ปล้นสวรรค์ - 141 ต่อสู้
SPH: บทที่ 141 ต่อสู้
“ปีศาจหุ่นเหล็ก”
” เราจะทําอย่างไรกันดี? ควรทําอย่างไรดีส่วนบนนั้น ถูกบดขยี้จนกลายเป็นเนื้อสับ!”
“ โอ๊ย เราจะหนีไปได้อย่างไร!”
ในขณะที่กลุ่มนักนักสู้ที่อยู่ในชุดดํา ต่างมองดูสายลมที่น่าเกรงขาม พวกเขาทุกคนต่างหวาดผวา และเริ่มล่าถอยอย่างช้าๆ
“นายท่าน เราจะจัดการกับมดปลวกเหล่านี้ได้อย่างไรดี?”
เหยาเจนเทียน มองไปที่เย่หยู ซึ่งกําลังเผชิญหน้ากับเจ้าสํานักและถามด้วยความเคารพ
มุมปากของเย่หยู ยกยิ้ม เผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก “พวกเขาทั้งหมดถูกกําจัด!”
“ครับนายท่าน!”
เหยาเจนเทียน ส่งเสียงคําราม เขาหันหลังกลับ และมองลงไปที่กลุ่มนักสู้ชุดดําที่ปกปิดใบหน้า ซึ่งขนาดตัวสูงยังไม่ได้เท่าขาของเขาเลย
ชิ้งงง***
เหยาเจนเทียน เอื้อมมือไปข้างหลังเขา และดึงดาบเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่ส่องประกายแสงสีแดง
กลุ่มนักสู้ชุดดํา เห็นว่าเหยาเจนเทียน หยิบดาบอันยิ่งใหญ่ออกมาแล้ว จึงถอยห่างออกไปเพียงสองสามก้าว
“ ในขณะที่เหยาเจนเทียน มองไปพวกกลุ่มนักสู้ชุดดําที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าสีดํา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายสีแดง เขาพูดอย่างเย็นชา “การล่าเริ่มขึ้นแล้ว! ”
เมื่อเห็นว่า เหยาเจนเทียน ราวกับเสื้อกระโจนเข้าไปในฝูงแกะเย่หยูรีบวิ่งไปเข้าหานักสู้ที่สวมชุดสีดําหันศรีษะมายิ้มและพูดกับผู้นําสํานักว่า “โย่”
ชายชรา ผู้คนที่คุณนํามาที่นี่ ไม่น้อยเกินไปหรือ! ”
ใบหน้าของ ชางกุ้ยจือ เปลี่ยนหน้าซีดเผือด เขาตะคอกและพูดว่า “ ชายแก่คนนี้จะจัดการแก จากนั้นเราจะสับชายร่างใหญ่คนนั้นออกเป็นชิ้น ๆ !”
“วิชานินจา” ชิงเฟิง เนื้อดหนึ่งดาบ!
ชางกุ้ยจือ ตะโกนส่งเสียงดัง และฝนที่ตกลงมาก็เริ่มหนักขึ้น
พายุเคลื่อนตัวผ่านหมู่บ้าน ผสมกับละอองน้ำที่เต็มไปทั่วท้องฟ้า มันเหมือนกับพายุทอร์นาโดลูกหนึ่ง
เย่หยู หรี่ตาของเขาเล็กน้อย ขณะที่เขาดูพายุทอร์นาโดที่ปกคลุมร่างของชางกุ้ยจือ
เขาประหลาดใจเล็กน้อยในใจ นี่เป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับ 6 – เข้าสู่แก่นแท้ใช่ไหม?
แล้วเขาสามารถยืมพลังของโลกมาใช้ได้อีกด้วย!
เสียงดังเครั้ง!
เย่หยู กดมือของเขาไว้ที่หน้าอก เหมือนกับกําลังถือดาบพลังปราณ ราวกับฟ้าร้องในฉับพลัน
พายุทอร์นาโด นั้นถูกบิดเป็นชิ้น ๆ โดยคมระเบิดของพลังปราณ
เคร้ง!
