ปล้นสวรรค์ - 34 ไร้ค่า
SPH:บทที่ 34 ไร้ค่า
“มันสวยมาก!”
“นี่มันแหวนในฝันฉันจริงๆ!”
“นี่มันไม่ใช่แหวน! นี่มันท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว!”
“งั้นเด็กคนนี้ก็เป็นไทซานจริงๆ! ถ้าเทียบกับแหวนแองเจิลแล้วเป็นขยะไปเลย!”
“ถ้าแหวนนี่สำหรับฉัน หากฉันตายตอนนี้ ฉันก็จะยังคงมีความสุข!”
ภายใต้แสงของดวงดาวของแหวนเลิฟซิก ซึ่งทุกคนต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติ แววตาของทุกคนที่มองเย่หยูเต็มไปด้วยความนับถือและความชื่นชม
ฉินอูฟ่าฟื้นสติจากอาการช็อคและเดินโซซัดโซเซไปมา หน้าที่หล่อเหลาของเขาตอนนี้ดูดุร้ายมาก
“ไม่!เป็นไปไม่ได้!แหวนแกจะไปมีค่ากว่าแหวนของฉันได้ยังไง!ปลอม มันต้องเป็นของปลอม!”
ชายผมขาวที่เดินออกด้วยท่าทางสงบเดินออกมาจากฝูงชน เดินเข้ามหาแล้วถามด้วยเสียงสั่นว่า
“เย่หยู น้องชาย ฉันเป็นฉันเป็นหัวหน้าผู้เชี่ยชาญด้านเครื่องเพชรของบริษัทจิวเวอร์รี่แบคลีย์ ฉันขอดูแหวนรักคู่นี้หน่อยได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคนแนะนำตัว จากฝูงชนร้องอุทานออกมา
“แบคลีย์จิวเวอร์รี่? เป็นบริษัทจิวเวอร์รี่ระดับท็อปในโลก คนๆนี้เป็นหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญ เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ!”
เย่หยูพยักหน้ารับ
“แน่นอน”
ชายคนนั้นเดินเข้ามาดูแหวนอย่างตื่นเต้น เขาสวมแว่นและค่อยๆตรวจดูมัน ในบางครั้งเขาจะสูดลมหายใจเย็นๆเข้าไปลึกๆ ฉินอูฟ่าถามตามอย่างมีหวัง
“เป็นยังไงบ้างหละ? มันปลอมใช่ไหม? หรือขยะ?”
สายตาของชายผู้นั้นไม่ได้ละออกจากแหวนเลิฟซิกเป็นเวลาซักพักก่อนที่จะตอบอย่างไม่ตั้งใจว่า
“ไร้ประโยชน์มาก”
ฉินอูฟ่ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งในทันที มองไปยังเย่หยูอย่างอวดดี
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันบอกแกแล้ว แกมันก็แค่ขยะ!”
ชายคนนั้นยืดตัวตรง มองเย่หยูแล้วถอนหายใจ
“ขยะ ฉันกำลังพูดถึงแหวนแองเจิลของนายต่างหาก!”
ฉินอูฟ่าโวยวายด้วยความที่ไม่เชื่อ
“เป็นไปไม่ได้! แหวนแองเจิลของฉันมีค่าถึงแสนหยวน!”
ชายผู้นั้นพูดอย่างเหยียดหยามว่า
“แสนหยวน? เมื่อเทียบกับสมบัติอันล้ำค่าคู่นี้แล้ว แหวนแองเจิลของคุณไร้ค่าไปเลย! “
“แหวนคู่นั้นมันอะไรกัแน่? แม้แต่แหวนที่มีค่าถึงแสนหยวนก็ยังถูกมองเป็นขยะเมื่อเทียบกับแหวนคู่นั้น?”
ผู้เชี่ยวชาญจิเวอร์รี่มองไปยังทุกคนด้วยอาการงงๆ
“แหวนวงนี้ถูกแกะสลักจากเพชรดำ และฝังด้วยคริสตัลนับไม่ถ้วนที่ใช้ด้วยวิธีที่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ!”
“ไม่ต้องพูดถึงมูลค่าของมันหรอก ด้วยทักษะการแกะสลักและเทคนิคที่ใช้ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้! “
คำตอบของผู้เชี่ยวชาญจิวเวอร์รี่ ก็ได้ยินเสียงอึกทึกที่ดังมาจากรอบๆ
“นี่มันพูดเกินจริงไปรึเปล่า! มันต้องใช้เงินเท่าไหร่!?”
“เคยได้ยินไหม? นี่มันสมบัติที่ประเมิณค่าไม่ได้ พ่อหนุ่มคนนี้ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน! “
“หวา!ผู้ชายคนนั้นหล่อเหลือเกิน ฉันอยากได้เขาเป็นแฟนจัง!”
