ปล้นสวรรค์ - 291 การจากลา
SPH: บทที่ 291 การจากลา
“เทพธิดา ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว!”
รอยยิ้มที่อ่อนโยน แผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขาและเสียงของเขาทุ่มและมีเสน่ห์
ฮันเสวี่ยมองที่ เรเนสเตอร์ ดวงตาของเธอเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเต็มไปด้วยความเย็นชาและห่างเหิน “คุณเรเนสเตอร์ดูเหมือนว่าคุณไม่มีสิทธิจะมาสังฉันให้ทําอะไรนะคะ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของ เรเนสเตอร์ ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยและเขาก็ยิ้มต่อไปอย่างนุ่มนวล “แน่นอน!เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่มีสถานะที่สูงส่งเช่นนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้จะมาสั่งคุณได้อย่างไร?
“อย่างไรก็ตาม … “รอยยิ้มบนใบหน้าของเรเนสเตอร์กว้างขึ้นและเขาพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา “แต่เนื่องจากสถานะอันสูงส่งของเทพธิดาเราไม่สามารถปล่อยให้คนหยาบช้าเข้ามาใกล้ชิดติดต่อกับคุณ แม้แต่การพบเจอ ก็จะทําให้ดวงตาสกปรก แปดเปื้อนแล้ว! “
“คุณ!” ฮันเสวี่ย ขมวดคิ้วของเธอความโกรธพุ่งผ่านเป็นริ้วๆเผยให้เห็นในดวงตาของเธอขณะที่เธอตะโกนว่า “เรเนสเตอร์คุณไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว?”
รอยยิ้มของ เรเนสเตอร์หายไปราวกับว่าเขาไม่ได้ยินค่าข่ของฮันเสวี่ยเขาหันกลับมาแล้วตะโกนให้ผู้คุมที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา”พวกนายพาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปบนเครื่องบิน!”
“ครับท่าน!”
ผู้รักษาความปลอดภัย ที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นหินตอบอย่างเคารพ “ครับท่านอัศวิน!”
ตึกตัก! ตึกตัก!
ทหารองครักษ์ของราชวงศ์ หลายคนเดินมาอย่างเป็นระเบียบไปที่ด้านข้างของฮันเสวีย และพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดขึ้นเครื่องบิน!”
ฮันเสวี่ยจ้องที่ เรเนสเตอร์ เธอไม่ขยับเขยื้อน
“เทพธิดา โปรดขึ้นเครื่องบิน!”
องครักษ์หลายคน ก้าวไปหาฮันเสวี่ย ก่อนที่จะส่งเสียง”เทพธิดาโปรดอย่าทําให้เป็นเรื่องยุ่งยากสําหรับเรา!”
ใบหน้าของฮันเสวี่ย กลับเย็นชาลงกว่าเก่าและเธอมองไปที่เรเนสเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“เทพธิดา คุณกําลังทําสิ่งที่ยากมาก สําหรับผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้นอกจากนี้คุณคิดถึงกับพ่อแม่ของคุณบ้างไหม?”
เรเนสเตอร์ จ้องมองไปที่ ฮันชื่อเยี่ย และ หมุนโหรวจากหางตาของเขาด้วยสายตาที่ขู่เข็ญ
“หวิว …”
ฮันเสีย สูดลมหายใจยาว และจ้องมองที่ เรเนสเตอร์พูดอย่างเงียบๆว่า “เรเนสเตอร์ คุณจดจ่าสิ่งที่คุณพูดในวันนี้เอาไว้ให้ดี!”
“เทพธิดา ความทรงจําของผู้ใต้บังคับบัญชานั้นดีมากเสมอ!”
“ไปส่ง เทพธิดา บนเครื่องบิน!”
“ครับท่าน!”
กระโปรงยาวของ ฮันเสวี่ย พลิ้วไหวในสายลมภายใต้สายตาขององค์รักษ์ทั้งหมด เธอก้าวขึ้นเครื่องบินของดินแดนหิมะ
ไดอาน่า มองตามไปที่หลังของฮันเสวี่ย แล้วเย้ยหยันไปที่เรเนสเตอร์, “เรเนสเตอร์ แม้ว่าคุณจะเป็นหัวหน้าอัศวินแห่งเมืองหิมะมันไม่มีประโยชน์ที่จะทําให้เทพธิดาเกลียดชังคุณหรอกนะ!”