ฉางคุน ถือดาบจือจานที่ส่องประกายด้วยแสงสีเงิน ในขณะที่มันจู่โจมโดยตรงไปที่ดาบพลังปราณ
ทําให้เสียงที่เกิดดังแสบแก้วหู เป็นเสียงของโลหะชนกับโลหะ
“เร็วเข้า และจบการต่อสู้ลงเสียที!”
เมื่อชางกุ้ยจือ เห็นว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ถูกข่มขู่เหมือนไก่ ถูกฆ่าตายลงไปเรื่อย ๆ เขาก็วิตกกังวล นี่เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งในตระกูลฉางคุน!
“ดาบแห่งเทพเจ้า!”
เขาไม่มีทางเลือก เพื่อที่จะจัดการเย่หยูโดยเร็วที่สุด เขาต้องใช้ไฟตายของเขา
โบร่ว!
เสียงคํารามหมาป่า ดังก้องในท้องฟ้ายามค่ำคืน
ด้านหลังชางกุยจือ เกิดเงาของหมาป่าตัวโต ปรากฏตัวขึ้น
หมาป่ายักษ์สูงสามเมตรยาวห้าถึงหกเมตร ดวงตาของมันส่องแสงประกายความเหี้ยมโหด และกระหายเลือด
ด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง และกรงเล็บที่แหลมคม หมาป่าตัวใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางอากาศที่ด้านหลัง ของชางกุยจือ
จ้องมองเย่หยู
มันอ้าปากเล็กน้อย เผยให้เห็นฟันที่แหลมคมสองซี่ที่เปล่งประกายสลัว ๆ
“ตายซะ!”
ชางกุ้ยจือถือดาบของเขา และรีบวิ่งไปข้างหน้าข้างหลังของเขา มีหมาป่าตัวใหญ่กระโดดขึ้น แล้วติดตามมาอย่างใกล้ชิด
เมื่อมองไปที่ชายเบื้องหน้า และหมาป่าพุ่งเข้าหาเขา ริมฝีปากของเย่หยู ก็เม้มปากด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา จิตวิญญาณการต่อสู้ในใจของเขาลุกฮือ และเลือดในร่างกายของเขาก็หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว
คําราม!
สายเลือดมังกรเลือดสีแดง ขดรัดร่างของเย่หยู และส่งเสียงคํารามของมังกร พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
“อมตะสวรรค์ปลิดปลิว!”
เครhง!
ดาบพลังปราณ แผดสียงดังสนั่นออกมา และพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มังกร ฟ้าร้อง ล้อมรอบดาบพลังปราณ และปล่อยเสียงคํารามมาจากสวรรค์!
แสงจากมังกรทั้งสองตัดกัน จนทําให้บนท้องฟ้า เกิดเป็นเงาขึ้นมา
ตูม!
ชางกุ้ยจือ ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขา พลังใบมีดตัดอากาศ ข้ามท้องฟ้า ถือพลังแห่งสวรรค์ดุจหมาปjาขนาดใหญ่ ในขณะที่พุ่งเข้าหาเหยู
เครhง!
แสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ถูกเปล่งประกายออกมาจากสถานที่ซึ่งเย่หยู และชางกุ้ยจือ ปะทะกัน แสงท้องฟ้า ยามค่ำคืนที่มืดสนิทจนกระทั่งเกิดแสงสว่าง
“แกรก…”
พื้นดินแข็งๆ แตกร้าว หลังจากการปะทะกันระหว่างพลังของเย่หยู
อากาศสั่นสะเทือน และคลื่นพลังกระแทก กระจัดกระจายออกจากจุดที่ทั้งสองกําลังต่อสู้กัน ทําให้เกิดระลอกคลื่น
และขับไล่ฝนในบริเวณโดยรอบทันที
จากกลุ่มผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ที่สวมชุดดํา ถูกฆ่าโดยเหยาเงินเทียน เหลือเพียงสามคนเท่านั้น พวกเขาทุกคนต่างดิ้นรน
เพื่อเอาชีวิตรอด
คลื่นกระแทกดังออกมา ทําให้พวกเขาไม่กี่คนถูกกระแทกปลิวออกไป
ปัง!
