ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 285 วิเคราะห์พลังการต่อสู้
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 285 วิเคราะห์พลังการต่อสู้
“โอ้ คุณไม่อยากจับมืออย่างนั้นเรอะ?”
“ขอโทษ ฉันขี้อายน่ะ”
ผมคิดว่าการเคลื่อนไหวต่อไปจะเป็นอะไรดีระหว่างวัดระยะลับๆระหว่างเราและแมรี่ที่ยิ้มมุมปาก ตอนนี้พวกเขากันทางเข้าสาขาสมาคมทหารรับจ้าง มันไม่น่าจะสามารถออกอาคารได้โดยไม่ผ่านพวกเธอก่อน
“เฮ้ฮิโระ?”
เอลม่าศอกใส่สีข้างผมและเรียกหาผม เพราะเธอน่าจะสังเกตแล้วว่าผมทำตัวแปลกๆ แต่ผมจับตามองแมรี่ระหว่างจับมือเอลม่า เคลื่อนที่ครึ่งก้าวไปทางขวาและชี้ไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับด้วยมือว่าง
“เราเสร็จธุระเราแล้ว เธอมาไกลถึงที่นี่เพราะเธอมีธุระที่สมาคมถูกมั้ย? โปรดเชิญเลย”
“อะร้า นายเป็นสุภาพบุรุษนี่แม้ว่าเป็นทหารรับจ้าง พวกนายดูเขาเป็นตัวอย่างไว้นะ”
“ครับอะเนโกะ1”
หนึ่งในผู้ชายดูน่ากลัวที่ดูเหมือนผู้คุ้มกันตอบแมรี่เสียงนิ่งๆ ใต้เสื้อผ้าเหมือนหนังหนาของพวกเขาดูเหมือนเป็นร่างกายกล้ามๆที่ฝึกมาอย่างดิบดี ไม่ กล้ามเนื้อพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมพลังจักรกลหรือเสริมพลังชีวภาพแทนที่จะเป็นธรรมชาติล้วนได้ด้วย อย่างน้อย มันดูเหมือนพวกเขารับการเสริมพลังจักรกลกับผม พวกเขาก็ดูเหมือนสู้ประชิดเก่งกาจ พวกเขาเป็นผู้คุ้มกันแมรี่จริงๆ แต่ไม่เหมือนว่าเมย์รับมือพวกเขาไม่ไหว
“ไม่ใช่ว่าคุยนานกว่านี้หน่อยเดียวไม่เป็นไรเหรอไง? เพราะเรามีโอกาสเจอกันที่นี่ไง มันเลยอาจหมายถึงชะตาเราต้องกัน ฉันคิดอย่างนั้นนะอย่างน้อย แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันขอโทษที แต่ลูกเรือที่เหลือกำลังรอเรากลับยาน เราก็มีแผนอื่นและเรายุ่งๆน่ะ”
“หืมมม……? อืม ถ้าอย่างนั้นช่วยไม่ได้ ฉันภาวนาให้เราได้เจอกันอีกเร็วๆนี้”
หลังจากพูด แมรี่เลิกยิ้มมุมปาก มายิ้มเบาๆแทนแล้วผ่านเราไปพร้อมกับกลุ่มของเธอและไปที่เคาน์เตอร์ เมื่อแมรี่ผ่านผม กลิ่นหวานจนปวดจมูกโชยขึ้นมา ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“……ไปกันเถอะ”
“ด-ได้สิ”
เอลม่าดูเหมือนหวั่นไหวกับบรรยากาศตึงก่อนหน้าขณะเธอตามผมพร้อมเมย์ ที่เหมือนเดิมเหมือนอย่างเคย
“เมย์ คอยจับตามองบริเวณรอบบัวดำ ใช้เซ็นเซอร์ของยานที่มีทั้งหมดและทำให้แน่ใจว่าไม่พลาดเห็นอะไรที่น่าสงสัย”
“รับทราบ”
“แล้วก็หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นให้มากที่สุดเท่าที่หาได้ แต่ให้แน่ใจว่าติดตามการค้นหาของเธอเองไม่ได้”
“ได้ค่ะ ปล่อยให้ดิฉันทำได้เลย”
“เฮ้ นายทำตัวแปลกๆตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วนะ เป็นอะไร?
ในที่สุดเอลม่าก็หยุดใจไม่ได้หลังจากเธอได้ยินผมคุยกันเป็นลางว่าจะมีเรื่องกับเมย์และดึงแจ็คเก็ตผมเบาๆเพื่อให้ผมสนเธอ อืม แต่ผมโทษเธอที่เป็นแบบนี้ไม่ได้
“มาพูดว่าเนื่องจากสัญชาตญาณ”
“สัญชาตญาณ?”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ดี ไม่ดีมากๆ”
“เอ๋……?”
