ปล้นสวรรค์ - 10 ท่าต่อไปคือ เตะ
SPH:บทที่ 10 ท่าต่อไปคือ เตะ!
“การยืดกล้ามเนื้อ!”
ผัวะ!
ด้วยการโบกมือซ้ายของเขา เย่หยูได้ตบที่หน้าของชายคล้ายงูทันที
ชายคล้ายงูปิดหน้า และหมุนวนไปรอบ ๆ “ฉันเป็นใคร? ฉันอยู่ที่ไหน? ฉันกำลังทำอะไร?
โอวหยางหยูที่ยืนอยู่ข้างเขารู้สึกตะลึง เขาดูบอบบางในตอนนี้ เขาเปลี่ยนไปได้อย่างไร?
เคลื่อนไหวโดยการกระโดดหรอ? การยืดกล้ามเนื้อหรอ? นี้คือ กายกรรมอันลือชื่อ แกล้อฉันเล่นใช่ไหม?
“พี่ !ไปสิ! ตืบมันซะ!” มองเห็นชายคล้ายงูหยุด โอวหยางหยูตะโกนจากด้านข้าง
รู้สึกถึงอาการบวมบนใบหน้าของเขาและเมื่อเห็นเย่หยูยกมือขึ้นชายคล้ายงูก็กลัวเล็กน้อย นี้เป็นการโจมตีแปลก ๆ!
“เขาใช้มือเปล่าในการโจมตี! เขาใช้ท่าโจมตีอย่างล้ำเลิศ !” ชายคล้ายงูปิดหน้าบวมด้วยมือขณะพูดไม่ชัด
“นี้คือท่ากายกรรมอันลือชื่อ! มันแค่ประวิงเวลา! รีบเข้าไปหักขามันสิ!” โอวหยางหยูยืนอยู่ข้างหลังชายคล้ายงูเพื่อเป็นกำลังใจให้เขา
“ท่ากายกรรมอันลือชื่อ? มันมากจากนิกายอะไร?” ชายคล้ายงูถามโอวหยางหยู เขาดูไม่รู้จักชื่อนี้!
“โอยไปกินหญ้าเถอะและแกไม่ได้ไปโรงเรียนด้วยซ้ำ! แกไม่รู้จักท่ากายกรรมหรอ?” โอวหยางหยูเกือบสำลักความโกรธของเขา
“ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนโง่ ฉันไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน ไม่ดีต่อฉันแน่ ท่าต่อไปมันคืออะไรหล่ะ?”
“ขอฉันคิดสักครู่..” โอวหยางหยูเกาหัวและคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำในชั้นเรียน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย “มันคือการเตะ!”
เตะหรอ? ชายคล้ายงูในที่สุดก็เข้าใจว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปจะเป็นการโจมตีที่ขาของเขา
ชายคล้ายงูจ้องมองลงบนเท้าของเย่หยูและบอกให้รู้ว่าจะโจมตีที่ขาของเขา
“การขยายช่องอก!” เย่หยูยิ้ม นี้คือผลของการไม่ตั้งใจเรียนในชั้นเรียน
เขาชกโดยผ่านมือที่ป้องกันของชายคล้ายงูที่ลงบนหน้าอกของเขา
แกร๊ก แกรก
ชายคล้ายงูผู้ที่ลอยออกไปดูเหมือนจะได้ยินเสียงซี่โครงร้าวของเขา
ตุบ
ชายคล้ายงูหล่นลงข้างโอวหยางหยูและกระอักเลือดออกมาจากปาก “แกไม่ได้พูดว่าก้าวต่อไปมันคือการเตะหรอ?”
โอวหยางหยูมองที่เย่หยู ที่เดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ด้วยตัวสั่นเทา เขารีบถอยห่างออกไปแล้วพูดว่า “ฉัน ฉันไม่รู้เหมือนกัน ฉันออกกำลังกายระหว่างเรียน!”
ชายคล้ายงูที่เกือบได้รับบาดเจ็บภายใน เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาอยากจะเตะโอวหยางหยู เขาไม่ควรเรียนรู้จากไอ้เลวนี้!
เมื่อเห็นว่าเย่หยูใกล้เข้ามามากขึ้นชายคล้ายงูก็มองดูสภาพแวดล้อมของเขา รู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ของเย่หยู เขาจึงเตรียมตัวหนี
“หวืด!”
ก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นพุ่งทะลุอากาศเป็นเส้นตรงไปยังหน้าผากของเย่หยู
เย่หยูหยุดอยู่ตรงทางหันศีรษะของเขาเล็กน้อยและก้อนหินก็บินผ่านไปพร้อมกับเสียงลม
ชายคล้ายงูพยายามออกแรงอย่างแรงที่เอวของเขาและสะบัดขาของเขาได้ เขาก็รีบพุ่งไปไกล
ชายคล้ายงูไม่วิ่งเป็นเส้นตรง เขาย้ายไปทางซ้ายและขวาเหมือนงูที่เลื้อยบนหญ้า และที่ออกฤทธิ์เหมือนผิวหนังของงู
เย่หยูมองที่ร่างของชายคล้ายงูที่กำลังหนี และเยาะเย้ยว่า “ฮ่า! คิดจะหนีหรอ!”
