ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 310 สาวบริสุทธิ์ขาวบริสุทธิ์
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 310 สาวบริสุทธิ์ขาวบริสุทธิ์
หลังจากสั่งยานใหม่เสร็จ เราเริ่มเตรียมย้ายฐานปฏิบัติการไปที่โรงแรม แต่ไม่จริงนักหรอก เราแค่จะอยู่ในห้องโรงแรมไม่กี่วันถึงอาทิตย์มากที่สุด เราเลยต้องเก็บของตามนั้น ทั้งหมดที่ผมเก็บคือเสื้อผ้าและของส่วนตัวไม่กี่อย่าง แต่ผมพนันว่ามีมี่และสาวๆที่เหลือจะไม่เป็นแบบผม อืม ผมไม่คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องขนสัมภาระมากมายเพราะเราจัดหาของที่เราต้องการได้ในที่ที่เราอยู่ในกรณีฉุกเฉิน
“เมื่อเป็นเรื่องอยู่ในโรงแรม มันต้องเป็นเรื่องการเตรียมการสำหรับมาตรการความปลอดภัยสินะ”
หลังจากรีบเก็บของๆเธอ เมย์ไปที่พื้นที่พักของบัวดำและพูดเบาๆ
“นั่นอาจจริง แต่เธอแค่เอาเครื่องยิงเลเซอร์, ปืนขวาน, เกราะพลังงานจักกล, หรือหุ่นยนต์ต่อสู้ไปไม่ได้หรอกนะ”
ระหว่างพูดอย่างนั้น ผมลูบจุดที่ต่อจากผมบนโซฟาที่ผมนั่ง เมย์ ที่อยู่ข้างหลังผมพูด ‘ขออภัย’ และทำการนั่งลงข้างผม ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้เมย์จะไม่เริ่มและนั่งข้างผมเอง
“ฉันสร้างปัญหาให้เธอตลอดเมย์ เธอดูแลเราอยู่เสมอ ดังนั้นมันไม่เป็นไรที่เธอจะทำตัวเห็นแก่ตัวบ้างนานๆครั้ง?”
“ท่านให้ดิฉันมากกว่าพอแล้ว นายท่าน ท่านเพิ่มรุ่นอาวุธและอุปกรณ์บัวดำสู่ระดับกองทัพและแม้แต่ซื้อหุ่นยนต์ต่อสู้ แล้วท่านก็ทำกับดิฉันเหมือนกันกับที่ท่านทำกับมีมี่ซามะและเอลม่าซามะ มากกว่านั้นมันมากเกินไปแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้ว…… แต่ฉันอยากให้เมย์ทำตัวอยากโดนเอาใจและจากนั้นเอาใจฉันคืนน่ะสิ”
“ดิฉันเอาใจท่านเมื่อไหร่ก็ได้ นายท่าน เหมือนเสมอมา”
“ได้ได้ มาหยุดนั่นได้แล้วได้มั้ย ฉันผิดเองเข้าใจมั้ย? แต่ฉันพูดจริงเกี่ยวกับที่เธอทำตัวอยากโดนเอาใจมากกว่านี้หน่อยได้ ได้มั้ย? ถ้าฉันพูดว่าจริงๆแล้วมันเป็นความหวังของฉันเธอจะคิดทำมันสักนิดมั้ยเมย์?”
“……ดิฉันจะพิจาณา”
มันเป็นการตอบที่อ่อนโยนและไม่อวดตัวเองมากเกินไปที่ไม่เหมือนเมย์ปรกติ
เพราะปรกติแล้วเธอจะตอบใช่หรือไม่ใช่ มันต้องเป็นเพราะการพูดกล่อมสุดเนียนของผมที่ทำให้เธอคิดถึงคุณค่าของตัวเองและมาตรการทำงานใหม่
ผมคุยกับเมย์อยู่แบบนั้นจนเอลม่าและคนอื่นก็มาในที่สุด
“มันดูเหมือนมีแค่มีมี่ที่เอาของไปเยอะเหรอ?”