บางอย่างเหมือนสัญชาตญาณนั้นคลุมเครือ ไม่ใช่หรือ? และหลังจากทำตัวเป็นเสี้ยนหนามแบบนั้นเนื่องจากสัญชาตญาณก็ฟังดูบื้อๆด้วยเหมือนกัน ผมเลยเข้าใจว่าเธอพบว่าพฤติกรรมผมตีความไม่ได้
“แต่สัญชาตญาณฮิโระมัน…… ใช่ เราคิดน้อยเพราะมันไม่ได้”
ว้าว เธอยอมรับความคิดผมมากกว่าที่ผมคาดไว้
“ฉันเข้าใจว่าเธอจำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ กองยานที่เธอเป็นหัวหน้าดูสู้เก่งจริงๆ และมันจะเป็นเรื่องยากถ้าเรารับมือพวกเขาทั้งหมดด้วยกฤษณะและบัวดำอย่างเดียว”
“ฉันจะคิดบางอย่าง ฉันไม่คิดว่าฉันจะบินต่อสู้ระยะใกล้แพ้”
“กฤษณะอาจไม่เป็นไร แต่บัวดำร่วงได้ถ้าโดนโจมตีเน้นๆ นั่นไม่เหมือนกับแพ้เหรอไง?”
“อืม ใช่เธอพูดถูก”
กฤษณะน่าจะหนีการไล่ระยะใกล้ได้ แต่บัวดำที่ช้ากว่าเยอะทำไม่ได้ พูดอีกอย่าง เราควรเลี่ยงการสู้กันกับพวกเขาให้แน่นอน
“อืม มีปัญหาจัง ไม่ว่าดูแบบไหน กลุ่มยานพวกเขาดูเร็วกว่าบัวดำ”
“นั่นเพราะกองยานพวกเขาประกอบไปด้วยยานขนาดกลาง ยานขนาดกลางนั้นก็ดูเหมือนเป็นประเภทที่เน้นกับพลังการยิงและความเร็วด้วย”
ผมปรึกษากับเอลม่าไปเรื่อยระหว่างตรวจดูกองยานแมรี่ที่กำลังจอดตอนผมเดินกลับบัวดำ
กลุ่มยานอาจเปลี่ยนทรงไปเยอะเพราะการปรับแต่งมากมาย หรือพวกมันเพียงแค่เป็นรุ่นที่ไม่เคยเห็น ไม่ว่าแบบไหน มันยากที่จะดูอุปกรณ์และสมรรถนะพวกมันจากแค่การสำรวจภายนอก อย่างไรก็ตาม หนึ่งสิ่งที่พวกมันทั้งหมดมีเหมือนกันหมดคือเครื่องขับดันหลักใหญ่ ดังนั้นปรากฏว่าพวกมันทั้งหมดค่อนข้างขับได้เร็ว
ตัดสินจากลักษณะของมัน ยานแมรี่อาจเชี่ยวชาญในกลยุทธ์บุกฉับพลัน, ไล่ตาม, และยิงแล้ววิ่ง
“ฉันไม่คิดว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะจัดการจำนวนพวกเขาเพิ่มขึ้นสามเท่า เราน่าจะทำได้ด้วยกฤษณะ”
“เท่าที่ฉันเห็น พวกเขามียานขนาดกลางห้าลำและยานขนาดเล็กเจ็ดลำ นี่น่าจะเป็นกองยานทหารรับจ้างใหญ่สุดที่ฉันเคยได้เจอ
ถ้ายานขนาดเล็กเน้นกับการรั้งกฤษณะไว้และการเน้นพลังการยิงของยานขนาดกลางไปยิงบัวดำ เธอน่าจะเป็นรอย บัวดำมีโล่พลังงานและแผ่นเกราะหนา แต่ความเร็วและความคล่องตัวมันไม่น่าอวด มันเห็นด้วยตาว่าเป็นไปไม่ได้ที่มันจะหนีการโจมตีของศัตรูส่วนใหญ่
“ปล่อยการวิเคราะห์พลังต่อสู้ไว้แค่นั้น แน่นอนว่ามันอันตรายที่จะสู้พวกเขาซึ่งหน้าโดยไม่มีแผน”
“ใช่ และเราไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเคลื่อนไหวใส่เราอยู่ดี”
“และมันไม่ง่ายที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวด้วยเหมือนกัน”
“เพราะพวกเขาจะโดนจับได้ถ้าพลาดครั้งเดียวถ้าพวกเขาโดนรายงานให้ผู้มีอำนาจจับกุม”