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ซึ่งสวมชุดดําล้มลงกับพื้น โดยไม่สนใจความเจ็บปวดในร่างกายของเขา เขารีบลุกขึ้น และหลบซ่อนตัวไว้หลังชางกุ้ยจื่อ พลางมองเย่หยู และเหยาเงินเทียน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว
หลังจากการแลกเปลี่ยน การปะทะกันระหว่างเย่หยู และชางกุ้ยคือ พวกเขาทั้งคู่ถอยกลับ ายืนคนละฝั่งของถนน
จ้องมองกันและกัน
ชางกุ้ยจือ ใช้ดาบพยุงร่างของเขา ขณะที่เขายืนอยู่นิ่งๆ ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย
เลือดหยดหนึ่ง ไหลผ่านจมูกของเขา แล้วหยดลงบนพื้นมาจากระหว่างคิ้วของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้ความสนใจเลย
เนื่องจากในขณะนี้หัวใจของชางกุ้ยจือ เต็มไปด้วยความตกใจ รวมทั้งความกลัวที่มีต่อเย่หยู
“ผู้อาวุโส ทําไมเราไม่หนีไปก่อน”
“ ใช่แล้ว ผู้นําตระกูล ชายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาด! และหุ่นยนต์เหล็กของมัน นั่นมันก็เป็นสัตว์ประหลาดด้วย!”
“ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ พวกเราได้สูญเสียนักสู้ที่แข็งแกร่งไปจํานวนมากกว่าสิบคนแล้ว ไม่จําเป็นต้องเร่งรีบเรื่องคู่มือลับ!”
ด้านหลังชางกุ้ยจือ มองเห็นนักสู้ชุดดําที่เหลืออยู่อีกสามคน รู้สึกถึงความหวาดกลัวในใจของพวกเขา พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาหนี้ พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับเย่หยูอีกต่อไป
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกในสายตาของชางกุ้ยจือ ห่อเหี่ยวลงอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของเขาเริ่มสับสนและไม่แน่ใจ เขาเริ่มเสียใจ ทําไมถึงไม่ตรวจสอบภูมิหลังของเย่หยู ให้ดีก่อน?
พวกเขาคิดว่า เย่หยูเป็นเพียงเด็กธรรมดา และเป็นเรื่องง่ายสําหรับพวกเขาที่จะจัดการกับเขา แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้!
เย่หยู ยืนไพล่หลังของเขามองอย่างเงียบ ๆ มองดูที่ชางกุ้ยจื่อ มุมปากของเขาก็เย้ยหยันและพูดว่า “สุนัขแก่ตระกูลชางกําลังวางแผนที่จะหนีไปใช่หรือไม่?”
ใบหน้าของชางกุ้ยจือ จมดิ่งลงในขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “เป็นเรื่องตลก!
“จุ๊ๆๆ!” เย่หยู มองขึ้นและลงไปที่ชางกุ้ยจือ และเย้ยหยันว่า “ถ้าคุณไม่หลบหนีอย่างรวดเร็ว คุณจะต้องถูกฆ่าโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากฉัน!
” คุณยังมีหน้ามาโอ้อวดเช่นนี้! เป็นฉันคงไม่กล้าทําหรอก หน้าไม่อายพอ! ”
ใบหน้าของชางกุ้ยจือ มืดครื้มลง เขากําดาบในมือชี้ไปที่ เย่หยู และพูดด้วยความโกรธว่า “เด็กเหลือขออย่าหยิ่งยโส เกินไปนัก!” ในฐานะผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้
ด้วยความช่วยเหลือจากพลังสวรรค์ และโลกฉันไม่ใช้พลังมากนักหรอก”
“สําหรับแก…” ชางกุ้ยจือ เย้ยหยัน “และความแข็งแกร่งในการต่อสู้ทั้งหมดของแก พึ่งพาพลังโลหิตของแกอย่างเต็มที่ เพื่อการปะทะกัน!
