ปล้นสวรรค์ - 33 เรามันคนละระดับ
SPH:บทที่ 33 เรามันคนละระดับ
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ฉินอูฟ่าร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเขาเห็นลูกดอกตกลงบนพื้น
“ฮ่า ไม่แน่นายอาจจะแข็งแรงไม่พอ!”
เย่หยูมองไปยังฉินอูฟ่าแล้วหัวเราะเบาๆ
ฉินอูฟ่าแสดงอาการมืดมัวราวกับเมฆดำกำลังก่อตัวกันเป็นฝน เขามองเย่หยูด้วยสายตาที่มุ่งร้าย
“น้องชาย นี่ของนาย!”
เจ้าของแผงหยิบตุ๊กตากระต่ายสีขาวหิมะแล้วยื่นให้เย่หยู
“ฉันไม่เคยเห็นคนที่ช่ำชองลูกดอกแบบนายมาก่อน ในอนาคต ถ้าเจอนาย คงต้องให้นายสอนสักหน่อยแล้ว!”
เย่หยูหยิบของ หันหลังกลับและเดินไปให้ฮันเสวี่ย
“นี่ กระต่ายที่อยากได้!”
ฮันเสวี่ยกอดตุ๊กตากระต่ายอย่างมีความสุข รู้สึกถึงความนุ่ม ดวงตาของเธอโค้งงอจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“เย่หยู นายนี่มันมหัศจรรย์จริงๆ!”
ฉินอูฟ่าที่ยืนเศร้าสร้อยอยู่ข้างๆ กำหมัดแน่นขณะที่มองไปที่เย่หยูและฮันเสวี่ยที่ยืนหยอกล้อกันทั้งคู่ เขามองด้วยสายตาที่ทั้งอิจฉาทั้งโมโหอย่างจริงจัง
คางคกริอาจอยากจะกินเนื้อหงส์! ฉินอูฟ่าจ้องไปที่เย่หยูด้วยสายตาที่คมกริบ นึกอยากจะให้เป็นดาบคมแทงเข้าไปที่เย่หยู!
เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนของฮันเสวี่ยที่มองไปที่เย่หยู ฉินอูฟ่าทำได้เพียงปลอบตัวเองในใจ ฮันเสวี่ยเป็นเพียงแค่เด็กใหม่สำหรับเขา เธอเป็นแค่เด็กน่าสงสารคนหนึ่งจะมีเสน่ห์อะไรขนาดนั้น?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินอูฟ่ายิ้มอย่างมั่นใจ ในโลกนี้ ผู้หญิงทุกคนรักเงิน ใช่ไหม?
“อะแฮ่ม แม่หิมะตัวน้อย “
ฉินอูฟ่าเคลียร์คอของเขาแล้วเดินไปข้างๆฮันเสวี่ย แสร้งทำเป็นอ่อนโยนแล้วมองไปที่เธอ
“ทำไมนายยังอยู่ที่นี่หละ? นี่นายยังแพ้ไม่พออีกหรอ?”
เย่หยูเลิกคิ้วขึ้นและมองไปยังฉินอูฟ่าด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
ฉินอูฟ่าหยิบกล่องที่แสนประณีตออกมาแล้ววางไว้ตรงหน้าฮันเสวี่ยก่อนที่จะค่อยๆเปิดมัน
“แหวนแองเจิลคาร์เทียร์ รุ่นใหม่ล่าสุด มีมูลค่าถึง 100,000 หยวน!”
ฉินอูฟ่าหยิบแหวนออกมาจากกล่องแล้วมอบมันให้ฮันเสวี่ย
“วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ งั้นฉันให้แหวนวงนี้เธอ!”
ตอนนี้ โคมไฟที่เปิดอยู่ แหวนของฉินอูฟ่าส่องแสงเปล่งปลั่งรอบๆภายใต้หลอดไฟ
“โอ้พระเจ้า! แหวนนี่มันช่างสวยจริงๆ!”
“นี่มันแหวนคาร์เทียร์รุ่นล่าสุด!มีมูลค่าหลายแสนหยวน!”
“นี่มันพวกเศรษฐีจริงๆนี่ เขาตั้งใจให้ของขวัญเป็นแสนขนาดนั้น ทำไมไม่มีคนแบบเขามาไล่ตามฉันบ้างนะ? “
หลังจากที่ฉินอูฟ่าหยิบแหวนแองเจิลออกมา ผู้หญิงรอบๆต่างพากันสนใจแหวนที่อยู่ในมือเขาเพชรที่เปล่งประกายระยิบระยับ!
อย่างไรก็ตาม ฮันเสวี่ยไม่แม้แต่จะมองไปยังแหวนแองเจิล
“ฉินอูฟ่า ไม่คิดว่ามันจะเด็กไปหรอก? นายคิดว่าฉันขาดเงินนิดหน่อยหรอ? “
การเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของฮันเสวี่ย ฉินอูฟ่าไม่ได้สนใจแล้วมองไปยังเย่หยูด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“แน่นอนเธอไม่ขาดเงินหรอก แต่ไม่รู้สึกหรอว่าเขาไม่ได้มาจากสังคมเดียวกันกับเรา?”
