ปล้นสวรรค์ - 295 การจากลา และการรอคอย
บทที่ 295 การจากลา และการรอคอย
ในห้องรอของผู้โดยสารของสนามบินเมืองหมิงโจว อาจารย์อาวุโสท่านหนึ่ง และลูกศิษย์ มองผ่านหน้าต่างกระจก
ที่แตกร้าว ที่รันเวย์ ของสนามบิน
“ท่านอาจารย์ เหมือนจะบอกว่า ชายคนนั้น ที่มาจากเมืองหิมะเป็นอัศวินของเมืองหิมะ มีระดับพลังเท่ากับนักรบดินแดนเทพเจ้า ระดับเจ็ด จริงๆเหรอ?” ลูกศิษย์หนุ่ม ถามอาจารย์ของเขาด้วยท่าทางใบหน้าที่รู้สึกฉงนใจ
“เอ๊ะ…อืม “อาจารย์ของเขา ลังเลสักครู่ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่มีคนกําลังเหยียบอกของเขา บดขยี้ลงที่พื้น ! และเขาก็ร้องไห้ จากการถูกทุบตีเนี่ยนะ!”
ลูกศิษย์จ้องมองที่ เรเนสเตอร์ ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่คาดคิดว่า อัศวินของเมืองหิมะ ที่อยู่ในระดับนักรบดินแดนเทพเจ้า ระดับเจ็ด จะพ่ายแพ้ และถูกทุบตีจนร้องไห้ !
อาจารย์ มองดู เรเนสเตอร์ ด้วยความละอายใจ อย่างลึกซึ้ง บนใบหน้าของเขา จากนั้น ก็ถ่มน้ําลายออกมาอย่างเหยียดหยาม
“ฉันมองผิดไปแล้ว ชายหนุ่มคนนั้น คือคนที่น่าหวาดกลัวที่แท้จริง!”
ดวงตาของอาจารย์ จ้องมองเย่หยู เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “สามารถที่จะต่อสู้กับผู้ฝึกศิลปะ ระดับเจ็ด ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาน่ากลัวจริงๆ!”
ลูกศิษย์ ถามอาจารย์อย่างสงสัย “ท่านอาจารย์ ท่านไม่ได้พูดว่า ชายหนุ่มคนนี้ เป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ระดับชำระไขกระดูก ไม่ใช่เหรอ ทําไมเขาถึงเอาชนะอัศวิน นักสู้ระดับที่เจ็ดได้”
อาจารย์ของเขา มองเย่หยู ด้วยความตกใจและพูดพึมพํา “ถึงแม้ชายหนุ่มคนนี้ จะเป็นเพียง นักสู้ขั้นชำระไขกระดูก ระดับห้า แต่ออร่าพลังของเขานั้น แข็งแกร่งและทรงพลังมาก แม้กระทั่งนักต่อสู้ ระดับเจ็ด ก็ยากที่จะต้านทานเขาได้!”
ลูกศิษย์ เผยให้เห็นภาพของความเข้าใจ จากนั้น ร่องรอยแห่งความเศร้าสลด ส่องประกายในดวงตาของเขา และพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจเลย!” “สามารถเอาชนะศัตรูได้ สองระดับเหนือเขาได้ ความแข็งแกร่งเช่นนี้ มันคืออะไร!”
เมื่อเห็นความหดหู่ใจ ในสายตาของลูกศิษย์ อาจารย์ของเขาก็กลัวว่า ลูกศิษย์จะถูก เย่หยู ทําให้ท้อแท้ใจ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย นอกจากปลอบใจลูกศิษย์ของเขา
“ลูกศิษย์เอ๋ย อย่าท้อแท้! เราต้องรู้ว่า สิ่งที่สําคัญที่สุด คือการได้เลื่อนระดับจนไปถึง ระดับเจ็ด ของอาณาจักรการต่อสู้!”
“จิตวิญญาณของนักต่อสู้ระดับเจ็ด สามารถประผสานกับสวรรค์และโลก การเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง สามารถใช้พลังแห่งสวรรค์และโลกได้ ไม่ว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถเอาชนะ พลังแห่งสวรรค์และโลกได้”
“แม้ว่าผู้คนในประเทศหิมะ จะมีพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพลังการทําลายล้างที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเทียบกับผู้ฝึก ศิลปะการต่อสู้ระดับที่ต่ํากว่านั้น ไม่คาดคิดว่า นักรบดินแดนเทพเจ้าระดับเจ็ดจะพ่ายแพ้ !”
คําเตือนของอาจารย์ของเขา ลูกศิษย์คิดไปคิดมา ก่อนที่จะพูดอย่างมั่นคง “ท่านอาจารย์ เข้าใจแล้ว! บนเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ จะต้องหมั่นฝึกฝน และก้าวข้าม ขวากหนาม และ อุปสรรคทั้งหมด เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุด! “
เมื่อได้ยินอย่างนี้ อาจารย์ก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “อืม…ลูกศิษย์เจ้า เข้าใจแล้วจริงๆ!”