เขาเอื้อมมือออกไปอีกครั้งเย่หยูหยิบไพ่โป๊กเกอร์ออกมาจากกระเป๋าของเขา
เมื่อมองดูร่างที่หนีของชายคล้ายงูนั้น เย่หยูสะบัดข้อมือของเขาและไพ่โป๊กเกอร์ระหว่างนิ้วมือของเขาก็หายไปในพริบตา
ฟิ้ว!
ไพ่โป๊กเกอร์พุ่งผ่านไปในอากาศและในพริบตา มันก็ไปถึงตัวของชายคล้ายงูและวูปผ่านเขาไป
เลือดไหลออกมาจากขาของชายคล้ายงูและเขาล้มลงกับพื้น
“อ๊าก! เชี่ยไรวะ!” ชายคล้ายงูกุมขาของเขาด้วยมือห้ามเลือดไม่ให้ไหล เขาหันกลับมาแล้วลากขาที่ได้รับบาดเจ็บไปพิงต้นไม้
เมื่อเห็นเย่หยูก้าวเข้ามาทีละก้าว ชายคล้ายงูยิ่งกลัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวเพราะการโจมตีครั้งก่อนเกือบทำให้ขาข้างหนึ่งของเขาพิการ
“วิ่งหรอ ทำไมแกไม่ทำอีกหล่ะ!” เย่หยูหยิบไพ่โป๊กเกอร์ออกมาอีกครั้งโดยถือไว้ระหว่างนิ้วมือของเขา และมองไปที่ชายคล้ายงูที่เหงื่อออกและถามด้วยรอยยิ้ม ตาของชายคล้ายงูถูกตรึงไว้ที่ไพ่โป๊กเกอร์ที่อยู่ระหว่างนิ้วมือของเย่หยู ใบหน้าของเขาซีด ตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
“โป๊กเกอร์” แก! แกมาจากนิกายถังเหรอ?”
นิกายถังหรอ?” เย่หยูส่ายหัวของเขา “ฉันไม่รู้ว่า นิกายถังคืออะไร”
เมื่อได้ยินว่าเย่หยูปฏิเสธว่าเขาไม่ได้มาจากสำนักถัง ชายคล้ายงูรู้สึกโล่งอก ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขาหันกลับมามองไปรอบ ๆ อยากจะหนีอีกครั้ง
ฟิ้ว !
ไพ่โป๊กเกอร์ปัดโดนใบหน้าของชายคล้ายงูและติดเข้าไปในลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของเขา
“วิ่ง!วิ่งสิ และและดูว่าฉันสามารถตัดคอของแกด้วยการขยับมือของฉันได้ไหม! “
เย่หยูเห็นว่าชายคล้ายงูยังคงต้องการที่จะหนี ดังนั้นเขาจึงหยิบไพ่โป๊กเกอร์ออกมาและถือไว้ระหว่างนิ้วก่อนที่จะเยาะเย้ยเขา
เมื่อเห็นเย่หยูหยิบไพ่โป๊กเกอร์ใบใหม่ออกมา ชายคล้ายงูก็กลัวจนตัวทั้งตัวสั่น
“อย่าทำแบบนั้นอีกเลย! ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว! “
“น้องชายมันเป็นการเข้าใจผิด! เขาเป็นคนสั่ง!” ชายคล้ายงูชี้ไปที่โอวหยางหยูและพูดอย่างแรงว่า “โอวหยางหยูจ่ายเงินให้ฉันมาที่นี่!”
“ฉันตาบอดที่จะไม่รู้จักภูเขาไท่ซานและน้องชาย ฉันผิดไปแล้ว!” ชายคล้ายงูตบหน้าตัวเองและพูดต่อว่า “ฉันขอโทษ น้องชายฉันขอโทษ!”
“ขอโทษ?” เย่หยู ดูที่ ชายคล้ายงูผู้ที่ยอมรับและแสดงความอ่อนแอและด้วยสายตาที่เย็นชาเล็กน้อย “แต่ตอนนั้นดูเหมือนว่าคุณต้องการจะฆ่าฉัน!”
เย่หยูนึกถึงการโจมตีครั้งล่าสุดของชายที่คล้ายงูที่ซึ่งมุ่งไปมาที่คอของเขา หากเขาไม่หลบในเวลานั้นเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตาย!
ใบหน้าของชายที่คล้ายงูเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เป็นไปได้ยังไงกัน!! ฉันจะกล้าฆ่าคุณยังไง?
ชายที่คล้ายงูดูเหมือนจะถามเย่หยู แต่เจตนาที่แท้จริงของเขานั้นชัดเจนและหวังว่า เย่หยู จะไม่ฆ่าเขา
“ฉันไม่อาจฆ่าคนได้ แต่ฉันไม่สามารถปล่อยแกไปอย่างง่ายดาย!” เย่หยู พูดอย่างเฉยเมย
“ดี ดี! วันนี้ฉันยอมรับความพ่ายแพ้! น้องชายถ้าคุณมีอะไรจะพูดโปรดบอกมา!” ชายที่คล้ายงูยืนพิงต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเขาและทรุดตัวลงเหมือนหมดแรง
เย่หยู ไตร่ตรองสักครู่แล้วพูดว่า “หักแขนข้างหนึ่งของแก! ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ อย่าให้ฉันเห็นแกอีก!”
