ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 288 ลงดาวเคราะห์อีกครั้ง
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 288 ลงดาวเคราะห์อีกครั้ง
『อีกสักครู่เราจะเข้าวงโคจรของรีฟิลที่สี่』
“เราจะลงพื้นในท่ายานผสมที่ดินแดนเผ่ามินฟา โปรดระวังความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะซุ่มโจมตีข้างในวงโคจรดาวเทียมของดาวเคราะห์และเลยนั้นไปขณะเราลงดาว”
『ได้ค่ะท่าน』
ผมสั่งเมย์ที่กำลังขับบัวดำ ตอนผมรอมีมี่และเอลม่าในห้องนักบินเพื่อให้เราสามารถออกศึกตอนไหนก็ได้เผื่อฉุกเฉิน ผมคอยดูข้อมูลที่เก็บโดยเซ็นเซอร์ทั้งหลายแหล่ของบัวดำด้วย
“มีอะไรข้างนอกจริงด้วย”
“ใช่ มีจริง”
“อ่าฮะ”
เอลม่าและมีมี่ที่กำลังสนใจค่าจากเซ็นเซอร์ด้วยเหมือนกัน เห็นด้วยเหมือนกันทั้งหมด เซ็นเซอร์ของบัวดำจับค่าที่อ่านว่ายานเล็กเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงข้างในวงโคจรดาวเทียมของดาวเคราะห์ ยานนั้นเป็นของหน่วยทหารรับจ้างที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับกองประจำการระบบดาว เมื่อผมสืบมัน ผมเจอว่ามันเป็นยานสอดแนมของทหารรับจ้างหอกแดง
แน่นอน เพราะเราตรวจจับมันได้ เมย์ก็ตรวจจับมันได้ด้วย ไม่มีที่ซ่อนในวงโคจรดาวเคราะห์ ดังนั้นมันไม่ได้แม้แต่จะซ่อนและแค่บินตามเราหน้าด้านๆ
“บางทีมันยานสอดแนมเร็วสูงที่เชี่ยวชาญสงครามอิเล็กทรอนิกส์”
“มันดูเหมือนแหละ”
“บอกได้แค่จากตัวยานเหรอพี่?”
“ถึงจุดนึงน่ะ แม้ว่ายานเล็กและเบา มันมีสองเครื่องยนต์หลัก จำนวนเครื่องขับดันควบคุมความสูงก็ค่อนข้างเล็กกว่าปรกติด้วย เราเลยบอกได้ว่ามันไม่ใช่ยานสร้างมาเพื่อสู้ประชิดจากรายละเอียดพวกนั้น
มันปรับมาสำหรับให้ยานพุ่งหาพิกัดเป้าหมายที่ความเร็วสูงมากๆ และหนีทันทีเมื่อเสียเปรียบ พวกมันก็มียานปูดที่แปลกๆด้วยถูกไหม? ที่ปูดๆพวกนั้นอาจเป็นเซ็นเซอร์ที่เพิ่มมามากว่าปรกติที่มีทรงของโดมใหญ่คลุมเกือบเหมือนกันหมดด้วย พวกมันเลยเห็นง่าย
พื้นฐานแล้วยานอวกาศมีโล่พลังงานป้องกัน แต่แม้อย่างนั้น ถ้าเซ็นเซอร์ที่ละเอียดอ่อนเปิดอยู่ให้เห็นชัด มีความเป็นไปได้สูงที่ปัญหาจะเกิดขึ้น นั่นทำไมมีโดมที่ป้องกันเซ็นเซอร์ที่ขาดไม่ได้เหล่านั้นเพิ่ม และเมื่อคนหนึ่งติดหลายเซ็นเซอร์ พวกเขาต้องติดโดมหลายอันเข้าไปด้วย ผิวยานจะกลายเป็นปูดด้วยโดมเต็มไปหมด และดูเทอะทะเป็นผลลัพธ์
“ฉันคิดว่ามันเหยื่อล่อที่จะทำให้เราเลิกป้องกันก่อนพวกเขาที่ซุ่มโจมตีอยู่บุกเข้ามา แต่ไม่ได้มีอะไรระบุที่พวกเขาจะโจมตีอะไรกับเรา อย่างน้อยสำหรับตอนนี้”
“ใช่ อืม ถ้าพวกเขาโจมตีเห็นกันชัดในที่แบบนี้ กองประจำการระบบดาวที่ลาดตระเวนวงโคจรในภูมิศาสตร์ซิงโครนัสจะถูกเตือนทันทีและรีบมา”
“แต่นี่เป็นที่ไว้โจมตีเหมาะเลยถ้าพวกเขายิงเราโดยไม่สนผลลัพธ์ใช่มั้ยล่ะ?”
