ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 97 กระสายยาหายาก
ตอนที่ 97 กระสายยาหายาก
ไคหยางอ๋องป่วยหรือไม่นั้น อันที่จริงลั่วเซิงไม่สนใจ
นางแค่ครุ่นคิดโดยสัญชาติญาณและพูดกับหมอเทวดาหลี่ว่า “ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่าไคหยางอ๋องขอให้ท่านช่วยรักษาผู้อื่น หรือรักษาตัวเขาเอง”
“เหตุใดแม่นางน้อยถึงช่วยเขา” หมอเทวดาหลี่ถือโอกาสถาม
ลั่วเซิงหน้าผ่อนคลาย อมยิ้มพูดว่า “หมอเทวดาอยากรู้หรือเจ้าคะ”
หมอเทวดาหลี่หนังตากระตุก
เมื่อครู่นี้เขาถามเรื่องยา นังหนูน้อยคนนี้ก็ถามเช่นนี้แล้วเจรจาเงื่อนไขกับเขา
เขายังจะยอมอีกครั้งเพราะอยากรู้เรื่องระหว่างนังหนูคนนี้กับไคหยางอ๋องอีกหรือ
เขาไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็นเรื่องผู้อื่นเสียหน่อย!
หมอเทวดาหลี่สีหน้าจริงจัง “ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้น ในเมื่อเช่นนี้ ข้าจะไปจวนไคหยางอ๋องเดี๋ยวนี้ เมื่อเสร็จสิ้นธุระไคหยางอ๋องแล้ว…”
“ข้าจะบอกท่านถึงที่มาของยาตัวนี้” ลั่วเซิงพูดอย่างสงบพลางยื่นจอกชาจอกหนึ่งไปให้
เดิมหมอเทวดาหลี่จะลุกจากไปแล้ว แต่ทันทีที่เห็นชาดอกกุหลาบก็รับมาดื่มก่อนจะสะบัดแขนเสื้อจากไป
เมื่อได้ยินว่าหมอเทวดาหลี่จากไปแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็รีบมาถามลั่วเซิง
“เซิงเอ๋อร์ หมอเทวดามาหาเจ้ามีธุระอะไรหรือ”
ลั่วเซิงให้เหตุผลโดยไม่ต้องคิด “หมอเทวดากลับมาเยี่ยม ถามข้าเรื่องสุขภาพของท่านพ่อเจ้าค่ะ”
นางบอกซือหนานได้ว่านางคือท่านหญิงชิงหยาง เมื่อถึงเวลานางก็จะบอกซิ่วเย่ว์เช่นกัน รวมถึงหมอเทวดาหลี่ แต่นางจะต้องไม่เปิดเผยสิ่งใดต่อหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่วเด็ดขาด
บุตรสาวที่ถูกเขาตามใจจนไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำคือคุณหนูลั่ว บุตรสาวอันเป็นที่รักของเขา ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนไร้ญาติขาดมิตร
แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “หมอเทวดาอยากรู้เรื่องสุขภาพข้า เหตุใดจึงไม่หาข้าโดยตรงเล่า”
เขาต่างหากคือคนป่วย เซิงเอ๋อร์โกหกเขาชัดๆ
“คงเป็นเพราะไม่อยากเจอท่านพ่อกระมัง”
แม่ทัพใหญ่ลั่วหยุดหายใจ ขณะที่รู้สึกขายหน้าก็เริ่มเชื่อ
หมอเทวดาคาดเดามิได้ ไม่แน่ว่าเป็นเพราะไม่อยากเจอเขาจึงมาหาบุตรสาวจริงๆ เล่า
ถึงอย่างไรด้วยวิชาการแพทย์อันยอดเยี่ยมของหมอเทวดา การถามเรื่องการฟื้นตัวของผู้ป่วยจากคนข้างกายก็ย่อมทำได้
“เหตุใดหมอเทวดาจึงไม่ชอบท่านพ่อหรือเจ้าคะ” ลั่วเซิงถาม
สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแม่ทัพใหญ่ลั่วปรากฏและหายไปอย่างรวดเร็ว เขาฝืนพูดว่า “หมอเทวดาไม่ได้ไม่ชอบพ่อ แค่ไม่อยากยุ่งกับองครักษ์จิ่นหลินน่ะ”
เหตุผลที่หมอเทวดาไม่พอใจเขา เขารู้ดีแก่ใจ
หมอเทวดาและเจิ้นหนานอ๋องเป็นสหายต่างวัย เขาเคยอาศัยในจวนเจิ้นหนานอ๋องเป็นระยะเวลาสั้นๆ หมอเทวดาหลี่โกรธเขาที่นำทัพสังหารครอบครัวเจิ้นหนานอ๋อง…
เรื่องในอดีตเหล่านี้ย่อมไม่จำเป็นต้องเล่าให้เซิงเอ๋อร์ที่เป็นเด็กสาวคนหนึ่งฟัง
แม่ทัพใหญ่ลั่วกลัวว่าลั่วเซิงจะซักไซ้จึงรีบหาข้ออ้างเดินจากไป