มันจะทำได้มากกว่าในที่ที่ไม่มีกองทัพจักรวรรดิอยู่เหมือนโลกบนขอบ แต่มันเสี่ยงมากสำหรับยานที่ถูกระบุตัวตนแล้วที่จะมาโจมตียานที่ระบุตัวตนแล้วเหมือนกันในระบบดาวที่จัดระเบียบดีและมีกองประจำการกองทัพจักรวรรดิทำงานอยู่เหมือนระบบดาวรีฟิล เมื่อโดนรายงาน ประวัติอาชญากรรมจะถูกสร้างทันที และเมื่อนั่นเกิดขึ้น ฝ่ายที่ทำการโจมตีจะเจอตัวเองรวมหัวกับโจรสลัดและอาชญากรมีค่าหัว
และผลลัพธ์ พวกเขาจะไม่สามารถเข้าโคโลนีส่วนใหญ่ได้อย่างถูกต้อง และถ้าพวกเขาเขาท่ายานไม่ได้ พวกเขาจะเติมเหมือนพวกออกซิเจน, น้ำ, และอาหารไม่ได้ และนั่นจะนำไปสู่ความเป็นไปได้ที่จะขาดอากาศตาย, กระหายน้ำตาย, หรือหิวตาย
และเพราะยานพวกเขามาทำการบำรุงรักษาแบบดีๆไม่ได้ พวกมันจะพังในที่สุดและปล่อยให้ไม่มีใครช่วยลูกเรือ
เมื่อนั่นเกิดขึ้น โอกาสคือการที่พวกเขาต้องเข้ากลุ่มโจรสลัดเพื่อใช้ชิวิตเป็นโจรสลัดอวกาศจะเป็นโอกาสรอดของพวกเขา
พูดอีกอย่าง แมรี่จะเสียตำแหน่งและชื่อเสียงในฐานะคนระดับทองไปทั้งหมด
“อืม ฉันจะไม่ระวังเธอมากเท่านี้ถ้าฉันคิดว่าผลลัพธ์เหล่านั้นขัดใจเธอ”
“ทำไมเธอจะไม่ขัดใจล่ะ?”
“โอ้ ฉันล่ะหวังว่าจริงๆแล้วเธอขัดใจ”
มันไม่เหมือนไม่มีวิธีเลี่ยงไม่ให้พวกเขาโดนรายงาน ประเด็นคือพวกเขาจะต้องทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งรายงานสู่ระบบดาว และมีวิธีทำแบบนั้นมากมาย คนหนึ่งยิงสัญญาณก่อกวนให้มากพอระหว่างต่อสู้เพื่อหยุดการสื่อสารได้ หรือถ้าอยากได้วิธีลับมากกว่านี้ คนหนึ่งสกัดการสื่้อสารและเปลี่ยนเนื้อหาเป็นข้อมูลไร้ความหมายได้ คนหนึ่งก็เลือกที่จะรับมือกับคนรับได้ด้วย
คนหนึ่งโจมตีเครือข่ายระบบสื่อสารและทำลายมันล่วงหน้าเพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถรับรายงานก็ได้
เพราะมันไม่เหมือนประวัติอาชญากรรมจะถูกสร้างอัตโนมัติผ่านพระเจ้าทำให้เมื่อคนหนึ่งก่อเหตุร้าย เพราะพวกเขาจะรับมือกับระบบที่มนุษย์สร้าง พวกมันผูกกับปัจจัยที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ และแม้ว่ามันอยู่ในรายการของต้องห้าม มันก็ยังมีดาวเทียมพกพาที่ยิงสัญญาณก่อกวนทรงพลังภายในระยะหนึ่งในเอสโอแอลด้วย
พูดอีกอย่าง มีหลายวิธีตราบใดที่คนหนึ่งหา
“ไม่ว่ายังไง เราเดินกันข้างนอกช่วงนี้ไม่ได้แล้ว เราจะอยู่ในยานหรือตึกจนกว่าการสมัครลงดาวรีฟิลที่สี่ถูกตอบรับ”
“ได้ค่ะท่าน ฉันล่ะหวังว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ความจริงก็คือฉันยอมแพ้ไปครึ่งใจแล้ว”
ถ้าผมรู้ว่านี่จะเกิด มันจะดีกว่าที่ยังไม่กลับระบบดาวรีฟิล
เราควรแค่ไประบบดาวเทคโนโลยี้ล้ำหน้าบางแห่งก่อนเพื่อซื้อยานเอลม่าและเกราะพลังงานจักรกลใหม่ไหม……? อืม มันไม่เหมือนว่าเราทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมันได้ในตอนนี้ ดีที่่สุดที่เราทำได้ตอนนี้คือคอยอยู่แบบระวังเต็มเปี่ยมและภาวนาให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ
แต่ผมมีความสงสัยที่แอบมาหาผมว่าคำภาวนาของเราจะไร้ประโยชน์
[1] พี่หญิง