แม้ว่า อาจารย์ของเขา จะปลอบโยนลูกศิษย์ของเขาเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงมองเย่หยู ด้วยความตกใจ และเผยร่องรอยความกลัวในดวงตาของเขา
เพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยพลัง ในการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ในระดับชำระไขกระดูก เขาสงสัยว่า มันจะน่ากลัวแค่ไหน เมื่อเขาได้กลายเป็นนักรบดินแดนเทพเจ้าระดับเจ็ด!
บนรันเวย์ของสนามบิน เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของราชวงศ์เมืองหิมะจอดที่ด้านข้าง
เย่หยู จับมือ ฮันเสวี่ย และนําสิ่งของสองชิ้นออกจากแหวนมิติเลิฟซิกของเขา
“เย่หยู นี่อะไรน่ะ?”
ฮันเสวี่ย ถามด้วยความสงสัยไปที่ เย่หยู
“กล่องโลหะนี้ มันคืออาวุธลับ”
เย่หยูชี้ไปที่เข็มฝนดอกท้อ ในมือของฮั่นเสวี่ย โดยแนะนําว่า “สิ่งนี้สามารถปล่อยการโจมตี ที่ทรงพลังอย่างยิ่งได้ เธอต้องเก็บมันไว้ ใกล้กับตัวของเธอ จะได้เอาออกมาใช้ได้ทันท่วงที”
เย่หยู ถอดสร้อยข้อมือออก แล้วส่งให้ฮั่นเสวี่ย
“สร้อยข้อมือนี้ มีค่ายกลป้องกันสลักอยู่บนตัวสร้อยข้อมือ หากว่าเธอพบกับอันตรายใด ๆ มันจะปกป้องเธอโดยอัตโนมัติ เธอควรสวมใส่มันทันที”
ฮันเสวี่ย วางกําไลบนข้อมือของเธอ
สีที่ตัดกันระหว่างสร้อยข้อมือสีเขียวมรกต และผิวสีขาวราวหิมะ ดูเหมือนจะส่งเสริม ซึ่งกันและกัน
“ค่ายกลป้องกัน?”
ใบหน้าของ ฮันเสวี่ย เต็มไปด้วยความสุข เมื่อเธอเล่นกับสร้อยข้อมือของเธอ เผยให้เห็นการแสดงออกที่ทําให้งงงวย
“มันเป็น ค่ายกลป้องกัน !”
เย่หยู พยักหน้าและอธิบายว่า “การก่อตัวของค่ายกลนี้ มี3 ค่ายกลคือค่ายกลเมฆหมอก ค่ายกลจิตว้าวุ่น และ ค่ายกลแยกฟ้าทะเลหมอก
“ค่ายกลทั้งสามอย่าง แต่ละแบบ มีพลังเป็นของตัวมันเอง เพียงพอสําหรับที่จะปกป้องเธอ เมื่อเผชิญกับอันตรายใด ๆ !”
ฮั่นเสวี่ย สายตาที่งดงามของเธอ ตรึงอยู่บนร่างของเย่หยู และพูดเบา ๆ ว่า “เย่หยู ไม่ต้องกังวล เมื่อฉันไปที่เมืองหิมะ ฉันจะอยู่ที่สํานักจันทราศักสิทธิ์ และรอนายมารับฉัน!”
เครื่องบินของ เมืองหิมะ ค่อยๆเคลื่อนไปตามเส้นทางที่วิ่งบนสนามบิน
เย่หยู มองดูเมื่อเครื่องบิน ค่อยๆบินขึ้น มือของเขากําหมัดแน่น
“ไม่นาน! ฮั่นเสวี่ย ฉันจะไปรับเธอ เร็ว ๆ นี้! “
เย่หยู มองดูเมื่อเครื่องบินหายลับไป และเสียงเตือนของระบบ ก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“ปี๊บ” “ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของร่าง ที่เอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง อย่างก้าวกระโดด รางวัลจะสามารถจับได้ หนึ่งครั้ง!”
อย่างไรก็ตาม เย่หยู กําลังตกอยู่ในภวังค์ และไม่สามารถได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบอย่างชัดเจน ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจ
“เฮ้ เย่หยู เสี่ยวเสวี่ย ไปแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
ฮันชื่อเยี่ย เดินไปข้างหน้า เย่หยู ตบเบา ๆ บนไหล่ แล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ
เย่หยุถอนสายตาของเขา พยักหน้า แล้วออกจากสนามบิน หมิงโจว กับ ฮันชื่อเยี่ยและหมั่นโหรว
ในห้องรับรองของสนามบิน ชายวัยกลางคน เห็นร่างของเย่หยูหายไป และถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ชายหนุ่มผู้น่ากลัวคนนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
เด็กหนุ่มยืนอยู่ถัดจากชายคนนั้น มองดูเย่หยู หายตัวไป และพูดอย่างสติขาดผึ้งว่า “เมื่อไหร่ที่ฉัน จะแข็งแกร่งเหมือนเขา”
“โอ้พระเจ้า!” ที่นี่มีพายุทอร์นาโด พัดเขาสนามบินเหรอ? ทําไมถึงอยู่ในสภาพที่น่าอนาจแบบนี้ แม้แต่แก้วก็แตกร้าว! “
เสียงอุทานที่น่าประหลาดใจ ฟังจากด้านหลัง ท่านอาจารย์และลูกศิษย์ทั้งคู่
ชายวัยกลางคนหันหลังกลับ และเห็นชายหนุ่มที่ขี้เซา เดินเข้าไปในอาคาร
เอ่อ คุณใช้เวลานานเกินไปแล้ว!
