ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 252 จัดหาอาหาร
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 252 จัดหาอาหาร
252 จัดหาอาหาร
ในการต่อสู้เสียงดังยืดยาวที่กำลังเกิดขึ้นในระยะไกลออกไป เราเบียดกันในมุมของที่พักชั่วคราวด้วยแค่แสงอ่อนๆจากเครื่องปลายทางพกพาเท่านั้นเพื่อพึ่งพาและกลั้นหายใจ
“เอ่อ เราไม่ได้ต้องกลั้นหายใจจริงๆ ใช่มั้ย?”
“ใช่ แม้อย่างนั้น ไม่มีอะไรที่เราทำได้มากในสถานการณ์นี้อยู่ดี เราควรแค่นอนมั้ย?”
“ถ้ามายืนยันแผนของเราสำหรับพรุ่งนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้นั่นเป็นอะไรที่พี่เรียกว่าประเด็นมีความหมาย”
เพราะมีมิแนะนำ เราเริ่มคุยเกี่ยวกับแผนของเราสำหรับพรุ่งนี้
“ฉันคิดว่ามันจะดีที่สุดที่พื้นฐานแล้วเราแค่อยู่นิ่งๆและรอการช่วยเหลือ แต่พวกเธอมีแผนอื่นมั้ย?”
“ไม่มี”
“หึ”
“ไม่เลย ฉันก็ไม่มีเลย”
“หนูด้วย”
“ฉันดีใจที่เราทั้งหมดเห็นด้วยกับนั่นเพราะอย่างนั้น”
เพราะเราออนไลน์โดยใช้เครื่องปลายทางพกพาไม่ได้ เราอยู่ในสถานการณ์ที่เราแม้แต่ดูแผนที่ดีๆของบริเวณไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าทิศทางไหนที่เราควรมุ่งหน้าไป มันอันตรายที่จะไปเดินไร้จุดหมายทั่วป่า มันดูเหมือนสิ่งมีชีวิตพื้นถิ่นบนดาวเคราะห์นี้ค่อนข้างอันตราย และการเข้าไปสู่อุบัติเหตุระหว่างพยายามเดินทางในป่าที่ไม่ได้พัฒนานั้นน่ากลัวด้วยเหมือนกัน อะไรๆเหมือนแมลงมีพิษและสิ่งมีชีวิตอันตรายอื่นๆแบบนั้นคือข่าวร้าย การอยู่ข้างในแคมป์เป็นการทำอะไรที่ฉลาดหลังจากทั้งหมด
“ปัญหาคืออาหาร ฉันคิดว่าอาหารที่เราเอามาด้วยควรทำให้เราอยู่ได้ไม่กี่วัน แต่มันจะแย่ถ้าการช่วยเหลือใช้เวลานานกว่าที่คาด”
“นั่นจริง ฉันคิดว่ามันจะดีที่สุดถ้าเรารวมอาหารทั้งหมดที่เรามีและกินมันช้าๆเพื่อที่เราจะไม่กินมากกว่าที่จำเป็น”
“ได้เลย ถ้าอย่างนั้น มานำพวกมันทั้งหมดมาและวางพวกมันไว้ที่เดียวในตอนเช้า มีคำแนะนำอื่นมั้ย?”
“อืม ไม่ใช่มันจะดีกว่าถ้าเราหาอาหารนิดหน่อยด้วย บอส? ป่ามีของกินได้เยอะอยู่ข้างในมัน ถูกมั้ย?”