รูม่านตาของชายคล้ายงูลดน้อยลงใบหน้าของเขาซีดลง อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าหากเขาไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเย่หยู เขาก็จะไม่สามารถไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน!
หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน ชายคล้ายงูกัดฟันและลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาเหวี่ยงแขนซ้ายไปที่ลำต้นของต้นไม้
ปัง! คา-ชา! *
ด้วยผลกระทบที่รุนแรงของแขนซ้ายของชายคล้ายงูงอผิดปกติและปลายแขนของเขาหักลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ้า!” ชายคล้ายงูคร่ำครวญ เมื่อมีเหงื่อเย็นปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา เขาจับแขนที่หักแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“ฟู่ หนุ่มน้อย ฉันสามารถไปได้หรือยัง?”
ช่างดุเดือนจริงๆ!
เย่หยูขมวดคิ้วและดูชายคล้ายงูด้วยที่พูดเบาๆด้วยความลำบากใจและพูดเบาๆว่า “ไปเถอะ”
ชายคล้ายงูหันหลังไปโดยไม่ลังเล
หากเขาไม่ได้แก้แค้นให้แขนข้างที่หักนี้! ฉันจะจัดการมันทีหลัง! ชายคล้ายงูด่าอย่างโกรธแค้นด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวในใจ เขาดูน่ากลัวเหมือนดวงตางูพิษซ่อนตัวอยู่ในความมืด รอคอยโอกาสที่จะกัดเย่หยู
เมื่อเห็นชายคล้ายงูเดินออกไป เย่หยูหันกลับมาทันทีแล้วเดินไปที่โอวหยางหยู
ฉากก่อนหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากช่วงเวลานั้น ที่เย่หยูข่มใจ จนถึงช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จในการตอบโต้ อารมณ์ของโอวหยางหยูนั้นกลับแย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ ชายคล้ายงูได้หักแขนของเขาเอง โอวหยางหยูก็ยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้ เมื่อเห็นเย่หยูเดินตรงมาที่เขา โอวหยางหยู่ก็กลัวมาก เขาล้มลงกับพื้นด้วยตัวสั่นเทา ขณะที่เขาถอยหนี
“อย่า อย่าเข้ามา!” โอวหยางหยู่กลัวจนเกือบจะร้องไห้ เขามองเย่หยูราวกับว่าเขากำลังดูราชาปีศาจอยู่
เย่หยูก้าวเข้าหาโอวหยางหยูทีละก้าว “แกยังอยากจะหักขาของฉันอยู่ไหม? แกอยากให้ฉันนอนติดเตียงไปตลอดชีวิตที่เหลือของฉันอยู่ไหม? “
โอวหยางอยู่ แกช่างเลวจริงๆ!”
เสียงเย็นชาของเย่หยูทำให้โอวหยางหยูหวาดกลัวยิ่งขึ้น เขายังจำได้ดีถึงตอนที่ชายคล้ายงูถูกบังคับให้หักแขนและตอนนี้เขาสามารถจินตนาการถึงชะตากรรมของเขาได้อย่างสมบูรณ์
“ฉันผิดไปแล้ว! พี่หยู! ฉันผิดไปแล้ว!” เพื่อเห็นแก่ที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น ปล่อยฉันไปเถอะนะ… ” โอวหยางหยูตะกายตัวเพื่อลุกขึ้น เขาต้องการที่จะรู้ว่าเย่หยูเป็นใคร น้ำตาไหลลงใบหน้าของเขา และเขาไม่มีท่าทางที่หยิ่งยโสและเผด็จการอีกต่อไป
“เหอะ เพื่อนร่วมชั้น?” เย่เหยูหัวเราะอย่างเย็นชา
เย่หยูก้มตัวและจ้องที่ โอวหยางหยู ว่า “ฉันสมควรที่จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของแกเหรอ?”
จากนั้นเขาหยิบแท่งไม้ขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ขาของโอวหยางหยู “แกอยากทำด้วยตัวเองหรือแกอยากให้ฉันช่วย”
“เวรเอย” ดวงตาของโอวหยางหยูกลิ้งกรอกไปมามาในขณะที่เขาหมดสติ และเป้าของเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำ
อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของฉี่ เย่หยูโยนไม้ลงและโบกมือของเขาต่อหน้าเขาด้วยความรังเกียจ เมื่อเห็นว่าโอวหยางห่วยแต่จนหมดสติ เขาจึงชะงัก
“สวัสดี? 120ใช่ไหม? ในป่าเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลัง โรงเรียนมัธยมเซียงหยู มีคนที่เป็นลม ช่วยส่งคนไปดูที!” เย่หยูเก็บโทรศัพท์ไว้ มองดูท้องฟ้าที่มืดมิด แล้วเดินจากไป