ลั่วเซิงยกจอกชาขึ้นจิบคำหนึ่ง
การถามให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อยากตอบเป็นวิธีการหยุดยั้งผู้อื่นให้สืบเสาะค้นหาอย่างไม่ยอมเลิกราได้
หลังจากหมอเทวดาหลี่ออกจากจวนแม่ทัพใหญ่แล้วก็มุ่งตรงไปที่จวนไคหยางอ๋อง
ผู้คนที่อยู่ดูเรื่องชาวบ้านพากันกลับไปรายงานเจ้านายของตน
“อะไรนะ หมอเทวดาไปหาไคหยางอ๋องด้วยหรือ”
“แปลก หมอเทวดาไปจวนแม่ทัพใหญ่ก่อนแล้วค่อยไปจวนไคหยางอ๋องต่อ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีความเชื่อมโยงลับๆ ระหว่างกัน”
“หากจะพูดถึงความเชื่อมโยง ข้าคิดถึงเรื่องที่คุณหนูลั่วปลดเข็มขัดไคหยางอ๋อง…”
ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็คาดเดาไปต่างๆ นานาล้วนมีความเห็นแตกต่างกันไป ความอยากรู้อยากเห็นจะถูกไฟแห่งความสอดรู้เผาจนสุกแล้ว
สือเยี่ยนบุกเข้าไปในห้องหนังสืออีกครั้ง
“นายท่าน หมอเทวดามาแล้ว!”
เว่ยหานลุกขึ้น ก้าวเท้าเดินออกไป
“นายท่าน…”
เว่ยหานมองสือเยี่ยน
“ท่านว่าคุณหนูลั่วเป็นเทพหรือเปล่า”
เว่ยหานมองกลับมาแล้วเดินออกจากห้องหนังสือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
สือเยี่ยนตามข้างหลัง สับสนไปหมด
เขาพูดถูกนี่ เหตุใดนายท่านไม่มีการตอบสนองใดๆ เลยนะ
เว่ยหานพบหมอเทวดาหลี่ที่เรือนรับรองข้างหน้า
ทันทีที่หมอเทวดาหลี่เห็นเขาก็มองอย่างพินิจพิเคราะห์
ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอเทวดาหลี่ก็พูดว่า “ยื่นมือมา”
เว่ยหานลังเลเล็กน้อย
“ทำไมหรือ ท่านอ๋องไม่ได้ให้ข้ามารักษาท่านหรือ” น้ำเสียงหมอเทวดาหลี่ฟังดูไม่ค่อยดีนัก
เว่ยหานลังเลเพียงครู่เดียวก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ใช่”
“เช่นนั้นก็ยื่นมือท่านออกมา”
เว่ยหานยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว
หมอเทวดาหลี่แตะชีพจรที่ข้อมือ พูดว่า “อ้าปาก”
ครานี้เว่ยหานไม่ได้ลังเลอีก เขาทำตามโดยดี
หมอเทวดาหลี่มองดมและสัมผัสแล้วจึงนั่งลงถามว่า “อาการชาตามร่างกายเป็นบางครั้งของท่านอ๋อง คงเป็นมาครึ่งปีแล้วใช่หรือไม่”
“ใช่ เริ่มตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จู่ๆ ก็เป็นเช่นนี้” เว่ยหานตอบตามความจริง
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดเขาถึงขอกลับเมืองหลวงหลังจากขับไล่ชาวฉีไป
เขาถืออาวุธหนักในมือ เกียรติภูมิก้าวไกลในกองทหาร การขอกลับเมืองหลวง หนึ่งคือเพื่อให้เสด็จพี่เสด็จน้องสบายพระทัย เหตุผลที่สองก็คือเรื่องปัญหาร่างกาย
หมอเทวดาหลี่คิดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ข้าได้ยินว่าเมื่อต้นปีคุณหนูลั่วปลดเข็มขัดของท่านอ๋อง…”
ท่านอ๋องหนุ่มผู้สงบราวกับภูเขาเมื่อเผชิญกับพายุนองเลือด อดไม่ได้ที่จะกระตุกริมฝีปาก
หมอเทวดาขี้นินทาเช่นนี้เลยหรือ
เขาจำตอนที่พบกับคุณหนูลั่วครั้งแรกได้แม่น
เขาเดินบนถนนใหญ่เพื่อรื้อฟื้นทิวทัศน์เมืองหลวงที่ห่างหายไปนาน จู่ๆ สตรีนางหนึ่งก็วิ่งมาข้างหน้า
ครั้นเขากำลังจะหลบ จู่ๆ อาการชาก็กำเริบ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเขาได้แต่มองเข็มขัดถูกนางปลดลงมาอย่างไม่สามารถทำอะไรได้
ตั้งแต่ครานั้นมาเขาก็คิดเพียงอย่างเดียวว่า ต้องรักษาโรคนี้ให้หาย!