“มีทางเลือกล่าสัตว์สำหรับเนื้อพวกมันด้วย ฉันอ่านนั่นที่พิพิธภัณ”
ทีน่าและวิสเกอร์ทั้งสองเอาจริงกับการหาอาหาร
อึม พวกเธอคิดอย่างเดียวกันกับผมหือ
“ปัญหากับนั่นคือเราไม่รู้ว่าอะไรกินได้และกินไม่ได้ เพราะทั้งหมดเราไม่มีความสามารถแยกแยะพวกมันได้ และการกินอะไรอย่างหน้ามืดตาบอดก็อันตรายได้ด้วย”
บางครั้ง ผลไม้รูปลักษณ์ดูน่ากินจริงๆแล้วเป็นพิษสูงกับผู้คน หญ้าที่ดูเหมือนต้นหญ้าทั่วไปจริงๆแล้วมีหลอดกลมๆกินใด้ข้างใต้ และต้นไม้ที่ดูเหมือนไร้พิษภัยจริงๆแล้วทำให้คันอย่างแรง อะไรๆแบบนั้นมีอยู่ปรกติในป่า คนหนึ่งตัดสินใจอย่างแม่นยำไม่ได้ผ่านสายตาของมือสมัครเล่น
“โอ้ จริงๆแล้วเราไม่เป็นอะไรเกี่ยวกับนั่น หนูสามารถดาวโหลดแอพสแกนที่ใช้แบบออฟไลน์ได้บนเครื่องปลายทางข้อมูลก่อนเรามุ่งหน้าออกมา”
“ทำไมเธอคิดดาวน์โหลดอะไรแบบนั้นอยู่ดีล่ะ”
“อืม เราจะมุ่งหน้าไปกับการเที่ยวชมป่า และพี่พูดว่าเราออนไลน์ไม่ได้ฮิโระซามะ ดังนั้นนั่นทำไมหนูโหลดมัน”
มีมิตอบระหว่างแสดงรอยยิ้มภูมิใจ อืม เอ่อ นั่นยอดเยี่ยม แต่…… หนูมีเจตนาสแกนต้นไม้และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในบริเวณแค่เพื่อดูว่าพวกมันกินได้หรือไม่หรือ?
“ยังไงซะ พี่ไม่ได้คาดว่าหนูจะเตรียมอะไรแบบนั้นมีมิ แต่มันจะช่วยเราได้มากๆเลย ได้เลยถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ มีมิและฉันจะไปสำรวจบริเวณเพื่อดูว่าเราหาอาหารได้มั้ย เธอมีหน้าที่ดูแลป้องกันแคมป์ระหว่างเราไม่อยู่ เอลม่า”
“โรเจอร์”
“แล้วเราล่ะ บอส?”
“พยายามพัฒนาแคมป์โดยใช้อุปกรณ์ประกอบโมเลกุลและดูว่าเธอทำบางอย่างมีประโยชน์ได้หรือเปล่า หนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของเราตอนนี้คือน้ำ แล้วก็เธอลองเอาเครื่องส่งสัญญาณฉุกเฉินติดกับเครื่องปลายทางข้อมูลและหาว่าเราส่งสัญญาณฉุกเฉินแบบนั้นได้มั้ย?”
“มืม หนูไม่แน่ใจว่ามันทำได้มั้ย แต่เราจะทำเต็มที่”
ผมเดาว่านั่นสรุปแล้วสำหรับแผนของพรุ่งนี้
“แต่การต่อสู้ยังไม่หยุดเลยหือ”
“ฉันก็กังวลด้วย แต่มันไม่เหมือนว่าเราทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมันได้ มาแค่นอนเถอะ”
ผมไม่แน่ใจว่ากองกำลังของธงแดงใหญ่แค่ไหนที่ออกมาเพื่อโจมตี แต่ผมสงสัยว่ามันไม่เปลี่ยนเป็นสถานการณ์ที่พวกเขาจะกวาดล้างกองประจำการระบบดาวและพากันมาท่วมที่นี่
ไม่ว่าอย่างไร มีมิและคนอื่นๆทำเตียงแบบง่ายๆก่อนหน้านี้ ดังนั้นผมขึ้นไปบนเตียงหนึ่งเพื่อนอน เตียงมีโครงพร้อมด้วยแผ่นยางวางอยู่บนมัน และมันไม่ได้แย่เลยสักนิด จากนั้นผมใช้ผ้าคลุมอุณหภูมิคาเมเลี่ยนแทนผ้าห่ม ใช่ การปรับอุณหภูมินั้นสมบูรณ์แบบ
ผมตื่นขึ้นหลังจากสังเกตุว่ามีอีกอยู่ ผมเปิดตาผมนิดหน่อยและเห็นบางคนกำลังใช้ผ้าคลุมอุณหภูมคาเมเลี่ยนเป็นผ้ากั้นเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือบางอย่างข้างหลังมัน
“อรุณสวัสดิ์”
“ฮ่ะยยยี๊? พ-พี่ใหญ่?”
