ปล้นสวรรค์ - 68 ผู้วิเศษ
SPH:บทที่ 68 ผู้วิเศษ
“เผลอแป๊บเดียวก็มีความรับผิดชอบล้านแปด”
ตอนกลับเข้าโรงเรียน จู่ ๆ มือถือของเย่หยูก็ดังขึ้น “สวัสดีผมเย่หยู”
“ฉันลู่ซิงซิน อาของถังถังนะ” เสียงที่ดังจากปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงที่มีสำเนียงทางใต้ของจีนดังขึ้นอย่างอ่อนโยน “อืม ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่เธอช่วยฉันไว้ ให้ฉันเลี้ยงอาหารสักมื้อได้ไหม”
เย่หยูตกตะลึง แล้วรีบตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “แน่นอนครับ กี่โมงครับ”
เสียงของลู่ซิงซินดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “งั้นก็ตอนนี้เลยจ้ะ ฉันจะรอเธอที่ตึกด้านนอก”
หลังวางโทรศัพท์ลง เย่หยูโทรเรียกรถและขับไปที่ตึกด้านนอก ขณะมองวิวนอกหน้าต่าง เย่หยูก็ถามขึ้นว่า “คนขับ เมืองหมิงโจวมีหมอดูเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
คนขับซึ่งเป็นชาวเมืองหมิงโจวแท้ๆ ที่อยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว เขาคุ้นเคยกับถนนทุกเส้นทางที่นี่ เมื่อได้ยินคำถามของเย่หยู ก็ตอบเสียงเบาว่า “นั่นไม่ถูกต้องครับ เพียงแค่สองสามวันมานี่ พวกหมอดูหลั่งไหลเข้ามาในแถบหมิงเยอะมาก”
เขามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นชายคนหนึ่งนั่งริมถนนสวมแว่นกันแดดและมองเขาด้วยสายตามืดบอด คนขับอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้ “หมอดูเหล่านี้ ขนาดตำรวจยังไล่ไม่ไป แต่ผมได้ข่าวมาว่ามีสองสามคนที่ประสบความสำเร็จมาก”
เย่หยูพยักหน้าและคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาไม่รู้ที่มาที่ไป จึงได้แต่ปล่อยวางความคิดนั้นไป
ไม่ไกลจากอาคารด้านนอก มีกลุ่มคนมุงจำนวนมากอยู่ตรงแผงริมถนน ตรงกลางนั้นมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมแบบนักพรตเต๋านั่งอยู่บนม้านั่งเล็กๆ
ชายผู้นั้นร่างผอม มีผ้าโพกศีรษะ ผมยาวขาวครึ่งศีรษะถูกหวีเสยขึ้นไป และมีเคราแพะที่ตรงคาง เขาหรี่ตาเล็กน้อน งอนิ้วทำท่าเหมือนคำนวณที่บนเข่า
ที่ด้านข้างมีเรือทำจากผ้า บนนั้นเขียนว่า “การไปให้ถึงสวรรค์ถือว่าเป็นโชคชะตาลิขิตไว้ และทุกคนเรียกมันว่า การประลองหลอมกระดูกแห่งสวรรค์”
หลายคนที่อยู่ในกลุ่มพากันถกเถียงกันอย่างวุ่นวาย “คนผู้นี้คำนวณได้แม่นยำหรือไม่”
“ไม่รู้สิ แต่เขาดูเก่งมาก เขาอาจมีฝีมือจริงๆ ก็ได้”
“ทุกคนคงยังไม่รู้ แต่การคำนวณของเขาแม่นยำที่สุด ลูกสะใภ้ของผมกำลังจะคลอด เขาทายว่าเป็นเด็กผู้ชาย ผมเพิ่งได้รับสาย นี่ เป็นเด็กผู้ชายจริงๆ”
“ผู้วิเศษหลิวท่านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ผมทำกระเป๋าเงินหายเมื่อเช้า ผมเลยมาให้ท่านคำนวณให้ ผมหามันเจอแล้ว”
“เทพขนาดนั้นเลยเหรอ งั้นผมจะให้เขาทำนายทายทักบ้าง”
กลุ่มคนพากันมองไปที่ผู้วิเศษหลิวด้วยแววตาเป็นประกาย มีหลายคนที่ได้รับการทำนายอย่างแม่นยำ เห็นกันชัดว่าเขามีความสามารถในการนั้นจริงๆ นี่คือผู้วิเศษที่มีชีวิตอยู่จริงแท้
ภายในกลุ่มคน ชายกลางคนพุงอ้วนกลมที่มีใบหน้าผอมตอบๆ เบียดตัวเข้ามา เขาปาดเหงื่อที่หน้าผากและกระซิบบอกผู้วิเศษหลิวที่อยู่ในภวังค์ว่า “ทำนายให้ผมได้ไหมครับ”
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้วิเศษหลิวก็ลืมตาขึ้นมา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ถามถึงเรื่องเงินหรือถามถึงนิสัย”
ชายคนนั้นรีบตอบ “สถานการณ์เป็นยังไงครับ”