“เอลม่าซังและคนอื่นๆอ่ะแค่เอาของไปน้อยเกินไป”
เอลม่า, ทีน่า, และวิสเกอร์ไม่ได้เอาอะไรไปเยอะกับพวกเธอ พวกเธอแต่ละคนแค่เอาของส่วนตัวไปในกระเป๋าบอสตันที่ไม่ได้ใหญ่และเท่าแค่ครึ่งหนึ่งของที่มีมี่เอาไปด้วย อืม เนื่องจากร่างกายที่เล็กของพวกเธอ กระเป๋าทีน่าและวิสเกอร์ดูใหญ่ แต่มีมี่ในทางกลับกัน เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพิ่มไปกับกระเป๋าบอสตันสองใบเข้าไปอีก
“มีมี่ซามะ ดิฉันถือนั่นให้ได้ถ้าท่านต้องการ”
“ขอบคุณเมย์ซัง”
มีมี่มอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้เมย์ผู้ยกมันได้ง่ายๆโดยไม่ได้อะไรเลย อืม นั่นไม่ได้น่าตกใจเพราะเราพูดถึงเมย์กันอยู่
“จะอนุญาตให้ฉันได้ขนกระเป๋าเธอเหมือนกันด้วยได้มั้ย คุณผู้หญิง?”
“อะไรของเธอ เธอทำตัวน่ากลัวอยู่นะนั่น”
“มันไม่ได้ ‘น่ากลัว’สักหน่อย แต่มันมากไปเหรอไง?”
“นิสัยบอสแปลกเหมือนเคยเลยนะ”
“อะฮ่าฮ่า……”
แม้แต่วิสเกอร์ที่ช่วยเสมอก็ไม่ได้ช่วยผม ทำตัวเหมือนสุภาพบุรุษไม่เหมาะกับผมมากขนาดนั้น? เอาน่าพวกเธอ ได้เลยได้ ฉันยอมรับว่ามันไม่เหมือนฉัน
“อืม มันดูเหมือนเราทั้งหมดพร้อมไปแล้ว เราไปเลยดีมั้ยถ้าอย่างนั้น? เธอจองโรงแรมให้เราแล้วถูกมั้ย?”
“ค่ะ! หนูจองเสร็จแล้วเราเลยแค่ต้องเช็คอินอย่างเดียว!”
มีมี่หัวเราะด้วยจมูกอย่างมั่นใจระหว่างขนสัมภาระมากมาย
“ถ้าจะนำเราไปที่นั่น ถ้าอย่างนั้นมันดีกว่าที่จะทำให้มือว่าง เดี๋ยวนั่นฉันขนเอง มาเร็ว”
“ฉันจะเอาไปใบนึงถ้าอย่างนั้น”
“อออุ…… ถ้าอย่างนั้นได้โปรดค่ะ หนูขอโทษที”
ผมและเอลม่าแต่ละคนเอากระเป๋ามีมี่ออกจากมือเธอ เพื่อที่มือเธอว่าง เพราะไกด์นำทางควรจะเดินทางอย่างเบา เพราะเราน่าจะไม่ถูกโจมตีในเมือง มันไม่ได้สำคัญว่ามือผม, เอลม่าและเมย์ว่างหรือไม่ว่าง และถ้าฉุกเฉินเราโยนสัมภาระลงพื้นได้
“ทุกอย่างล็อกและปลอดภัยแล้วค่ะ! เราไปกันเลยมั้ย?”
หลังจากเตรียมสัมภาระเสร็จและรวมตัวเสร็จ ทั้งหมดที่เราต้องทำต่อไปคือออกเดินทาง
กฤษณะถูกนำออกมาจากโรงจอดบัวดำและจอดอยู่ในท่ายานโคโลนีระหว่างบัวดำเองจะถูกส่งไปโรงจอดที่จะถูกตัดสินว่าเป็นที่ตกแต่งอุปกรณ์
“เราไปถึงโรงแรมได้อย่างเร็วโดยใช้รถรางนะ”
“ได้สิ ให้แน่ใจว่าไม่แยกกันนะทุกคน”
“เราไม่ใช่เด็กแล้วเราเลยไม่หลงหรอกน่า……”
ระบบขนส่งความเร็วสูงของโคโลนี – รถราง – มีสถานีตั้งอยู่ใกล้บริเวณท่ายาน เพราะโคโลนีวินดาสเตอร์ติอุสเป็นโคโลนีค้าขายหลักของระบบดาววินดาส มันเลี่ยงไม่ได้ที่ประชากรจะเยอะขึ้น
เพราะแบบนี้ ระบบขนส่งสำหรับของและคนถูกพัฒนาและดูแลรักษาอย่างดี อืม เรียกมันว่าระบบขนส่งความเร็วสูงของโคโลนีมันมากไป ดังนั้นมาเรียกมันรถรางเถอะ