เสียงของวิสเกอร์ดังออกมาข้างหลังที่กั้นผ้าคลุมอุณหภูมิ เข้าใจแล้ว
“ฉันจะปิดหน้าของฉันด้วยผ้าคลุมนิดหน่อย บอกฉันเมื่อเธอเสร็จแล้ว”
“ค-ค่ะ!”
เมื่อผมปิดหัวผมด้วยผ้าคลุม ผมแแทบไม่ได้ยินเสียงของเสื้อผ้าขยับ ผมกำลังจะกำลังไปหลับเมื่อบางคนสั่นร่างกายของผม และในที่สุดผมก็ตื่นเต็มที่
“ฟุ่ว้าาาา…… สวัสดีตอนเช้า”
“ส-สวัสดีตอนเช้า”
วิสเกอร์ตอบสวัสดีกลับด้วยหน้าแดง มันไม่เหมือนว่าผมเห็นเธอเปลือยอยู่ดี ดังนั้นผมไม่คิดว่าเธอควรอายขนาดนั้นเกี่ยวกับอะไรที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“เราลุกขึ้นดีมั้ย?”
“ใช่ ทุกคนอยู่ข้างนอกแล้ว”
“ได้เลยถ้าอย่างนั้น เราควรเอาสัมภาระเราไปด้วย”
เราหยิบกระเป๋าและออกจากที่พัก หลังจากออกมาข้างนอก ผมเห็นคนอื่นอีกสามคนยุ่งอยู่กับการย้ายของในกระเป๋าสู่กล่องสีดำ
“สวัสดียามเช้า ฮิโระซามะ”
“หวัดดี ฮิโระ”
“สวัสดีตอนเช้า”
“สวัสดีตอนเช้าพวกเธอ มีให้ฉันสักอันด้วยมั้ย?”
“มี เราทำอันหนึ่งสำหรับพวกเธอแล้ว ของเธออยู่ตรงนั้น วี”
“อึน”
กล่องนั้นขนาดเต็มแขน เราเก็บเสื้อผ้าของเราและอะไรอย่างอื่นที่เราไม่ใช้ประโยชน์ทันทีไว้ข้างในพวกมัน เราจะรวมอาหารเก็บสู่กล่องแยกกัน
“มืม ถ้าเรากินปรกติ เราจะสามารถทำให้อาหารฉุกเฉินอยู่ได้จนกว่าคืนหน้า”
“เพราะทั้งหมดแล้วนอกจากฮิโระ เราแต่ละคนแค่นำอาหารมาเพื่อวันเดียวเท่านั้น”
“และทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?”
“เอ่อ เราไม่ได้คาดหวังตรงๆว่าเราจะเกี่ยวข้องกับเครื่องบินตก บอส……”
“ขอโทษ”
ถ้าอย่างนั้นผมเป็นคนแปลกคนเดียวสำหรับการยัดอาหารฉุกเฉินมาจำนวนหนึ่งอาทิตย์ข้างในกระเป๋าของผม มืม แต่แม้อย่างนั้น เราจะสามารถทำให้มันอยู่ได้จนกว่าคืนพรุ่งนี้ ดังนั้นผมเดาว่ามันไม่เป็นอะไร
“ไม่หรอก มันไม่เป็นไร ฉันเป็นคนที่แปลกที่นำมามากเท่านี้ ไม่ว่ายังไง มาทำตามที่เราวางแผนกันเมื่อวานเถอะ”
“ใช่ ระวังตัวนะข้างนอกนั่น เข้าใจมั้ย?”
“ค่ะ! เราจะทำเต็มที่เพื่อหาอาหารกลับมา!”