“นั่นจะเกิดขึ้นถ้าพวกเขาเตรียมทิ้งทุกอย่างหมดและยานร่วงไปกับเรา แต่ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะอ้างยังไงที่ส่งยานแบบนั้นสู่วงโคจรดาวเทียมรีฟิลที่สี่”
“ฉันก็สงสัย? บางทีพวกเขาได้รับภารกิจรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นทางการจากกองประจำการระบบดาว
“อาใช่ มีวิธีนั้น”
นั่นทำไมแมรี่ไปที่สมาคมเมื่อวาน เธออาจออกตัวเสนอบริการยานอวกาศสอดแนมเร็วสูงที่มีความสามรถทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสนับสนุนกองกำลังป้องกันของรีฟิลที่สี่ผ่านสมาคมทหารรับจ้าง ถ้าเธอตั้งราคาจ้างต่ำๆ กองประจำการน่าจะยอมรับข้อเสนอเธอ จริงเป็นพิเศษเมื่อพวกเขาโดนโจรสลัดบุกโจมตีสองครั้งติดกัน ดังนั้นพวกเขามากกว่ายินดีที่จะทำอะไรก็ตามเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพป้องกัน
“พวกเขาไม่ได้ตามเราหลังจากเราออกโคโลนีรีฟิลไพร์ม ดังนั้นอาจเป็นอย่างนั้นจริง”
“ใช่ ไม่ว่ายังไงอย่างน้อยพวกเขาทำอะไรกับเราไม่ได้ ในตอนนี้น่ะนะ”
“มันดูเหมือนเราไม่มีทางเลือกนอกจากมองข้ามเขาในตอนนี้”
ผมไม่แน่ใจว่าความสามารถรวมข้อมูลของยานนั้นมากเท่าไรจริงๆ แต่มันช่วยไม่ได้ ไม่มีทั้งบัวดำทั้งกฤษณะมีความสามารถซ่อนเมื่อเข้าบรรยากาศดาวเคราะ ดังนั้นพวกเขารู้ชัดว่าเราจะไปที่ไหน บางทีพวกเขาแม้แต่รู้ความจริงว่าเราวางแผนมุ่งหน้าไปดินแดนเผ่าโรสด้วยกฤษณะ แต่เราไม่มีวิธีแก้สถานการณ์นี้ตอนนี้ เราจะถูกทำเป็นผู้ก่อเหตุถ้าเราเริ่มโจมตี
『นายท่าน เราเข้าวงโคจรดาวเทียมสำเร็จ เราจะเข้าบรรยากาศดาวเคราะในสองนาที』
“รับทราบ เราน่าจะไม่เป็นอะไรสำหรับตอนนี้ แค่คอยระวังไว้”
『ค่ะ ได้โปรดปล่อยดิฉันได้เลย』
ไม่นานหลังจากเมย์ตอบ บัวดำเริ่มเข้าชั้นบรรยากาศ ความร้อนที่มาจากแรงกดดันที่เกิดขึ้นเพราะได้รับหรือเสียความร้อนทำให้เกิดพลาสมาบนนอกโล่พลังงานที่ส่องแสงสว่างสด
“มันสวยจริงๆใช่มะ?”
“มั้ง……?”
ผมเห็นสื่อหนังสื่ออนิเมเยอะที่ฉายให้เห็นยานระเบิดอย่างยิ่งใหญ่ในความยิ่งใหญ่ระหว่างเข้าชั้นบรรยากาศเนื่องจากหลายเหตุผล ดังนั้นแทนที่จะเห็นว่าภาพนี้สวย ผมรู้สึกวิตกกังวลแทน แต่ถ้าคนหนึ่งดูจากสายตาคนบริสุทธิ์ ถ้าอย่างนั้นแน่นอนว่าสวย ผมเลยไม่อยากทำมีมี่ที่อารามณ์ไร้เดียงสาหมอง
“น้องมีรสนิยมสำหรับอะไรแปลกๆจริงนะบางครั้งมีมี่”
“เอ๋!?”
หลังจากเอลม่าพูดอย่างไร้รสนิยม มีมี่น้ำตาคลอ อืม เดาว่าเอลม่าพูดมีประเด็น ผมไม่อยากดุเอลม่าเพราะผมคิดเหมือนกัน ผมแค่ไม่ได้พูด
『นายท่านคะ เราเข้าชั้นบรรยากาศสำเร็จค่ะ ตอนนี้ดิฉันมุ่งหน้าไปตำแหน่งเป้าหมายหลังจากลดความเร็ว เราจะไปถึงเป้าหมายในอีกประมาณ 5 นาที』
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ทำงานหนักแล้วขับยานเหมือนเคยเมย์ เราจะรอพร้อมข้างในกฤษณะ”
『รับทราบ ดิฉันจะแจ้งทีน่าซามะและวิสเกอร์ซามะ』
“ฉันจะปล่อยเธอทำ”
การสื่อสารกับเมย์ตัดลง ไม่นานนี้เมย์เริ่มพูดถึงทีน่าและวิสเกอร์ตามด้วย ‘ซามะ’ ด้วยเหมือนกัน เธอต่อชื่อทีน่ากับวิสเกอร์ด้วย ‘ซัง’ก่อนหน้านี้ถูกไหม? ทำไมถึงเปลี่ยนล่ะผมอยากรู้?
