงส่งสายตาปลอบประโลมให้
อันที่จริงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เถิงเอ๋อร์และซูเอ๋อร์อยู่ด้วยกัน แม่นางน้อยคนหนึ่งคงทำอะไรไม่ได้
ทว่าเมื่อนึกถึงไคหยางอ๋องที่เคยถูกปลดเข็มขัดกลางถนนใหญ่ ความมั่นใจที่ฮูหยินใหญ่พยายามเรียกกลับคืนมาก็ร่วงลงไปอีกครั้ง
จู่ๆ บรรยากาศในเรือนรับรองก็ทำให้หายใจไม่ออก
แม่ทัพใหญ่ลั่ววางจอกชาลงอย่างเกรงอกเกรงใจ เค้นสมองคิดว่าจะทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอย่างไร
ช่วยไม่ได้ บุตรสาวล่วงเกินไปจริงๆ เลือกคนหนึ่งยังไม่พอหรือ!
ผู้เป็นพ่อได้แต่ยิ้มแห้ง
บรรยากาศชวนอึดอัดยิ่งกว่าเดิม
แม่ทัพใหญ่ลั่วทำตัวเกรงใจเช่นนี้ จบกันๆ ฝ่ายตรงข้ามมาหาด้วยจุดประสงค์อื่นจริงๆ ด้วย!
ลั่วเซิงเดินข้างกายหลินซู สายตาไม่ละจากเขาเลย
อะไรนะ มองคนอื่นแบบนี้ไม่เหมาะสมหรือ
นางคือคุณหนูลั่ว ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องความเหมาะสม
พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว พี่ๆ ก็ไม่อยู่แล้ว หลานชายจากเด็กน้อยเติบใหญ่เป็นชายหนุ่มงดงามเช่นนี้ แน่นอนว่าดูอย่างไรก็ดูไม่พอ
หลินเถิงหน้านิ่ง ในใจระวังอย่างยิ่ง
เขากังวลถูกแล้วจริงๆ คุณหนูลั่วมาหาน้องรองจริงๆ ด้วย
ระหว่างทางที่มาเรือนรับรองเขาได้ถามน้องรองแล้ว น้องรองไม่เคยเจอคุณหนูลั่วด้วยซ้ำ
หรือว่าสตรีชื่นชมผู้ชายที่มีความสามารถเป็นพิเศษนะ แค่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามก็ชอบพอ?
หลินเถิงมองน้องชายที่ดูทรงภูมิ จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
เขาอยากจะปกป้องน้องชายไว้เสียหน่อย ไม่คิดว่านางจะไม่สนใจ
“คุณชายรอง สำนักศึกษายุ่งหรือไม่เจ้าคะ”
พี่น้องทั้งสองชะงักฝีเท้าอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ไม่ค่อยยุ่งขอรับ” ต่อหน้าหญิงสาวอ่อนโยนแต่กลับมีสถานะมิอาจทำให้เดือดร้อนได้ หลินซูไม่ตอบไม่ได้
หญิงสาวโค้งปากยิ้ม “ไม่ยุ่งก็ดี คุณชายยังอยู่ในวัยกำลังโต ต้องกินให้ดีนอนให้เต็มอิ่มถึงจะดี”
หลินซูมุมปากกระตุก เกือบจะรักษาภาพพจน์คุณชายไว้ไม่ได้
‘อยู่ในวัยกำลังโต’ หมายความว่าอย่างไรกัน แม้จะไม่ผิด แต่เมื่อพูดออกมาจากปากของหญิงสาวที่ทั้งๆ ที่เด็กกว่าเขา มันไม่น่าแปลกไปหน่อยหรือ
สองปีมานี้แม้แต่ท่านป้าก็ไม่พูดคำพูดเหล่านี้แล้ว อย่างมากที่สุดก็แค่ได้ยินจากปากของท่านย่าเป็นครั้งคราว
“ข้าทำอาหารเก่ง วันข้างหน้าหากมีโอกาสเชิญคุณชายทั้งสองมาชิมนะเจ้าคะ”
หลินซูสะดุ้งตกใจ
นี่สิถึงจะเหมือนคำพูดของเด็กสาวที่ชมชอบเขาพูด
ครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลินซูก็ปฏิเสธ “เกรงว่าจะไม่สะดวก เราไม่ใช่ญาติไม่ใช่สหาย คงดูไม่ดีหากจะไปจวนคุณหนู”
ลั่วเซิงไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขานัก นางพูดต่อไปว่า “ไม่ต้องไปจวนข้า กลับไปข้าจะเปิดหอสุราแห่งหนึ่งไว้”
ใช้หอสุราเป็นเหยื่อล่อ คงจะตกปลาตัวใหญ่ได้หลายตัว
หลินเถิงที่อยู่ข้างๆ และถูกเมินเฉยกระแอมเบาๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่แท้ๆ จะเปิดหอสุราหรือ
คุณหนูลั่วทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้น้องรองของเขาจริงๆ!