“ส่งมือมา” ชายผู้นั้นรีบส่งมือหนาๆ ไปที่ตรงหน้าผู้วิเศษหลิว
ผู้วิเศษหลิวยกมือขึ้นแตะเคราแพะ แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย หลังมองฝ่ามือชายคนนั้นครู่หนึ่ง ก็เดาะลิ้นและกล่าวว่า “แปลกนัก ช่วงนี้คุณทำได้ไม่ดีเลย เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่และวุ่นวายอย่างต่อเนื่องใช่หรือไม่”
ดวงตาของชายคนนั้นเป็นประกายและกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “ผู้วิเศษหลิว คุณคือเซียนตัวจริง ผมเจอปัญหาเยอะมากช่วงนี้ ผมควรทำยังไงดี”
ผู้วิเศษหลิวยกมือขึ้น นับไปมาอยู่พักใหญ่แล้วถอนใจออกมา “มันยากนะ อ๊ะ ตามสถานการณ์ของคุณแล้ว ผมเกรงว่าจะไม่ดีแน่ถ้าเมฆดำลอยถึงด้านบน”
ไขมันบนใบหน้าของเขาสั่นระเริกเมื่อได้ยินคำนี้ เหงื่อบนหน้าผากผุดพรายเมื่อเขาอ้อนวอนว่า “ผู้วิเศษหลิว คุณต้องช่วยม ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินไม่มีปัญหาแน่”
ผู้วิเศษหลิวมองนิ่งๆ และพูดเสียงก้องว่า “ช่วยชีวิตคุณได้บุญกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เราทำเพื่อแลกเงิน”
ชายผู้นั่นตัวสั่นและพูดค่อยๆ ว่า “ใช่ครับ คุณพูดถูก ถ้างั้นผมควรทำยังไงดี”
เมื่อผู้วิเศษหลิวได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็ลืมขึ้นเล็กน้อย และถอนใจออกมา “อ่า ช่างมันเถอะ ดูจากที่คุณมีศรัทธาแรงกล้า ผมจะยกเว้นให้และชี้ทางสว่าง กล่าวกันว่าให้ยุติความร่ำรวยและป้องกันหายนะ ผมคิดว่าเส้นทางสู่ความร่ำรวยของคุณผิดไปนิด เพียงแต่เงินของคุณหมดไป หายนะก็จะหายไปเอง”
เมื่อชายกลางคนได้ยินผู้วิเศษหลิวกล่าว แววตาของเขาก็ลุกวาบ นั่นเป็นเลือดเนื้อของเขาเลยนะ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเล ผู้วิเศษหลิวยืดตัวนั่งหลังตรง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ดังที่กล่าวไปแล้ว เงินคือทรัพย์สินของโลก ถ้าคุณเสียชีวิตเพื่อเงิน ฮ่าๆ มันคุ้มค่าหรือไม่”
สีหน้าของชายผู้นั่นเปลี่ยนแปรไป เขาขบฟัดกรอดแล้วกระทืบเท้า จากนั้นก็ล้วงเอาบัตรธนาคารออกมาและส่งให้ผู้วิเศษหลิว “ในบัตรนี้มีเงินห้าแสนหยวน ท่านอาจารย์ โปรดให้ทางสว่างกับผมด้วย”
ผู้วิเศษหลิวมองบัตรธนาคารและเมื่อพลิกข้อมือวูบหนึ่ง บัตรก็หายเข้าไปในแขนเสื้อของเขา “เพราะคุณขอร้องอย่างจริงใจ ผมจะให้ของบางอย่าง หากมีมันคุ้มครอง โชคของคุณจะยิ่งดีกว่าเดิม”
ผู้วิเศษหลิวกล่าวขึ้นพลางล้วงเอาเครื่องรางคุ้มกันปีศาจออกมาและส่งมันให้อีกฝ่าย ชายคนนั้นรับเครื่องรางคุ้มกันปีศาจมาอย่างตื่นเต้นและนำมาแขวนไว้ที่คอ หลังกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็หมุนกายจากไป
เมื่อผู้วิเศษหลิวเห็นอีกฝ่ายจากไป เขาก็เผยรอยยิ้มลึกลับและกล่าวกับฝูงชนว่า “ทำนายสามครั้งต่อวัน มีใครอยากให้ทำนายครั้งสุดท้ายหรือไม่”
หลังผ่านไปเนิ่นนาน มีเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลดังชึ้น “ทำนายเรื่องเนื้อคู่ได้หรือไม่”
“เนื้อคู่หรือ ได้แน่นอน”
ผู้วิเศษหลิวมองไปที่สตรีที่ยืนตรงหน้าซึ่งงดงามดุจภาพวาด เขาแตะริมฝีปากและกล่าวยิ้มๆ
เดิมทีลู่ซิงซินแค่มองด้วยความอยากรู้ แต่เธอรู้มาว่าผู้วิเศษหลิวนั้นเก่งกาจมาก ด้วยเหตุผลบางประการ ลู่ซิงซินตัดสินใจก้าวออกมาถาม
เธอยินดียิ่งนักที่ได้ยินผู้วิเศษหลิวตอบว่าทำนายได้แน่ จึงรีบถามขึ้น “อยากให้ท่านทำนายชะตาเนื้อคู่ค่ะ”
“ส่งมือมาสิ”
เมื่อลู่ซิงซินได้ยิน เธอก็ยื่นมือให้ผู้วิเศษหลิวโดยไม่สงสัยใดๆ ทั้งสิ้น
ช่างเป็นมือที่งดงามนัก!
