ปล้นสวรรค์ - 16 ปรมาจารย์ด้านภาษา
SPH:บทที่ 16 ปรมาจารย์ด้านภาษา
จูเหลียงหลบหนีไปทิ้งไว้เพียงอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ อู่ซูชุนและเพื่อนร่วมชั้นอยู่รอบๆเย่หยูจากนั้นโอวหยางหยูก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนเปลี้ย
“เย่หยู ฉันขอโทษในฐานะที่เป็นอาจารย์ของเธอ ที่อาจารย์ไม่เชื่อมั่นในตัวเธอ มันเป็นความผิดของอาจารย์เอง! “
อาจารย์อู่ซูซุนอาจารย์วิชาภาษาอังกฤษเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบนี้ และก้มตัวต่อหน้าเย่หยูอย่างสุดซึ้ง
“อาจารย์อู่ คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ครับ!”
เย่หยูเดินไปข้างหน้าและพยุงอู่ซูซุนขึ้น
“ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำทั้งหมดของจูเหลียงกับโอวหยางหยู ยิ่งไปกว่านั้น คุณพยายามช่วยพูดให้ผมก่อนหน้านี้ ดังนั้นผมควรจะขอบคุณคุณ! “
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่หยู อู่ซูซุนก็หัวเราะเช่นกัน มองไปยังเย่หยูด้วยความจริงใจและพูดว่า
“การที่ได้มีเธอเป็นนักเรียนของฉัน มันน่าภูมิใจจริงๆ!”
“เย่หยู ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ได้โกง!”
ฮันเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้นและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาของเธอเปล่งประกายในขณะที่มองไปยังเย่หยู และดึงแขนเขาโดยไม่รู้ตัว
“ขอบคุณนะ ฮันเสวี่ย ที่เธอเชื่อมั่นในตัวฉันเสมอ”
เย่หยูมองไปยังฮันเสวี่ยและพูดด้วยความอ่อนโยน
“อื้ม!”
ฮันเสวี่ยหน้าแดง เธอก้มหัวแล้วทำเสียงเบาๆ แม้แต่ลำคอที่บอบบางของเธอยังเป็นสีชมพู
นักเรียนรอบๆก็ต่างหน้าแดงด้วยความละอายแก่ใจ ต่างคนต่างผลักกันเพื่อที่จะพูดกับเย่หยูอย่างกระตือรือร้น
“ฉันขอโทษ เย่หยู ที่พวกเราเข้าใจนายผิดก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเราอยากขอโทษนาย ขอโทษ
นะ!”
เย่หยูมองไปยังเพื่อนนักเรียนรอบๆ ที่กำลังก้มหัวดูสำนึกผิดและละอายใจ หลักจากที่เงียบสักพักเขาก็หัวเราะ
“โอเค ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้อง พวกเราอายุยังน้อย ฉันหวังว่าในอนาคต พวกเธอจะไม่ต้องเจอปัญหาอะไร และพวกเธอควรจะพิจารณาด้วยตนเอง! “
“ฟิ้ว…”
เมื่อได้ยินเย่หยูให้อภัยพวกเขา นักเรียนทั้งหมดก็ต่างพากันถอนหายใจและมองไปยังเย่หยูอย่างชื่นชม
“ถูกต้อง เย่หยู ฉันจะไปเอากระดาษของนายมา!”
นักเรียนคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้องไป
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ
ได้ยินเสียงฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้า นักเรียนคนนั้นก็วิ่งมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับกระดาษที่อยู่ในมือ
“เย่หยู ฉันนำข้อสอบของนายกลับมาแล้ว!”
อู่ซูชุน ยื่นมือไปรับกระดาษ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เอามาให้ฉัน ฉันจะพิจารณาคำถามอีกครั้งและดูว่าเย่หยูจะได้คะแนนเท่าไหร่”
“87 คะแนน! “
เย่หยูชำเลืองไปยังกระดาษข้อสอบของเขาและพูดว่า
“นี่คือผลของจริง”
อู่ซูซุนและนักเรียนรอบๆต่างตกตะลึง
“นั่นยังคงดูไม่มีข้อสงสัยอะไร นายรู้ได้ยังว่านายได้คะแนนเท่าไหร่?”
เย่หยูมองไปยังฮันเสวี่ยและถามอย่างอ่อนโยน
“เธอจำได้ไหม ที่ฉันบอกเธอหนะ?”
ฮันเสวี่ยเอียงหัวและพูดด้วยความลังเลว่า
“นายพูดก่อนหน้านี้ว่านายจะทำคะแนนเต็มให้ดู?”
เย่หยูพยักหน้า
“คะแนนดีแต่ไม่ถึงกับยอดเยี่ยม มันเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าฉันตั้งใจที่จะสอบ! “
ภายใต้สายตาที่น่าประหลาดใจของคนอื่นๆ เย่หยูพูดต่อ
“Choice 3, Itsoniceto … Choice A, Question 7 … Complete fill in the blank question, Formany, reading and understanding question, Amonthbefore …” (ประโยคนี้เย่หยูพูดภาษาอังกฤษ)
คำพูดของเย่หยูที่พูดอย่างคล่องแคล่วถูกพ่นออกมาจากปากเขาเป็นชุด ด้วยสาเหตุนี้ทำให้อู่ซูซุนและเพื่อนร่วมชั้นต่างพากันรู้สึกประหลาดใจ
หลังจากที่เย่หยูพูดจบไปสักพักทุกคนก็กลับมาได้สติ ก่อนหน้านี้เย่หยูพูดถึงปัญหาในกระดาษข้อสอบหรอ?