ลั่วเซิงมองมา เก็บสายตาแสดงความเมตตากลับไปกลายเป็นสายตาเรียบเฉย “หากคุณชายใหญ่หลินมีเวลา ถึงครานั้นก็เรียนเชิญเช่นกันเจ้าค่ะ”
หลินเถิงขยับคิ้วเล็กน้อย
ความรู้สึกถูกบังคับให้พาเขาไปด้วยทำให้เขาไม่พอใจจริงๆ คุณหนูลั่วพูดให้เย็นชากว่านี้ได้อีกหรือไม่
“หากคุณหนูลั่วเปิดหอสุรา มีเวลาจะไป”
ลั่วเซิงเบนความสนใจไปที่หลินซูอย่างรวดเร็ว “คุณชายรองเล่า”
หลินซู “…”
สายตาแสดงความเมตตาเหมือนกับท่านย่าเมื่อครู่นี้ เขาคงตาฝาดไปแน่ๆ!
“ข้ายุ่งกับการร่ำเรียน เกรงว่าจะไม่มีเวลา…”
“มีบริการส่งอาหารเจ้าค่ะ” คำพูดเพียงประโยคเดียวของลั่วเซิงปิดกั้นการปฏิเสธของหลินซู นางเลิกคิ้วเล็กน้อย “เมื่อครู่นี้เหมือนกับว่าคุณชายรองจะบอกว่าสำนักศึกษาไม่ค่อยยุ่งนี่เจ้าคะ”
หลินซูพูดไม่ออก มองไปที่พี่ชายด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
ปกติแล้วเขาก็เคยเจอแม่นางที่สนใจเขา บางคนถึงกระทั่งมอบสิ่งของเช่นผ้าพันคอและดอกไม้ให้เขาอย่างกล้าหาญ ทว่าสตรีที่หลังจากทำเช่นนี้แล้วจะยิ้มอย่างเขินอายและหันหลังวิ่งออกไป
การต้องรับมือกับสตรีที่กัดไม่ปล่อยอย่างคุณหนูลั่ว เขาไม่มีประสบการณ์เลยจริงๆ!
หลินเถิงเดินเข้าไประหว่างพวกเขาสองคน พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หากมีเวลาข้าจะพาน้องรองไปด้วยกันเอง”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณชายทั้งสองที่มาเป็นหน้าม้าให้”
“ใคร?” สายตาของหลินเถิงเฉียบแหลมมาก จู่ๆ ก็มองไปบริเวณหนึ่ง
สือเยี่ยนที่กำลังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ข้างกำแพงยื่นคอออกมาสืบสถานการณ์ของศัตรู เขากระโดดจากต้นไม้ไปบนกำแพงเหมือนกับลิงที่คล่องแคล่วตัวหนึ่ง จากนั้นก็หายไป
หลินเถิงรีบวิ่งไล่ตามไป เมื่อไปถึงเขาใช้กำลังกระโดดปีนตามขึ้นไป เมื่อกระโดดออกนอกกำแพง กลับไร้ร่องรอยของโจรผู้นั้นแล้ว
หลินเถิงสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง
กลางวันแสกๆ กลับมีโจรลักลอบเข้ามาในจวน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก
หลังจากโมโห หลินเถิงหน้าเปลี่ยนสี
แย่แล้ว ทิ้งน้องรองไว้คนเดียว!
ลั่วเซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หินไท่ซานรูปร่างประหลาดและมหัศจรรย์ก้อนหนึ่งก็เลิกคิ้วมองกิ่งไม้ที่สั่นไหว
เอ๋ นั่นไม่ใช่องค์รักษ์ใกล้ชิดของจวนไคหยางอ๋องหรือ
แม้จะเห็นเพียงแวบๆ แต่ความสามารถในการจดจำคนของนางนั้นไม่ธรรมดา
เมื่อคิดถึงพี่น้องสกุลสือที่มีนิสัยต่างกันสิ้นเชิง ลั่วเซิงตัดสินได้ว่าน่าจะเป็นคนพี่สือเยี่ยน
องครักษ์ประจำตัวของไคหยางอ๋องเข้ามาจวนสกุลหลินเหมือนขโมย มีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ไคหยางอ๋องคงอับอายแย่
ลั่วเซิงถือผ้าเช็ดหน้ายิ้ม
เช่นนี้แล้วเหมือนกับว่านางจะจับจุดอ่อนของไคหยางอ๋องได้อีกหนึ่งข้อ