ถ้าเรายังคงสิ้นเปลืองพลังงานเช่นนี้ต่อไปผู้ที่จะสูญเสียจะเป็นแกอย่างแน่นอน!”
เย่หยู หัวเราะเบา ๆ เนื่องจาก คุณคิดว่า ฉันไม่สามารถต่อสู้ต่อต่อไปได้ คุณต้องการให้ฉันลองดูไหม? ว่าฉันสามารถต่อสู้กับคุณได้กี่ครั้ง?
ดวงตาของชางกุ้ยจือ ส่องแสงสว่างจ้า ในขณะที่เขาเปิดเผยสีหน้าที่แสดงออกว่า “เฮ เด็กเหลือขอ แกจงใจพยายามปกปิดมากเท่าไร ก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าแกไม่มีพลังพอที่จะ สู้กลับ! “
เย่หยู เหยียดนิ้วของเขา แล้วพูดกับชางกุ้ยจือว่า “ถ้าไม่มีอะไรพิเศษมากนัก ก็อย่าพูดเลย! มันจะทําให้คุณต้องลําบาก!”
“แก!” ชางกุ้ยจือ ตะโกนด้วยความโกรธ “อย่าคิดว่าฉันไม่กล้า!”
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ สวมหน้ากากสีดําสามคน ที่อยู่ด้านหลัง ชางกุ้ยจือ ระงับความกลัวเอาไว้ในใจ พวกเขามองหน้ากัน และกระซิบ
“พี่ใหญ่ ฉันคิดว่าเราสามารถลองได้นะ!”
“ พี่ใหญ่ เด็กคนนี้โกหกแน่นอน!”
“ใช่แล้วท่านผู้นํา” เพียงแค่ตอนนี้ เด็กเหลือขอขึ้นอยู่กับคุณแล้วจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”
ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ในชุดดํา หยุดพูดเพราะเขาพบว่า ชางกุ้ยจือ จ้องมองเขาอย่างเย็นชา
“เอ๊ะ ผู้น้อยคนนี้ หมายความว่า แม้ว่าพลังชีวิตของเด็กคนนี้จะมีมากเกินกว่าท่าน … “
นักสู้ชุดดํา เช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผากของเขา และกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “เอ๊ะ แม้ว่าพลังของเลือดของเขาจะหนาแน่น แต่เขาก็ยังคงเป็นอยู่ในขั้นกลั่นโลหิต
เขาไม่สามารถยืมพลังของโลกได้ เพื่อมาใช้ในการต่อสู้กับท่านผู้นําได้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชางกุ้ยจือก็เงยหน้า มองดูเย่หยู และหัวเราะ “เด็กเหลือขอ” “ฉันเคยศึกษา 36 กระบวนท่าของนายมาก่อน”
ดวงตาของชางกุ้ยจื่อนั้น เหมือนหมาป่า จ้องมองดูเย่หยูอย่างดุเดือด และหัวเราะเยือกเย็นว่า “นายวางแผนที่จะจับเสือมือเปล่า!”
“แผนจับเสือมือเปล่า” เย่หยูหัวเราะ” คุณสามารถคิดแบบนั้นได้ แต่ฉันแนะนําให้คุณ อย่าก้าวไปข้างหน้าอีก
ไม่งั้นชีวิตของคุณจะตกอยู่ในอันตราย!”
“ ฮ่าฮ่า…” ชางกุ้ยจือ หัวเราะลั่น เหยียดหยันมองเย่หยู ชายชราผู้นี้ได้เห็นนายเต็มตาแล้ว! นายไม่มีไม้ตายอะไรอีกแล้ว!
เย่หยู กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณสามารถลองได้!”
ชางกุ้ยจือ ถือดาบยาวของเขา กําดาบแน่น และเยาะเย้ย “แกเพียงแค่แกล้งทําเป็นอย่างนั้นแหละ!” ตายซะเถอะ!
ใต้ฝ่าเท้าของเขาก้าวเหยียบลงพื้น และร่างของชางกุ้ยจือ ก็พุ่งออกมาเหมือนลูกธนู คมดาบพุ่งตรงไปที่หน้าอกของเย่หยู