อืม เอ่อ…… เดาว่ามันเพราะผมลงมือสกปรกกับพวกเธอสองคนด้วย
“ในที่สุดเราก็ไปบ้านเอลม่าซัง…… เอ่อ หนูเดาว่ามันต่างกัน พูดยังไงดีล่ะ?”
“ไม่ใช่บอกว่าเราไปหาญาติพี่ก็ได้แล้วเหรอ?”
“จริงด้วย! เรากำลังไปหาบ้านญาติเอลม่าซัง! หนูคอยที่จะได้เจอเลย!”
“มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรจริงๆ เข้าใจมั้ย เป็นญาติไม่ต่างกันระหว่างโคโลนีบ้านพี่และที่อยู่บนดาวเคราะห์นี้”
“เป็นอย่างนั้นเจ〜งเหรอ คุณนายเอลม่าขา?”
“นั่นค่อนข้างเห็นแล้วหงุดหงิด ดังนั้นหยุดเลย”
หลักๆแล้วเผ่าโรสใกล้กับจักรวรรดิสุดในหมู่เผ่าหลักทั้งสามและเผ่าวิลโรส เผ่าที่เป็นเผ่าสาขาของเผ่าโรส จริงๆแล้วถูกรู้เป็นตระกูลขุนนางจักรวรรดิอย่างเป็นทางการ เอลม่าด้อยค่ามัน แต่ผมลงเงินว่าตำแหน่งเธอค่อนข้างมีเกียรติ เธอเป็นลูกสาวแท้ของตระกูลขุนนางจักรวรรดิ เธออาจใช้ชีวิตนอกวงขุนนางนานปีที่เป็นทหารรับจ้าง และภายนอกเธอดูเหมือนคนธรรมดามากกว่าขุนนางเป็นผลลัพธ์ แต่สายเลือดและการเลี้ยงดูตอนเด็กปฏิเสธว่าไม่มีเลยไม่ได้
ขณะผมคิดอะไรแบบนั้น ผมโดนขอเข้าประตูพับกฤษณะและผมตอบรับ หลังจากสั้นๆ เสียงดังก้องจากข้างหลังเรา
“เฮ้โย่! ฉันจะบุกล่ะนะพวก~!”
“ถ้าเธอจะเกะกะเสียงดัง ถ้าอย่างนั้นออกไปเลย”
“ทำไมล่ะ!?”
“อย่าเสียงดัง พี่ใหญ่”
พี่สาวผู้ใจรักอิสระเอะอะหลังจากผมด่าสวนที่เธอประกาศตอนเข้าห้องนักบิน และถูกดุโดยน้องสาวผู้จริงจังและมีความรับผิดชอบ ใช่แล้ว ภาพปรกติ
“โอ้ ทำไมบอสรู้จักกับมุขคนเมืองดวอร์ฟนะบอส บอสรับมุขได้?”
“ถ้าอย่างนั้นจริงๆแล้วเป็นมุขดวอร์ฟเก่าเหรอ……”
“ว้าว มันยิ่งแจ๋วที่บอสไม่รู้จริง”
อืม ผมเดาว่ามันเป็นการซาบซึ้งกับวัฒนธรรมข้ามสายพันธุ์ ผมตกใจนิดหน่อยที่มุขเก่ากลับไปที่ญี่ปุ่นมีอยู่ในสังคมดวอร์ฟ
“ฟุฟุฟุ มันได้เวลาทำเก้าอี้สำรองที่ปรับแต่งใหม่นี้ไฟลุกนะ”
“อืม หนูรู้ว่ามันแค่พูดเปรียบเปรย แต่ห้องนักบินไฟไหม้มันเป็นลางมั้ย?”
ขณะพวกเธอว่ากันไปมา พี่สาวกางที่นั่งสำรองและนั่งลง ก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีน่าปรับแต่งมันเพื่อให้คนสองคนนั่งกับที่นั่งสำรองนั่งคนเดียว มันก็ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยด้วย และจากทีน่า มันทนขึ้นด้วย
『อีกไม่นานเราจะลงพื้นค่ะ โปรดระวังแรงกระแทกเมื่อเราถึงพื้น』
“รับทราบ เร็วๆเธอสองรัดเข็มขัด”
“ได้สิ”
“ได้เลย”
ไม่นานหลังสองคนตอบผม ตัวถังบัวดำสั่นนิดหน่อย ใช่แล้ว ลงพื้นอย่างสมบูรณ์แบบเหมือนเคย
ถ้าอย่างนั้น ผมเดาว่าเราอออกยานทันทีได้หลังเมย์มา