“เขามีแฟนแล้ว จะเข้าไปหาเรื่องอีกหรอ? “
“ฉันไม่สน ฉันโอเคถึงแม้จะต้องเป็นตัวสำรอง!”
เขาเหลียวดูหญิงสาวที่มีความอิจฉาริษยาอยู่รอบๆ ใบหน้าของฮันเสวี่ยค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง
เธอเข้าใกล้เย่หยูและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า
“เย่หยู นี่มันมีค่ามากเกินไป ฉัน…”
เย่หยูยื่นแขนออกไปห้ามฮันเสวี่ยและพูดอย่างหนักแน่นว่า
“อย่าปฏิเสธ ไม่ว่าขอองจะมีค่าแค่ไหน มันก็ไม่มีค่ากับรอยยิ้มของเธอ”
ฮันเสวี่ยมึน เธอดื่มด่ำในสิ่งที่เย่หยูทำให้อย่างอ่อนโยน เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดเย่หยู หัวน้อยๆของเธอซุกเข้ากับอกแกร่งของเย่หยู
“เย่หยู ฉันชอบนาย!”
เย่หยูขยี้ผมสีดำสนิทของฮันเสวี่ยเบาๆ ก้มหัวของเธอลงมาแล้วจูบหน้าผากเธอเบาๆ
“ฉันด้วย!”
“หวา!ช่างโรแมนติกอะไรขนาดนี้!ถ้าฉันจะมีแฟนฉันก็อยากจะมีแบบนี้!”
“พระเจ้า!ฉันอยากจะเป็นตัวสำรองของเขาจัง!”
“ฉันจะไปเกิดเป็นลิงเพื่อเขา!”
ผู้หญิงรอบๆทั้งหมดต่างกรี๊ดร้อง เพราะพบว่าเย่หยูไม่เพียงแต่ที่จะหล่อโดดเด่น เขายังใจดีและรวยอีกด้วย!
ทางด้านฉินอูฟ่า เขาตะลึงจนพูดไม่ออก เวลานี้ ไม่มีใครมองไปที่เขา
เมื่อเทียบกับเย่หยูที่แจ่มใส ฉินอูฟ่ากลายเป็นเหมือนตัวตลกที่กำลังออกจากเวที
“ติ๊ด!ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของคนรักที่เปรียบหมือนเทพธิดาได้ได้รับหนึ่งรางวัล!”
เสียงของระบบดังขึ้นมาในหัวของเย่หยู ปากของเขาหยักขึ้นเล็กน้อยและมันทำให้เขามีความสุขมากยิ่งขึ้น
ข้างนอกสวนสนุก ฮันเสวี่ยกุมมือเย่หยูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขและความหวานแวว มือของทั้งคู่นั้นสวมแหวนเลิฟซิก
เพราะว่าเย่หยูให้แหวนไปก่อนหน้านั้น มันจึงทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่
มีทางเลือกที่จะเบียดฝูงชนออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกห้อมล้อม
ด้วยสายลมที่พัดโชยอ่อนๆ ฮันเสวี่ยที่กำลังดื่มด่ำกับความโรแมนติกและความสุขนี้ ทำให้หัว
สมองแจ่มใส เธอยื่นมือออกมาแล้วหยิกไปที่เอวเย่หยู
“ตอนนี้ มีสาวสวยมากมายต่อสู้กันเพื่อมาเป็นตัวเลือกของนาย !”
เย่หยูรู้สึกถึงมือเล็กๆที่เอวและเขาก็รีบร้องขอความเมตตาทันที
“พวกเขาแค่พูดเรื่องไร้สาระ ไม่เห็นหรอว่าแม่หิมะน้อยของฉันสวยแค่ไหน!”
ฮันเสวี่ยเขินขึ้นมาทันที แล้วเตะขาเย่หยูเบาๆ
“หื้ม! ใครเป็นของนาย~”
ขณะที่เย่หยูกำลังพูด เขาก็ได้ยินสัญญาณเตือนภัยดังมาแต่ไกลซึ่งทำให้เกิดรอยย่นขึ้นที่คิ้ว
“ถังถัง หนูอยู่ที่ไหน? อย่าทำให้ป้ากลัวสิคะ!”
เสียงของเธอดังฟังชัดและไพเราะ แต่ก็มีความรู้สึกกระวนกระวายใจจนทำให้รู้สึกบีบหัวใจ
“มีบางอย่างเกิดขึ้น! รีบไปกันเถอะ!”