“ไม่จําเป็น ต้องให้คุณกังวลเรื่องนั้น”เรเนสเตอร์เฝ้าดูร่างของชั้นเสวี่ยที่เข้ามาในห้องโดยสารไฟในดวงตาของเขาก็ปล่งประกายขึ้นมา
“สถานะของ เทพธิดา นั้นไม่มีใครเทียบได้ ถังขยะดาษๆจะคู่ควรให้เอามือของเธอไปแตะได้อย่างไร”
“ถังขยะหรือ?” แสงเย็นชาส่องประกายแวววับในดวงตาของไดอาน่า”เรเนสเตอร์ คุณจะต้องชดใช้ ให้กับราคาของคําพูดของคุณ!”
“ราคา?” เรเนสเตอร์เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะ”ฮ่าฮ่า…เป็นเรื่องตลก!คุณกําลังพูดถึงสารเลวนั่นที่เรียกว่าเย่หยูเหรอ!”
“มีนักเรียน ที่กล้าที่จะแสดงท่าทีต่อหน้าฉันอย่างหยิ่งยโสด้วยเหรอ?”
ดวงตาของ เรเนสเตอร์ นั้น เต็มไปด้วยความรังเกียจ และเขาเย้ยหยัน “โอใช่มั้ย! ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นนักสู้เช่นกันนี่นา?”
“โง่เขลา! มี แต่อัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่ง เมืองหิมะ เท่านั้นที่แข็งแกร่งที่สุด!
“ในฐานะ ของอัศวินแห่งเมืองหิมะที่อนาคตโชติช่วง แม้แต่นักรบดินแดนแห่งเทพเจ้า ยังต้องถูกฉันบดขยด้วยฝ่าเท้า!”
ความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่ง ลุกขึ้นพุ่งพรวด ออกจากร่างกายของ เรเนสเตอร์ และเขาพูดอย่างหยิ่งผยอง
ไดอาน่า สูดลมหายใจลึก ๆ มองไปที่ปลายสุดของสนามบินแล้วพูดช้าๆ”ฉันหวังว่า คุณจะยังสามารถพูดกับฉันได้อย่างมั่นใจในภายหลัง”
เรเนสเตอร์ หันหลังกลับ และมองไปที่ทางเข้าและออกของรันเวย์ที่สนามบินปากของเขาเผยให้เห็นการสบประมาทดูถูกเหยียดหยาม “เฮเฮ้! ฉันจะปล่อยให้เด็กเมื่อวานขึ้น อย่างเย่หยูไปอย่างนั้นเหรอฉันจะทําให้เย่หยูรู้ว่าขยะแบบเขาไม่คู่ควรกับเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเรา! “
ตูม!
เสียงคํารามของรถสปอร์ตดังกระหมก้องไปทั่วรันเวย์สนามบิน
ในพริบตา ความเร็วดุจสายฟ้าผ่าสีเทาเงินหยุดที่ด้านข้างของเครื่องบินเช่าเหมาลํา ของราชวงศ์อาณาจักรหิมะ
แกรีก! * * * *
ประตูที่เหมือนปีกผีเสื้อ เปิดออกและเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาอย่างใจร้อน
ในห้องรับรองของสนามบินผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งเห็นการมาถึงของเหยูและเริ่มพูดคุย ซุบซิบด้วยเสียงเบาๆ
“ผู้หญิงสวยเพิ่งจากไปและตอนนี้พี่ชายอีกคนที่หล่อเหลามาถึงเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่
“เฮ้!” คุณไม่เข้าใจเลยเหรอ? “มันต้องเป็นคนสวยคนนั้นที่ถูกบังคับขึ้นเครื่องบินตอนนี้แฟนของเธออยู่ที่นี่แล้ว!”
“เฮ้ ไล่ตามไป คุณจะเสียเวลาถ้ายังช้าอยู่ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่คนดีเด่อะไร!เขาไม่ยอมให้ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนี้พบกับแฟนสาวของเขา!”
“หืมมม!” ถึงชายหนุ่มคนนั้นจะหล่อมากแต่ทัศนคติที่หยิ่งยโสของเขาทําให้ผู้คน ดูถูกเขา! “
“ความหยิ่งยโส ถือเป็นความสามารถเฉพาะตัวฉันเดาว่าชายร่างเล็กที่หน้าตาดีที่เพิ่งมาถึงไม่สามารถเอาชนะชายหนุ่มคนนั้นได้หรอก!”
ในอาคารผู้โดยสารสอง ร่างสูง และอีกร่างหนึ่ง ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งผ่านหน้าต่างกระจก ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายขณะที่มองไปที่เรเนสเตอร์ ซึ่งอยู่บนรันเวย์
“อาวุโส กําลังบอกว่า ชายคนนั้นมีพลังเท่ากับนักสู้ระดับเจ็ดอย่างนั้นเหรอ!
ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย ถามชายวัยกลางคน ที่อยู่ด้านข้างด้วยความประหลาดใจ
ชายวัยกลางคน พยักหน้าอย่างเคร่งเครียด “นั่นถูกต้อง!” “ตอนนี้ฉันอยู่ที่ขั้นนักรประดับหก เพียงเศษเสี้ยวพลังของชายคนนั้นก็เพียงพอที่จะทําให้ฉันตัวสั่นงันงก เขาอยู่ในระดับที่เจ็ดแน่นอน!”
ชายหนุ่มสูดอากาศเย็นๆ “แล้วเด็กที่ขับรถมาที่นี่ผมว่าเขาควรเป็นนักสู้ด้วย”
“ถูกต้อง! ชายวัยกลางคนมองเหยู ด้วยความสงสารและถอนหายใจ “นอกจากนี้ ระดับพลังของเขาไม่ต่ําไปกว่าอายุของเขามันอยู่ในระดับที่ห้า ของการชาระไขกระดูกช่างน่าเสียดาย!”
“ช่างน่าสงสารจัง!” ชายหนุ่มตกใจ ตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ”ท่านอาจารย์ หมายความว่าชายคนนั้นจะไม่ยอมให้เขาไปพบผู้หญิงของเขาแน่ๆ!”
ชายวัยกลางคนปล่อยเสียงแหลมเย็น ๆ “แม้ว่าชายคนนั้นจะดูอ่อนโยนภายนอกแต่เนื้อในเขาเป็นคนใจแคบและไร้ความปราณีฝังลึกลงไปในใจของเขา!”
ถ้าชายหนุ่มคนนี้ไม่ประเมินตนเอง เขาคงต้องจบเห่แน่นอน หากเขาต่อสู้กับชายคนนั้น!
ชายหนุ่มมองเหยุแล้ว ส่ายหัวและพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ฉันหวังว่าคุณจะอดทน เผชิญหน้ากับความยากล่าบากและผ่านมันไปได้.. “
“ใช่แล้ว ท่านอาจารย์! ในครั้งนี้ น้องเล็กจะไปกราบอาจารย์หลี่ทําไมเขาถึงยังไม่มาที่นี่? เครื่องบินกําลังจะเริ่มบินแล้ว! “
ชายหนุ่มดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างและดูเป็นกังวลปรากฏในสายตาของเขาในขณะที่เขาถามชายวัยกลางคนข้างๆเขา
ชายวัยกลางคน เปิดเผยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและพูดว่า “เด็กคนนั้นฮัม! ด้วยความสามารถของเขาเขากลําที่จะมาช้า! ช่างหยิ่งยโส เหลือเกิน!”
“ท่านอาจารย์ อย่าได้โกรธ ศิษย์น้องเกิดมาพร้อมกับกระดูกที่แข็งราวกับดาบ แน่นอนเขาจะกลายเป็นศิษย์อาวุโสหลีแน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้อง ภาคภูมิใจ!”
ชายวัยกลางคน ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ มาดูเรื่องนี้ต่อ!ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะได้เห็นนักสู้ระดับเจ็ด! “
ชายวัยกลางคน หยุดถอนหายใจชั่วคราว “ช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ชายหนุ่มคนนี้ …”
บนรันเวย์สนามบินเย่หยูเดินออกจากรถสปอร์ต และเห็นฮันชื่อเยี่ยและหมุนโหรว
“ลุงป้า ผมอยู่นี่แล้ว!”
เมื่อ ฮันชื่อเยี่ย เห็น เย่หยูเขาก็ส่งเสียง อ็ม อย่างนุ่มนวลดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความพึงพอใจ ฉันไม่ได้โทรหาคุณอย่างไร้ประโยชน์คุณมาถึงเร็วมาก!
“เสี่ยวหยู เธออยู่ที่นี่แล้ว เสี่ยวเสวี่ย กําลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหิมะแล้ว …
หลังจากหมินโหรว จบการสนทนากับ เย่หย น้ําตาก็ไหลอาบแก้มอย่างไม่สามารถควบคุมได้เมื่อเธอนึกถึงความคิด
ที่ว่าฮันเสวี่ย ไปอยู่ที่เมืองหิมะคนเดียว
“คุณกําลังทําอะไร!? ทําให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นคนโง่ไง! “
ฮันชื่อเยี่ย ดึงแขนเสื้อของหมิ่นโหรวตําหนิเธอด้วยเสียงต่ํา
“ทั้งหมด เป็นความผิดของคุณ!”
หมั่นโหรว หันหลังกลับ และบ่นๆ ฮันชื่อเยี่ย
“เฮ้!”ฮันชื่อเยี่ยตกใจ แล้วถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
“ลุงป้า ฮันเสวี่ยอยู่ที่ไหน ทําไมผม ไม่เห็นเธอเลย?”
เย่หยมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็น ฮันเสวี่ย อดไม่ได้ที่จะถามฮันชื่อเยี่ยและหมุนโหรว