อู่ซูซุนและนักเรียนรอบๆต่างช็อคอย่างหมดคำพูด พวกเขาพลิกกระดาษเพื่อเปรียบเทียบคำตอบกันก่อนที่จะตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ
“เย่หยูถูก!”
“ไม่ใช่แค่นิดเดียวนะ! แต่เขาท่องข้อสอบในกระดาษทั้งหมด!”
“ไม่ เราควรพูดได้ว่าสำหรับเย่หยูหนะ คำถามพวกนี้ง่ายเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้ว่าเขาจะได้
คะแนนที่พัฒนาขึ้นขนาดนี้!”
“นี่มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด!”
“หากเขาอยากได้คะแนน เขาก็สามารถได้มากเท่าที่เขาต้องการ!”
“แล้วเธอไม่สังเกตบ้างหรอ? ว่าทักษะในการพูดของเย่หยูอยู่ในขั้นแกนด์มาสเตอร์แล้ว!”
อู่ซูซุนร้องออกมาด้วยความช็อคในขณะที่เขามองไปยังเย่หยูที่เต็มไปด้วยความริษยา
“เช่นนั้น นายก็โกหกฉัน”
สายตาของฮันเสวี่ยเปล่งประกายขณะที่มองไปยังเย่หยู
“เธอเก่งมากพอจริงๆที่สามารถควบคุมคะแนนของตัวเองได้!”
“นายเก็บความลับเก่งมาก เกรดวิชาอังกฤษแต่เดิมของนายแย่มาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปตามที่นายมุ่งหมาย! นี่มันเกินไปแล้วนะ!”
อู่ซูซุนแกล้งทำเป็นตำหนิเขา
เย่หยูไอแห้งๆ และชื่มชมความอัจฉริยะอยู่อย่างเงียบๆ ความสามารถในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน
ภาษานี่มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ!
“นี่เป็นความผิดของโอวหยางหยูทั้งหมด เขาทำให้พวกเราเกือบทั้งหมดเข้าใจเย่หยูผิด!”
นักเรียนต่างพากันบ่น
“ถูกต้อง!”
“และจูเหลียงนั้นด้วย ในฐานะที่เขาเป็นถึงหัวหน้าสำนักการศึกษา แต่ทำเรื่องที่ไร้อย่างอายได้เช่นนี้! “
“ใครขอให้เขาเป็นลุงของโอวหยางหยูกันละ? เขาเป็นเหมือนหนูและงูในรัง”
พวกนักเรียนยังไม่หยุดหันไปจ้องที่โอวหยางหยู พวกเขาทั้งหมดมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
ณ ตอนนี้ โอวหยางหยูกลับมาได้สติเรียบร้อยแล้วแต่เขายังคงไม่กล้ามองไปยังเย่หยู เขาไม่รอให้ทุกคนเมินเฉยเขา
เมื่อมองไปยังสายตาที่ดูถูกของเพื่อนร่วมชั้น โอวหยางหยูก็พบว่าเรื่องของเขามันกลับตาลปัตรไปหมดแล้ว แทนที่จะเป็นเย่หยูกลับเป็นเขา ที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาดูถูกจากทุกคน แต่เมื่อเขานึกขึ้นว่าสถานการณ์นี้เขาต้องพึ่งใคร โอวหยางอยูก็ลุกขึ้นและตะโกนสุดเสียงว่า
“มองหาอะไรวะ?! แม่ฉันเป็นผู้อำนวยการที่นี่นะโวย!”
“โอวหยางหยู ดูเหมือนว่านายจะลืมการสนทนากับพวกเรา ‘อย่างเป็นมิตร’เมื่อวานนี้นะ! อยากจะให้ฉันเตือนความจำให้อีกรอบไหมหละ?”
เย่หยูหัวเราะเยาะ เขาจ้องไปยังโอวหยางหยูที่ภายนอกดูทำตัวเข้มแข็ง
ในหัวของโอหยางหยูพึมพำในขณะที่เขานึกถึงความกลัวที่เย่หยูควบคุมเขาเมื่อวาน
เย่หยูชี้ไปยังกองกระดาษบนโต๊ะ
“แกคงยังไม่ลืมใช่ไหมว่าพูดอะไรไว้ก่อนหน้านี้?”
“ทุกคน ได้โปรดเตือนความจำให้โอวหยางหยูหน่อย!”
นักเรียนทุกคนมองไปยังเย่หยูอย่างชื่นชม จากนั้นก็มองไปยังโอวหยางหยูที่อ่อนแรง
ในพริบตาเดียว พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าเบื้องหน้าเย่หยูนั้น ก็คือโอวหยางที่ไม่ต่างอะไรกับขยะ!