ฉินอูฟ่าชี้ไปยังเย่หยู มองด้วยสายตาที่เหยียดหยามมากยิ่งขึ้น
“ดูเขาสิ เขามีค่าไม่ถึงร้อยหยวนหรอก?”
ฉินอูฟ่าหันไปมองฮันเสวี่ย
“เสี่ยวเสวี่ย พวกเราเกิดมาคนละระดับกับเขา เขาป็นเด็กจนๆคนหนึ่งและไม่สามารถให้ชีวิตที่เธอต้องการไม่ได้หรอก!”
ฮันเสวี่ยรู้สึกโกรธมากจนหน้าของเธอแดง เธอชี้ไปยังฉินอูฟ่า นายคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นแต่ในสายตาฉัน นายด้อยกว่าเย่หยูมาก!
“ฉินอูฟ่า นี่นายคิดว่านายดีจริงๆหรอ? มีอย่างอื่นอีกไหมที่นายคิดนอกจากเรื่องเงิน? “
ฉินอูฟ่ารู้สึกโกรธแล้วเริ่มหัวเราะ เขาชี้ไปที่เย่หยูกับฮันเสวี่ยแล้วพูดว่า
“นี่เธอจะเอามันเป็นแฟนจริงหรอ? มันให้ของอะไรในวันวาเลนไทน์ได้บ้าง? หรือจะเป็นตุ๊กตาไร้ค่าตัวนั้น? “
ฮันเสวี่ยกอดตุ๊กตาแน่นที่เย่หยูให้และยิ้มเยาะ
“ฉินอูฟ่า นายอย่าคิดว่าทุกคนจะเหมือนายนะ สิ่งที่ฉันชอบคือคน ไม่ใช่เงิน! “
เมื่อฉินอูฟ่าเห็นฮันเสวี่ยยืนกราน เขาก็หันหน้าไปมองเย่หยูแล้วเยาะเย้ย
“ในฐานะแฟนของฮันเสวี่ย แกคงจะไม่ให้แค่ตุ๊กตาน่ารังเกียจตัวนี้ในวันวาเลนไทน์สินะ? แค่นั้นจริงหรอ? หรือแกจะพูดว่าดอกกุหลาบราคาร้อยหยวนแทนดีหละ?”
เย่หยูมองไปยังฉินอูฟ่ายิ้มบางๆแล้วพูดว่า
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ ว่าฉันกะจะเอาแหวนให้ฮันเสวี่ยพอดี!”
ฉินอูฟ่ามองเย่หยู ด้วยสายตาที่เหยียดหยามและยิ่งมากขึ้นไปอีก
“เด็กจนๆแบบนาย จะให้แหวนแบบไหนกับฮันเสวี่ยหละ? นี่นายจะซื้อราคาสักสองสามหยวรข้างถนนหรอ?”
ผู้ชมรอบข้างต่างพาให้ความสนใจ เด็กมัธยมเนี่ยนะจะให้แหวนจริงๆ?
“แล้วแหวนแองเจิลหละ? นักเรียนอย่างนายจะให้อะไรเธอ?”
“ใช่แล้ว ฉันแนะนำให้นายเอามันออกไป เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องอับอายยังไงหละ”
“ไม่มีข้อเปรียบเทียบ งั้นก็ไม่มีอะไรเสียหาย น้องชาย ไปเร็ว!”
“ไม่จำเป็นต้องไปมีความสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนจนๆนี่ มีเหตุผลหน่อยสิ ฉันพนันได้เลยว่านายไม่สามารถให้แหวนได้มากกว่าสองร้อยหยวนหรอก!”
เย่หยูไม่ได้สนใจคำเยาะเย้ยจากผู้คนรอบๆ แต่กลับหันไปมองฮันเสวี่ยอย่างอ่อนโยน
“เสี่ยวเสวี่ย วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ฉันมีของขวัญอะไรจะให้เธอ!”
ฮันเสวี่ยพยักหน้าของเธออย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งคู่ของเธอสุกสกาวราวกับจะเปลี่ยนเป็นน้ำพุ
“ได้ ไม่ว่านายจะให้อะไรฉัน มันจะเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลก!”
ทางด้านของฉินอูฟ่าก็จ้องเขม็งไปยังเย่หยู
“ชิ! ฉันอยากจะเห็นว่าของล้ำค่าแบบไหนที่นายจะเอาออกมาได้!”