หลังจากที่เย่หยูพูด เขาก็ดึงฮันเสวี่ยวิ่งออกไป
เย่หยูดึงฮันเสวี่ยมาที่มุม แล้วพวกเขาก็เห็นผู้หญิงตะโกนเสียงดัง
หญิงสาวที่ดูทั้งสวยและอ่อนโยน เธอสวมกระโปรงยาว และดูมีอารมณ์ท่าทางเหมือนกับน้ำที่อ่อนโยนซึ่งทำให้เธอดูราวกับคนที่หลุดออกมาจากภาพวาด
เย่หยูจำได้แม่นว่าคือป้าที่เขาพบก่อนหน้านี้ สาวน้อยที่มีชื่อถังถัง
แต่ตอนนี้ ป้าของถังถังกำลังจะร้องไห้ออกมา
เย่หยูและฮันเสวี่ยวิ่งมาและรีบถามอย่างเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้นครับ? เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อหญิงคนนั้นเห็นเย่หยูถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ราวกับว่าเธอได้พบกับทางออก เธอดึงเย่หยูมาแล้วถามอย่างร้อนใจว่า
“ฉันชื่อลู่ชิงซิน หลานสาวฉันหายตัวไป ฉันหาตัวเธอไม่เจอ!”
หลังจากที่ลู่ชิงซินพูดจบ น้ำตาก็ไหลรินลงมาบนใบหน้าเธอ ท่าทางอ่อนแอของเธอทำให้ใจของคนเจ็บปวดเพราะเธอได้
เมื่อได้ยิน เย่หยูก็รีบถามอย่างรวดเร็ว
“คุณกำลังพูดเรื่องถังถังอยู่รึเปล่า?”
ตอนแรก ลู่ชิงตกตะลึง แต่หลังจากมองเย่หยูสักพัก เขาก็จำได้ว่าเป็นเย่หยูที่ช่วยถังถังเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“ใช่! เราเพิ่งออกมาจากสวนสนุก แต่ถังถังกลับหายไปในชั่วพริบตา!”
เย่หยูขมวดคิ้ว เขาก็หายตัวไปในชั่วพริบตา?
เขามองไปรอบๆแล้วก็สังเกตเห็นรถสองสามคันบนถนน อย่างไรก็ตามก็มีคนเดินตามทางไม่มากนัก ดังนั้นเขาจะไม่เห็นพวกเขาได้อย่างไร? เว้นแต่ถังถังจะถูกพาไปที่รถโดยคนอื่น!
ในขณะสังเกตการณ์ เย่หยูก็พูด
“พี่สาวลู่ อย่าหวั่นวิตกไป ถังถังถูกจับตัวขึ้นรถและพาไปที่อื่นแน่!”
เมื่อลู่ชิงซินได้ยิน ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นซีดและดวงตาก็เผยให้เห็นความสิ้นหวัง
“เราจะทำยังไงดี!”
เย่หยูมองไปยังฝูงชนบนถนนและพูดอย่างมั่นใจ
“มีรถยนต์มากมายบนถนน พวกเขาไม่สามารถเดินเร็วขนาดนั้น!”
“แต่ที่นี่มีรถมากมายบนถนน ซึ่งเป็นคันไหนหละ?”
เย่หยูเดินไปด้านข้าง ซึ่งมีแท่นหินสูงเกือบสองเมตร
เย่หยูกระโดดขึ้นไปบนแท่นหินนั้น ซึ่งไม่ได้สนใจฮันเสวี่ยและลู่ชิงที่มีสีหน้าช็อค
เมื่อมองไปยังรถที่ผ่านไปบนถนน เย่หยูขมวดคิ้วแน่ เขาไม่เจอเบาะแสอะไรเลย!
ทันใดนั้น ก็มีรถที่ดึงดูดความสนใจจากเย่หยู มันเป็นรถตู้สีขาวที่มีกระจกหนาทึบ ทำให้ยากในการมองว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้าง
กระดาษเล็กลอยออกมาจากหน้าต่างและลอยไปรอบๆในอากาศ
ด้วยสายตาที่พิเศษและแว่นโคนัน เย่หยูสามารถมองเห็นเศษกระดาษนั้นได้อย่างชัดเจน
มันเป็นไพ่โป๊กเกอร์ ไพ่คิงโพดำ ซึ่งเป็นไพ่ที่เย่หยูมอบให้ถังถัง!
“มันอยู่ตรงนั้น ผมเจอมันแล้ว!”
เย่หยูกระโดดลงมาจากแท่นหินชี้ไปยังรถตู้และพูดว่า
“พวกคุณรอตำรวจอยู่ที่นี่ ผมจะไล่ตามพวกมันไป!”
เมื่อเห็นว่ารถตู้กำลังออกไป เย่หยูก็หันหน้าไปพูดกับฮันเสวี่ยและลู่ชิงซินสองสามคำ จากนั้นเขา
ก็ก้าวลงบนพื้นแล้วไล่ตามหลังพวกมันอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเย่หยูนั้นเร็วเป็นอย่างมาก เหมือนลมกระโชกแรง เขาเข้าใกล้ระยะทางอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้รถตู้ได้ออกจากฝูงชนี่เบียดเสียดบนถนนเรียบร้อยแล้ว มันเหยียบคันเร่งแล้วพุ่งไปข้างหน้าทันที