ผู้วิเศษหลิวมองฝ่ามือบอบบาง ซึ่งประกอบด้วยผิวเนื้อขาวนวลเนียน แล้วลมหายใจของเขาก็ถี่กระชั้นขึ้นโดยไม่ตั้งใจ เขาพยายามข่มใจต็มที่และแสร้งมองไปที่ลู่ซิงซินนสักครู่หนึ่ง ทำการคำนวณและคิดสักพักก่อนกล่าวว่า “ดอกเหมยบานในโลกดอกไม้ เมื่อหยูเหลาดึงเส้นด้าย สาวน้อย คุณจะได้แต่งงานแน่นอน”
ใบหน้าของลู่ซิงซินแดงเปลั่งขณะพูดอย่างเอียงอาย “บอกได้ไหมคะว่าเนื้อคู่มีลักษณะไหน”
ผู้วิเศษหลิวเหลือกตาขึ้น ขณะมองไปที่ลู่ซิงซินที่งดงามเหมือนดอกบัวน้ำซึ่งเต็มไปด้วยหัวใจอันเร่าร้อน ใจของเขาร้อนรุ่มยิ่งกว่า เขาไอแห้งๆ และพูดว่า “สาวน้อย เนื้อคู่ของเธอเป็นเหมือนมังกรและวิหคไฟท่ามกลางชายหนุ่ม มันยากที่จะทำนายได้”
ลู่ซิงซินกระวนกระวายเล็กน้อย “ได้โปรดทำนายด้วยเถอะค่ะ ฉันจะจ่ายเงินให้”
ผู้วิเศษหลิวโบกมือ “เรื่องเงินนั้นไม่สำคัญ ถ้าอยากรู้ผลลัพธ์ เธออาจโดนลงโทษได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่ซิงซินได้แต่ตื่นตะลึง และถามอย่างสงสัยว่า “ลงโทษเหรอคะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ผู้วิเศษหลิวชี้ไปที่เรือของเขา “เธอเห็นสิ่งนั้นไหม ถ้าอยากรู้คำตอบที่ชัดเจนของการแต่งงาน จะทำเช่นนั้นได้ด้วยการตรวจกระดูก”
“สัมผัสกระดูกเหรอ”
ผู้วิเศษหลิวพยักหน้า แววตาเปล่งประกาย “ถูกต้อง ต้องสัมผัสกระดูกของเขา”
ลู่ซิงซินขบริมฝีปากล่างและสีแดงบนใบหน้าของเธอชัดเจนยิ่งขึ้น “นี่ เช่นนี้ทำไม่ได้”
ผู้วิเศษหลิวผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาจะใช้วิธีไหนหลอกล่อดีนะ
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เธอไม่พบคนดีๆ หรอกนะ ต่อให้ท่องทั่วแดนมนุษย์ อย่าเสียเวลาทั้งชีวิตเลย”
ใบหน้าของลู่ชิงซินเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ขณะที่เธอทำท่าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา เสียงดังลั่นที่ด้านหลังก็ทำให้เธอหันขวับไปอย่างแปลกใจ
“อย่าเชื่อเขา เขาเป็นคนโกหก”
“เย่หยู เธอมาแล้ว” ลู่ชิงซินหันไปเห็นเย่หยูยืนที่ด้านนอกกลุ่มคนมุง เขารีบเบียดคนเข้ามา มองไปที่ลู่ซิงซินแล้วพูดว่า “ไม่ได้รอผมที่ตึกด้านนอกหรอกเหรอ ทำไมเรามาที่นี่ได้ล่ะ”
ลู่ซิงซินพยักหน้าและกล่าวอย่างอับอายว่า “ฉันแค่อยากรู้อยากเห็น ก็เลยมาถามดู”
เย่หยูมองหน้าที่แสดงความไม่พอใจของผู้วิเศษหลิวและแสยะยิ้มออกมา “หมอนี่เป็นนักต้มตุ๋น เขาอยากฉวยผลประโยชน์จากคุณแบบเห็นๆ”