“เป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง” หมอเทวดาหลี่แสร้งทำเป็นไม่เห็นความกระอักกระอ่วนของชายหนุ่ม ยิ้มพูดจนจบ
ช่วยไม่ได้ เมื่อคิดถึงตนเองมารักษาเจ้าหมอนี่เพราะถูกบังคับเจรจาเงื่อนไขด้วยก็รู้สึกไม่พอใจ
อะไรนะ รังแกผิดคนหรือ ต้องไปหาคุณหนูลั่วที่เจรจาเงื่อนไขกับเขามากกว่า?
นังหนูนั่นฉลาดเป็นกรด ยังบงการเขาอยู่เลย เขาขอไม่รังแกก่อนแล้วกัน
“ได้โปรดหมอเทวดารักษา” เว่ยหานหลุบตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ
หมอเทวดาหลี่เงียบไปครู่หนึ่ง ลูบเคราพูดว่า “โรคของท่านอ๋องหากอยากจะรักษาให้หาย จะบอกว่าง่ายก็ไม่ง่าย ยากก็ไม่ยาก”
“หมอเทวดาโปรดชี้แนะ” เว่ยหานเตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้แล้ว
ตอนที่ร่างกายเริ่มผิดปกติเขาเคยเชิญหมอที่น่าเชื่อถือที่สุดของทางเหนือมาตรวจ อีกฝ่ายไม่สามารถวินิจฉัยสิ่งผิดปกติได้ด้วยซ้ำ หมอท่านนั้นจึงทำได้เพียงแนะนำให้เขากลับไปเมืองหลวงเพื่อไปหาหมอหลวงที่สามารถรักษาเขาได้
แต่เขาไม่อยากรบกวนหมอหลวงเหล่านั้น
ทว่าทันทีที่หมอเทวดาหลี่มาถึงก็วินิจฉัยโรคของเขาได้ทันที สมคำร่ำลือจริงๆ
“ที่บอกว่าไม่ยาก เพราะมีข้าเป็นคนรักษา การผสมยา ฝังเข็มย่อมไม่ใช่ปัญหา”
เว่ยหานนั่งฟังเงียบๆ รู้ว่าสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญ
“ที่บอกว่าไม่ง่าย เพราะมีกระสายยาหนึ่งในนั้นหายาก”
“ขอทราบได้หรือไม่ว่าคือกระสายยาอะไร”
“ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่านกหลวงคือนกชนิดใด”
“หงสา?” เว่ยหานนึกถึงนกหงสาสีสันสดใสที่อยู่เคียงข้างฮ่อองเต้เป็นอย่างแรก
“ผิด”
“หงส์แดง?”
“ผิด”
“นกชิงหลวน?”
“ผิด!”
เว่ยหานเงียบ
นอกจากสามอย่างนี้แล้ว เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่ายังมีนกอะไรที่ถูกขนามนามว่าเป็นนกหลวงได้อีก
หมอเทวดาส่ายศีรษะไม่หยุด ถามด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า “ท่านอ๋องคิดว่าจะหาหงสา หงส์แดงหรือนกชิงหลวนได้หรือ”
เว่ยหานเงียบพลางพูดว่า “ไม่ได้”
นกในเทพนิยายสามประเภทนี้มีอยู่ในตำนานเท่านั้น ผู้ใดเคยเจอเล่า
“นกในเทพนิยายที่หาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระสายยาเล่า นกหลวงคือห่าน ห่านขาวตัวใหญ่ที่เลี้ยงกันในจวน!” หมอเทวดาหลี่อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เว่ยหานเงียบเพราะรู้สึกเก้อเขิน
ใครจะไปคิดว่านกหลวงคือห่านขาวตัวใหญ่ที่เลี้ยงในจวน
หมอเทวดาเอ่ย “ยาที่ท่านต้องใช้ก็คือเลือดของห่านขาวที่มีอายุมากกว่าสิบสองปี”