“กินมัน!” เพื่อนนักเรียนชายตะโกนพล่าน
“กินมัน! กินมัน!”
นักเรียนรอบๆต่างพากันตะโกนอย่างพร้อมเพียงกัน หน้าโอวหยางหยูซีดเผือด เขามองไปยังกองกระดาษข้อสอบกองหนาที่อยู่บนโต๊ะด้วยอาการหวาดกลัวในขณะที่เขาก้าวเท้าอย่างสั่นๆ
ฉึบ!
โอวหยางหยูคว้ากระดาษที่อยู่บนโต๊ะ ฉีกมุมกระดาษออกอย่างสั่นๆและเอาเข้าปาก
“ถุย! เย่หยู ฉันจะกำจัดแกให้ได้! ฉันจะให้แม่ไล่แกออก!”
โอวหยางหยูถ่มน้ำลายใส่กระดาษที่เขาเคี้ยว เขาจ้องมองเย่หยูอย่างดุร้าย จากนั้นก็ผลักกลุ่มนักเรียนและวิ่งออกไป
“ถุย! ไม่มีน้ำยา!”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้!”
“น่าสมเพชอะไรอย่างนี้!”
“แกไม่กล้าทำหรอก! แล้วแกยังจะมามีหน้าไปหาแม่ให้ช่วยอีก ไร้ยางอายอะไรแบบนี้!”
“อย่างที่เย่หยูคาดไว้ เขาทั้งหล่อทั้งมีความสามารถ แล้วเขายังเหมาะสมกับนางฟ้าอย่างฮันเสวี่ยของพวกเราอีกด้วย!”
สาวสวยมองไปยังฮันเสวี่ยด้วยความอิจฉา อิจฉาที่เธอได้ยืนอยู่ข้างๆเย่หยู
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้ ฮันเสวี่ยยืนอยู่ข้างเย่หยูอย่างเชื่อมั่น”
“คบกัน!”
หนึ่งในกลุ่มนักเรียนกลอกตาแล้วตะโกนออกไปแล้วตะโกนออกไป
นักเรียนอีกคนหัวเราะเช่นกันและตะโกนอย่างพร้อมเพียงกันว่า
“คบกัน!คบกัน!”
“พวกเธอ พวกเธอ โธ่เอ้ย…..”
เมื่อฮันเสวี่ยได้ยินเพื่อนร่วมชั้นตะโกนและเธอก็เอามือทั้งสองมาปิดใบหน้าที่แดงของเธอแล้วกระทืบเท้า
“เอาหละ ทุกคน”
เย่หยูเห็นฮันเสวี่ยที่กำลังเขินอยู่เขาเลยพูดพูดเพื่อให้หยุดแซว
“เอาหละ เริ่มเรียนได้แล้ว อย่าเสียเวลาอันมีค่าให้คนอย่างโอวหยางหยูหรอก! “
ทุกคนมายืนล้อมรอบเย่หยูราวกับเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่รอบดวงจันทร์ แล้วพวกเขาทั้งหมดก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเองและเริ่มเรียน
“เย่หยู”
ฮันเสวี่ยนั่งบนที่นั่งของเธอ แล้วเหยียดขาไปเตะเย่หยูเบาๆแล้วพูดว่า
“เมื่อกี้ เราบอกเพื่อนในห้องให้แล้ว อย่าไปใส่ใจเลยนะ”
เย่หยูหันหน้ามาแล้วยิ้มบางๆ มองไปยังฮันเสวี่ย
“เพื่อนในห้อง พวกเขาพูดว่าอะไรกันหรอ?”
ฮันเสวี่ยยังไม่หายหน้าแดง เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่หยูพูด หูที่บอบางของเธอเริ่มเป็นสีแดงอีกครั้ง
“อ้ายหยา ใช่แล้ว ก็เรื่องที่พวกเราคบกัน”
เย่หยูกระพริบตา มองไปยังฮันเสี่ยแล้วพูดว่า
“แล้วถ้าฉันจริงจังละ?”
ร่างที่บอบบางของฮันเสวี่ยสั่นเทาขณะที่เธอมองไปยังเย่หยู ใบหน้าที่แดงระเรื่อที่น่าดึงดูดของเธอค่อยๆหายไปจนซีด แล้วน้ำตาก็ไหล
“เอาหละ ฉันคงพูดผิดไป อย่าโกรธไปเลยนะ โอเค?”
เย่หยูมองไปยังฮันเสวี่ยที่ดูเหมือนกวางน้อยที่กำลังขวัญเสียและพูดด้วยความอ่อนโยน
ฮันเสวี่ยสะบัดหัว น้ำตาของเธอก็ล่วงหล่นลงมา เธอกัดปากแล้วพูดว่า
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย มันเป็นความผิดของฉัน นายไม่ต้องมาถาม “
เย่หยูอ้าปาก แต่ไม่ได้ถามอีกครั้งในตอนจบ อย่างไรก็ตาม เขาได้ตัดสินใจภายในใจ ฮันเสวี่ย ฉัน
จะไม่ยอมแพ้แน่!