พูดถึงแล้วคำว่า ‘รถราง’ เป็นคำพูดที่พูดถึงรถรางบนถนนหรือรถเคเบิล ผมเชื่อว่ามันเป็นภาษาอังกฤษ (tram)? พูดถึงแล้ว ครั้งแรกที่ผมเจอคำนี่ในเกมเกี่ยวกับช่างผู้แข็งแกร่งที่สุดใจจักรวาลที่เดินทางเพื่อยิงแยกแขนขาสัตว์ประหลาด
ไม่ว่าอย่างไรเราเคลื่อนที่จากสถานีรถรางใกล้บริเวณท่ายานไปถึงบริเวณค้าขาย มีคนค่อนข้างเยอะที่ใช้รถรางเพื่อไปที่บริเวณท่ายาน ที่เป็นประตูทางของโคโลนีค้าขาย และไปสู่ศูนย์กลางการค้าขาย ผมคอยจับตามองสำหรับความเป็นไปได้ที่จะเจอมือล้วงกระเป๋าหรือจอมลวนลาม แต่ไม่มีใครเข้าหาเราเนื่องจากดาบสองเล่มที่เหน็บอยู่บนเอวผม จริงๆแล้ว พวกเขาแยกพื้นที่กว้างให้ระหว่างเราและผู้โดยสารที่เหลือ พวกเอ๋ย อำนาจของขุนนางหรือขุนนางถือดาบน่าทึ่งจริง
“แต่ฉันไม่ได้เป็นขุนนางจริงน่ะสิ”
“เอ่อ แต่เธอถือดาบสองเล่มที่เอว ดังนั้นแน่นอนว่ามันจะเป็นแบบนี้ แล้วไม่ใช่ว่าเธอเป็นวิสเคานต์กิตติมศักดิ์เหรอฮิโระ?”
“ก็ใช่อยู่ฉันว่า”
ผมติดเหรียญดาวทองและเหรียญจู่โจมปีกดาบเงินบนแจ็คเก็ตผมกันไว้ก่อน เราไม่ได้เป็นพลเมืองทั่วไปที่คุ้นเคยกับพวกเขาไง? อืม ผมว่ามันด้วยแถมกับดาบด้วยจะทำให้ผู้คนพยายามสร้างระยะไกลๆแทนมากกว่า เข้าใจแล้ว มันไม่แย่นักเพราะผมหลีกเลี่ยงปัญหาได้อยู่ดี ผมเลยไม่ได้สนใจมันมาก
หลังจากเราไปถึงที่ของเรา เราออกจากรถรางและเดินออกจากสถานี
“ว้าว แน่นอนว่าคนเยอะจริง”
“ทุกอย่างมันใหญ้ใหญ่ และเพดานก็สู้งสูงนะ มันเป็นที่สำหรับใช้อย่างหรูหราเลยล่ะ”
ทันทีเมื่อเราออกจากสถานีพี่น้องช่างมองรอบๆในความชื่นชม
โคโลนีหลักของดวอร์ฟในระบบดาวแบรดถนนก็แคบเพดานก็เตี้ย ดังนั้นมันรู้สึกว่ามันเยอะกว่ามาก
แค่เมื่อตอนนั้น ผมรู้สึกถึงสายตาที่สาดมาทางผม ผมเลยหันไปจากพี่น้องช่างและหาต้นตอของสายตา จากนั้นมีคนหนึ่งที่ยืนต่างจากที่เหลือของฝูงคน มันคือสาวน้อยผู้ที่ผมอธิบายได้ว่า ‘ขาว’ เท่านั้น เธอมีผมสีขาว – หรือบางทีมันสีเงิน? เธอใส่เสื้อผ้าสีขาว ที่พวกมันค่อนข้างคล้ายกับนักบวชหรือชุดมิโกะ……
ไม่ว่าอย่างไร มันเป็นเสื้อผ้าดูไปทางศาสนาที่ลอนเยอะๆ
สาว ‘ขาว’ ที่สบตาผมวิ่งเร็วสุดเพื่อมาทางผมพร้อมมีหน้าสุขเต็มพิกัดบนใบหน้าเธอ
แน่นอนว่าเธอมองผม แต่ผมจำไม่ได้ว่าเคยเจอเธอก่อนหน้าหรืออะไรแบบนั้น ผมสงสัยว่ามันเป็นคนข้างหลังที่เธอมองแทนไหม แต่ผมเห็นแค่เมย์ที่มีสีหน้านิ่งๆเหมือนเคยยืนอยู่นั่น
เพื่อให้ปลอดภัยผมขยับสองก้าวไปด้านข้าง แต่สาว ‘ขาว’ เปลี่ยนทิศตามและพุ่งมาผมต่อ ที่จุดนี้มีมี่และเอลม่าสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น
“คนรู้จักเหรอ?”
“ไม่เลย ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร”
“แต่ไม่ใช่สาวคนนั้นตรงหาพี่เหรอฮิโระซามะ?”