มันดูเหมือนมีมิอยากลุยแล้ว แต่ผมหวังว่าแรงจูงใจเธอไม่สูญเปล่าที่หลัง
พูดถึงแล้ว เธอสามารถชาร์จเครื่องปลายทางข้อมูลโดยใช้ตัวเชื่อมเพื่อใช้พลังงานจากซองพลังงานสำหรับใช้บนผ้าคลุมอุณหภูมิ ดังนั้นเราไม่เป็นไรกับเรื่องนั้นระหว่างเวลานี้
“ระวังตัวนะ พวกเธอ”
“ได้โปรดอย่าทำตัวเองเจ็บตัว”
“ได้”
“เราจะไปแล้วตอนนี้”
ผมมีแผนจุดสัญญาณไฟวันนี้ด้วยเหมือนกันโดยใช้ไม้ดิบที่เหลือที่เราตัดเมื่อวาน ดังนั้นผมกาต้นไม้ระหว่างเราเดินตามทางเพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถจะเจอทางกลับสู่แคมป์ได้ นี่ก็ถูกทำให้เความเป็นจริงที่เราติดอยู่ที่นี่จมลึกเข้าไปในใจยิ่งมากขึ้นและมันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะ
“เราไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ ดังนั้นมาเดินหน้าอย่างระวัง ไม่มีความจำเป็นต้องรีบ”
“ค่ะ ฮิโระซามะ”
กระเป๋าหลังของเราเกือบว่างเปล่าจากของที่มีก่อนหน้าและมีแค่อาหารสำหรับสองมื้อและกระติกเติมน้ำเองในหมู่อุปกรณ์ข้างใน ผมมีปืนเลเซอร์และเครื่องปลายทางข้อมูลพกพาในกระเป๋าของผม ผมก็เอาซองพลังงานสำรองมากับหน่วยเครื่องจักรนาโนฉุกเฉินด้วยเหมือนกัน
ในกรณีของมีมิ เธอเอาเครื่องปลายทางข้อมูลพกพา, เครื่องปลายทางแท็บเล็ท, ปืนเลเซอร์, และซองพลังงานสำรองมา มันดูเหมือนเธอก็ใส่ของของผู้หญิงเล็กๆไว้ข้างในกระเป๋าเธอด้วยเหมือนกัน
“พี่จะคอยดูรอบข้าง น้องเอาเลยและสแกนอะไรๆที่อาจกินได้ มีมิ พี่จะเดินไปพร้อมกัน ดังนั้นไปช้าๆและมั่นคง”
“ค่ะ!”
หลังจากเดินไม่กี่นาที ในที่สุดมีมิก็เจอบางอย่าง
“อ๊ะ ฮิโระซามะ หนูจับบางอย่างได้ด้วยตัวสแกน”
“โฮ่ มาดูกันซิ มันอยู่ไหน?”
เมื่อผมมองดูเครื่องปลายทางแท็บเล็ทของมีมิจากด้านข้าง มันดูเหมือนมันตอบสนองกับเถาวัลย์ที่รัดรอบตัวต้นไม้
“อ๊ะ มีบางอย่างขึ้นไปตรงนั้น”
“ฟุมุ มันดูเหมือนเมล่อนบางอย่าง”
มีมิชี้กล้องหลังของเครื่องปลายทางแท็บเล็ทที่ผลไม้หนึ่งลูกและการสแกนสำเร็จ เห็นได้ชัดว่า ต้นไม้จริงๆเป็นสมาชิกพืชตระกูลเมล่อนที่ถูกเรียกว่าโคคิริ และมันเป็นผลไม้ที่เห็นว่ากินได้ ผิวผลไม้มีลายหลายเหลี่ยมและมันดูเหมือนกินมันสดๆได้ มันแค่ใหญ่กว่าหมัดเมื่อกำนิดหน่อย
ในสายตาของผมมันคล้ายกับแตงไทยเล็กๆ
“มาหยิบอันที่สุกแล้วเถอะ”
“เราจะไม่เก็บพวกมันทั้งหมดเหรอ?”
“ต้นอาจไม่สามารถขยายพันธุ์ที่นี่ถ้าเราเอาทุกอย่าง มันไม่ดีที่จะเก็บไปมากกว่าที่จำเป็นในเวลาแบบนี้”
หลังจากพูดอย่างนั้น ผมเริ่มเก็บผลโคคิริที่มือผมเอื้อมไปถึง เถาวัลย์รัดรอบต้นไม้ที่ค่อนข้างมั่นคงพร้อมด้วยที่วางเท้ามากมาย ดังนั้นผมสามารถเก็บได้ค่อนข้างพอสมควร
“โยช นี่เป็นการเริ่มที่ดี”
ผลไม้ดูเหมือนมีเนื้อเป็นน้ำมาก เพราะเราขาดน้ำดื่ม แน่นอนว่านี่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา
“ใช่! มาหาต่อกันเถอะ”
เราหาต่อแต่ไม่มีโชคมากครั้งนี้ อืม การที่สามารถเจอโคคิริทันทีนั้นโชคดีพอแล้ว ผมคิดว่านี่แค่ปรกติ
“เราไม่เจออะไรสักอย่างเลย”
“อย่าถือ มาพักนิดหน่อยเถอะ มาลองผลโคคิริสักลูกสำหรับพวกเราเองดีมั้ย?”