ใบหน้าของชายวัยกลางคน ดําเป็นก้นหม้อ ในขณะที่เขาตําหนิ
“พ่อ ผมเล่นเกมทุกคืน เมื่อคืนนอนดึกมาก หาวว …”
ชายหนุ่มหาว และพูดอย่างบังเอิญว่า “และผมก็ไม่ได้ช้าขนาดนั้น!”
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว เขาพูด ด้วยความไม่พอใจ “วันนี้แกจะไปเมืองยันจึง เพื่อกราบอาวุโสหลี่ เป็นอาจารย์ของแก! ทําไมถึงชักช้าขนาดนี้!”
ชายหนุ่มขยตาของเขา ดูไม่พอใจ เขากระซิบว่า “อัจฉริยะอย่างผม แม้ว่ามันจะสายสักหน่อย เขาก็ยังขอให้ผมเป็นลูกศิษย์ของเขา เชื่อเถอะ!”
“ไอ้เด็กเวร!”
ชายวัยกลางคน พูดด้วยความโกรธ และเอื้อมือขึ้นจะทุบตีเขา แต่เขาก็หยุดลง ในท้ายที่สุด เขาก็พูดว่า
“แกคิดว่า แกเป็นอัจฉริยะหรือ มีคนมากมายในโลกนี้ที่มีความสามารถมากกว่าแก!”
ชายหนุ่มขดริมฝีปากของเขา และพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามว่า “จําๆ!” มันจะเป็นไปได้อย่างไร! ผมมีกระดูกที่แข็งราวดาบ ตั้งแต่กําเนิด! ผมไม่เชื่อว่าจะมีคนที่มีความสามารถมากกว่าผม! “
ชายวัยกลางคน เงยหน้าขึ้น แล้วถอนหายใจ “ฉันเคยคิดเช่นกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าการนั่งในบ่อน้ํา และ เงยมองท้องฟ้าเป็นยังไง”
ศิษย์ของชายวัยกลางคน ก็เห็นด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่เข้าใจ เขาอธิบายว่า “น้องเล็ก สถานการณ์เป็นแบบนี้…”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็ได้สติ ในแววตาของเขาตกใจ เขาถามด้วยความประหลาดใจ “คุณกําลังบอกว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่ง เอาชนะอัศวิน นักรบดินแดนเทพเจ้า ในการระเบิดพลังเพียงครั้งเดียวงั้นหรือ?”
อาจารย์และศิษย์ พยักหน้าในเวลาเดียวกัน
“เป็นไปไม่ได้!” ความริษยาส่องประกายแวววาว ในสายตาของชายหนุ่ม “ฉันไม่เชื่อว่า เขาเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้
ระดับห้า และจะสามารถมีพลังมากขนาดนี้! เขาต้องใช้อุบายในการต่อสู้แน่ๆ !”
ชายวัยกลางคนส่ายหัว และถอนหายใจ “ตอนนี้ หากฉันไม่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นกับตาตัวเอง ฉันก็ไม่เชื่อ เหมือนกัน
แต่สิ่งที่ฉันพูดคือความจริง!”
“อย่าไปยั่วยุ ชายหนุ่มคนนี้ เข้าใจหรือไม่?”
ชายวัยกลางคน มองดูลูกศิษย์ และลูกชายของเขา แล้วพูดด้วยน้ําเสียงต่ํา
“เข้าใจแล้วอาจารย์!”
“ชิ!” ฉันแข็งแกร่งกว่าเขาแน่นอน! “
หมิงโจว , โรงเรียนมัธยมเซียงหยู
หลังจากเย่หย ส่งฮันชื่อเยี่ย และหมั่นโหรว กลับบ้าน ส่วนเขาก็ขับรถตรงไปโรงเรียน
“นายบอกว่า นายกําลังจะไปพบ ลุงนักรบดินแดนเทพเจ้าของฉันเหรอ?”
อาจารย์ซิงเหมิง ถามขึ้น และมองดูที่ เย่หยู
เย่หยู พยักหน้า “ใช่แล้ว เราจะไปเดี๋ยวนี้!”
ครู่ต่อมา ซึ่งเหมิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่า ทําไมนายถึงรีบร้อน แต่มันก็โอเค ไปกันเถอะ!”