“ดูเหมือนเป็นอย่างนนั้น”
“ไปล่อสาวน่าสงสารอื่นมาอีกแล้วใช่มั้ย?”
“ใอ้ให้ตายเหอะน่า อย่ามาพูดว่าฉันพยายามจีบสาวน้อยๆอยู่ตลอดนะ เข้าใจมั้ย?”
พื้นฐานแล้วส่วนใหญ่ผมรู้จักกับเธออย่างเป็นธรรมชาติเองแต่ผมไม่ได้ตามหลีสาวไหนๆเลย
อืม มันต่างนิดหน่อยสำหรับเมย์ แต่ในกรณีเธอผมอยู่ใต้ความปรานีของดรอยด์แม่ค้ากดดันจะขาย
“ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอะไรเกี่ยวกับเธอล่ะ?”
“ฉันว่าเราต้องแค่ดูว่ามันยังไงต่อ
ระยะระหว่างเราและสาว ‘ขาว’ ลดไปเหลือประมาณ 10 เมตรแล้ว
เธอจะสามารถมาถึงเราไม่นานระหว่างเราคุยกัน
มันจะยากที่จะหนีจากเธอแล้ว หรือผมสงสัยมากกว่าว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าผมวิ่งหนีสุดชีวิต? เราจำเป็นต้องไปที่โรงแรม และจากมีมี่ มันถัดจากสถานีทันที
และเรากำลังขนสัมภาระ มันก็มีทีน่าและวิสเกอร์ที่ตัวเล็กเท่านั้นที่เดินได้แค่ก้าวเท้าสั้นๆ
ผมไม่แน่ใจว่าความสามารถร่างกายเธอสูงแค่ไหน แต่เหมือนที่ผมเคยพูด มันยากที่จะหนีจากเธอแล้ว และสำหรับทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น มันก็เพราะฝูงคนแหวกออกจากเธอให้ห่างเหมือนทะเลแดงเมื่อเธอเดิน แม้ว่าผมไม่รู้เลยว่าทำไมเธอทำให้พวกเขาทำอย่างนั้น แต่แค่ได้เห็นภาพนี้ทำให้ผมเสียดท้อง เธอเป็นปัญหา ผมพนันด้วยน้ำอัดลมรสมะนาวที่ผมยัดอยู่ข้างในกฤษณะว่าเธอเป็นปัญหา
“ในที่สุดหนูก็ได้เจอท่าน! ท่านลอร์ดของหนู!”
“ล-ลอร์ดเธอเรอะ?”
สาว ‘ขาว’ ชะโงกขึ้นมามองผมพร้อมตาดูเหมือนน้ำตาแห่งความปิติเป็นประกายอยู่มุมตาเธอ ผมไม่ได้สังเกตุเมื่อเธออยู่ห่างๆก่อนหน้านี้ แต่แน่นอนว่าเธอค่อนข้างเด็ก ตัดสินจากรูปลักษณ์เธอ เธออายุแค่ประมาณมีมี่หรือเด็กกว่า
นัยน์ตาเธอสีเหลืองอ่อน
คนแม้แต่พูดได้ด้วยว่ามันสีทองด้วย และเธอก็เป็นคนสวยอายุน้อยเสียด้วย และที่เด่นมากที่สุด เธอมีหูสัตว์ฟูๆอยู่บนหัวเธอ เข้าใจแล้ว หูสัตว์อย่างนั้นหรือ
มันค่อนข้างน่าประทับใจ
“อืมม…… ไม่ว่ายังไง แค่ใจเย็นก่อนเถอะ ฉันไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้มันอะไรกัน แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่บางอย่างที่มันแก้ได้แค่จากการยืนกันอยู่แถวนี้”
“ค่ะ! ถ้านั่นเป็นประสงค์ของท่าน ท่านลอร์ดของหนู ถ้าอย่างนั้นหนูไม่มีคำคัดค้านอะไรเลยค่ะท่าน”
เธอเช็ดมุมตาเธอด้วยนิ้วเรียวๆและทำสีหน้าสุดโล่งใจ มันเหมือนเด็กหลงทางที่ในที่สุดก็เจอพ่อแม่
โอ้ เอาน่าพวก ฉันไม่รู้จักเธอจริงๆ ฉันจริงจังสุดๆ ฉันไม่ได้คุ้นเคยกับสาวหูสัตว์สีขาวอะไรแบบนี้เลย ดังนั้นได้โปรดอย่ามองฉันด้วยตาตัดสินว่าผิดได้ไหม เข้าใจไหม? ฉันไร้เดียงสาจริงๆนะนี่