เมื่อพบกับสายตาที่คาดหวังของฮันเสวี่ย เย่หยูก็เอากล่องออกมาจากหน้าอก กล่องนั้นเป็นกล่องที่เรียบง่ายและไม่ได้มีการตกแต่งพิเศษอะไร เย่หยูตั้งใจซื้อจากร้านค้าริมถนน
เมื่อมองไปยังกล่องที่เย่หยูเอาออกมา ฉินอูฟ่าหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่า เย่หยูนี่ของขวัญจากแกหรอ? บอกหน่อย แหวนและกล่องนี่มีค่าถึงสิบหยวนไหมเนี่ย?”
ทุนคนรอบๆต่างพากันมองเย่หยูด้วยสายตาแปลกๆ
“นี่มันไร้ค่าเกินไป นี่เขายังกล้าเอามันออกมาได้ยังไง? “
“ใช่แล้ว ดูสิ ฉลากบนกล่องยังไม่แกะออกไปเลย สามหยวน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นายจะไม่ตลกไปหน่อยหรอ? ให้ของขวัญแฟนแบบนี้เนี่ยนะ?”
เย่หยูถือกล่องขึ้นมาตรงหน้าฮันเสวี่ยแล้วพูดอย่างนุ่มนวล
“เสี่ยวเสวี่ย ผมบอกคุณแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสิ่งที่อยู่ภายในไม่ใช่รูปลักษณ์สวยงามภายนอก!เปิดมันดูสิ! “
ฮันเสวี่ยไม่ได้สนใจแพ็คเกจที่ดูเรียบง่ายแม้แต่น้อย เธอรับกล่องมาอย่างตื่นเต้นและเปิดมันดูอย่างกระตือรอร้น
เมื่อเห็นฮันเสวี่ยไม่ได้ใส่ใจ ฉินอูฟ่าก็เริ่มรู้สึกอิฉามากขึ้นและพูดอย่างอาฆาตว่า
“ฮันเสวี่ย เธอจะเปิดมันเพื่ออะไรหละ!? เธอควรจะโยนมันทิ้งซะจะได้ไม่เสียสายตาฉัน!”
ฮันเสวี่ยไม่ได้สนใจฉินอูฟ่า ตอนนี้ สิ่งที่เธอเห็นทุกอย่างก็คือกล่องที่อยู่ตรงหน้าที่เย่หยูมอบให้นี้เป็นครั้งแรกที่เขาให้ของขวัญแบบนี้กับเธอ!
ฮันเสวี่ยแบมือเรียวยาวขาวๆของเธอและค่อยๆเปิดกล่อง
“อ้า!”
ฮันเสวี่ยร้องออกมาอย่างตกใจขณะมองข้างในกล่องอย่างไม่น่าเชื่อ
“เหมือนที่ฉันพูด! เขาให้ของดีอะไรได้บ้างหละ!”
ฉินอูฟ่ารู้สึกดีอย่างยิ่งขึ้นมาทันที เขาคิดว่าของที่อยู่ข้างในคงจะเส็งเคร็งน่าดู
เมื่อเห็นฮันเสวี่ยแสดงอาการดีใจ เย่หยูยิ้มเบาๆ
“เสี่ยวเสวี่ย ชอบของขวัญที่ฉันให้รึเปล่า? นี้เรียกว่าแหวนเลิฟซิก!”
ฮันเสวี่ยปิดปากของเธออย่างตื่นเต้น ดวงเริ่มมีน้ำเล็กน้อย จนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ฉันชอบมัน! มันสวยมาก!”
ฉินอูฟ่านิ่งอยู่ได้ไม่นาน นี่มันสิ่งที่ดีจริงๆหรอ? ดีกว่าแหวนแองเจิลของเขางั้นหรอ?
“ฮันเสวี่ย เอามันออกไป ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะให้สิ่งดีๆกับเราได้!”
ฮันเสวี่ยยื่นมือของเธอแล้วหยิบแหวนที่ทบเข้าหากันออกมาอย่างตื่นๆ แล้วถือมันภายใต้แสงไฟสว่าง
แหวนเลิฟซิกถูกแกะจากเพชรสีดำ พื้นผิวที่ปกคลุมไปด้วยกระเพชรที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและมีเพชรเล็กๆที่ฝังอยู่นับไม่ถ้วน
เฟี้ยว!
แสงของแหวนเลิฟซิกก็สะท้อนรอบๆทั่วบนถนน
สิ่งที่อยู่รอบผู้คนไม่ใช่แสง แต่เป็นแสงของดาวที่เหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด ที่นี่ราวกับกาแล็กซี่ ดวงดาวมากมายที่น่าพิศวงที่สาดลงมาตรงพื้นถนน
ผู้คนบนถนนต่างพากันเงียบและมองไปที่มือของฮันเสวี่ย พวกเขาไม่สามารถพูดได้เป็นเวลาสักพักเพราะความงดงามที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทำให้พวกเขาหลงอยู่ในภวงค์จนควบคุมตัวเองไม่ได้
มันเป็นสมบัติของโลกใบนี้อย่างแท้จริง สิ่งที่สวมอยู่ไม่ใช่แหวนแต่เป็นกาแล็กซี่ที่สว่างสุกสกาว!