“ค่ะ!”
การที่มีมิอารมณ์ดีนั้นเป็นภาพที่ต้อนรับตลอด แต่เราไม่ได้เอามีดมาด้วยกับเรา และดังนั้น สุดท้ายผมใช้ดาบสั้นเพื่อแบ่งผลโคคิริอย่างระวังสู่สี่ชิ้น ผมต้องระวังเป็นพิเศษเพราะถ้าพลาดสักหนึ่งอย่างและผมอาจฟันนิ้วหรือแขนขาของผมขาดโดยไม่ได้ตั้งใจ
“มาพยายามทำมีดทำครัวเมื่อเรากลับไปสู่แคมป์เถอะ การรับมืออาหารด้วยดาบค่อนข้างน่ากลัว”
“ใช่ พี่พูดถูก”
มันอาจเป็นความคิดที่ดีที่จะเริ่มพกมีดอเนกประสงค์นอกจากดาบผมจากตอนนี้ไป
เราอาจไม่เข้าสู่สถานการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง แต่มีดอเนกประสงค์เป็นอุปกรณ์มีประโยชน์ที่ที่จะมีที่ใช้ได้หลายๆวิธีเสมอนอกจากถูกใช้เป็นอาวุธ
ดาบสั้นของผมยังคงยาวเกินไปที่จะทำหน้าที่ควบคู่เป็นมีดทำครัวหลังจากนั้นหมด ผมทำได้แค่แบ่งผลไม้สู่สี่ชิ้นแบบคร่าวๆแบบนี้ได้เท่านั้น
“ฟุุมุมันดูยิ่งเหมือนเมล่อนยิ่งมากขึ้นและมากขึ้น”
เหมือนรูปลักษณ์ภายนอกของมันทุกอย่าง ข้างในมันก็คล้ายกับแตงไทยเมื่อผมหั่นมันเปิดออก สีของเนื้อไม่ได้เป็นสีส้ม อย่างไรก็ตาม แต่เป็นขาวออกเหลืองแทน เมล่อนเนื้อสีขาวหือ
“เมล่อน์”
“เราก็มีผลไม้คล้ายกันที่ซึ่งพี่มา แต่ต้นไม้พวกนั้นโตบนพื้น พวกมันก็ใหญ่กว่าด้วย ประมาณเท่านี้”
ผมใช้มือเพื่อแสดงขนาดภาพเมล่อนปรกติบนโลกในมีมิดู
“มันรสชาติเป็นยังไง?”
“มันน้ำเยอะและหวาน เรากินแค่เนื้อมันกลับไปที่พี่มา แต่พี่สงสัยว่าโคคิริเป็นยังไง?”
“มันดูเหมือนพี่ต้องตักเมล็ดออกและกินเนื้อของมัน”
“ประมาณอย่างเดียวกันถ้าอย่างนั้น ได้เลย”
ผมใช้นิ้วเพื่อแยกเมล็ดออกและกัดเนื้อโคคิริ มืม อร่อย มันมีชาติออกเหม็นเขียวตกค้างเล็กน้อยและมันไม่หวานเท่าที่ผมเคยชอบ แต่มันอร่อยเหลือเฟือแล้วแบบนี้ ผมเดาว่านี่ปรกติสำหรับผลไม้ป่าที่ไม่ได้อยู่ใต้การคัดพันธุ์
“มันไม่เลว”
“มันเหม็นเขียวนิดหน่อย แต่มันอร่อย”
ขนาดผลไม้นั้นคล้ายกับลูกพีชลูกใหญ่ ดังนั้นสองเรากินคนละหนึ่งเสร็จทันที
“โยช มาเก็บของและหาต่อเถอะ ดีมั้ย?”
“ค่ะ! มาเอาอาหารกลับไปเยอะๆและทำให้คนอื่นๆตกใจเถอะ!”
มันดูเหมือนอารมณ์มีมิดีขึ้นหลังจากกินขนม
มาทำการค้นหาระหว่างระวังว่าไม่ทำมันมากเกินไปเถอะ
แปลโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: http://linktr.ee/wayuwayu