ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 311 นักบวชหญิงจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัส
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 311 นักบวชหญิงจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัส
“““……”””
“……♪”
“นิ่ง! เธอสามคน นิ่ง!”
ตอนนี้เราอยู่ข้างในห้องรับแขกโรงแรมที่มีมี่จอง ตอนนี้ผมพยามไม่ให้สถานการณ์ ‘ระเบิดระเบ้อ’ ปะทุขึ้น
ไม่ว่าอย่างไร เราทำการเช็คอินกับสาวหูสัตว์สีขาวที่ไม่ได้ดูเหมือนอยากปล่อยผมไป พูดถึงแล้ว คุณนายพนักงานต้อนรับมองผมเหมือนมนุษย์ขยะน่ารังเกียจตลอดเวลา หลังจากนั้น เราไปที่ห้องนั่งเล่นโรงแรม
ผมไปและนั่งลงบนโซฟาทันที แต่สาวน้อยนั่งข้างผมเหมือนมันทำได้เป็นธรรมชาติที่เธอจะทำอย่างนั้น
มีมี่, เอลม่า, และเมย์มองดูสองเราด้วยสีหน้าว่างเปล่าคล้ายกับหน้ากากปีศาจญี่ปุ่น ทีน่าแค่ยิ้มมุมปากเหมือนเธอสนุกใจกับความบันเทิง และวิสเกอร์มีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกบนหน้าเหมือนสงสัยว่าเธอทำอะไรดี นี่เป็นสถานการณ์ปัจจุบัน
“สำหรับตอนนี้ เธอเถิบไปหน่อยก่อนได้มั้ย? จากนั้นอธิบายมาตรงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคน แน่นอนว่าฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อน และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอยืนกรานใกล้ชิดกับฉันเสียขนาดนั้นด้วย”
“น-นั่น……”
สาวน้อยหูสัตว์สีขาวมองเสียใจด้วยตาเหมือนจะร้องไห้ หูบนหัวเธอตกอย่างสลดใจ หยู้ดดดด อย่างมาทำให้ฉันรู้สึกสงสารยัยสาวน้อย ผมอดไม่ได้นอกจากลูบหัวเธอเพื่อปลอบเธอ
“อืม นั่นพอแล้ว รีบๆพูดได้แล้วมั้ย?”
มีมี่บอกสาวหูสีขาวด้วยสีหน้าเย็นกว่าน้ำแข็งและเสียงที่ผมไม่เคยได้เห็นและไม่เคยได้ยินเธอใช้มาก่อน นี่ค่อนข้างเปลี่ยนเป็นความน่าปวดหัวแล้ว แต่ผมพอเข้าใจว่าทำไมเธอเป็นแบบนั้น
“ฉันไม่คิดว่าเสนอตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวกับอีกคนโดยไม่อธิบายสถานการณ์ด้วยซ้ำและมองข้ามทุกคนอีกแบบนั้น คุณ คนดีๆไม่ทำแบบนี้นะ”
เอลม่าไม่ได้ดูเหมือนโกรธเท่ามีมี่ แต่เธอเพียงแค่ดูอารมณ์ไม่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมด
ไม่ เธอควรโกรธ เธอแค่ใช้เหตุผลแบบเถียงไม่ได้เพื่อแสดงความไม่ชอบขี้หน้า
“……”
เมย์ยังคงเงียบ แต่สัญชาตญาณของผม หรือสัญชาตญาณต่อสู้กำลังเต้นระรัว มันบอกผมว่าเธอกำลังเตรียมเก็บสาวคนนี้ทันทีเมื่อเธอแสดงการเคลื่อนไหวอันตรายใดๆออกมา
“ท-ท่านพูดถูก หนูอดไม่ได้และเสียเหตุผลทุกอย่างไป…… หนูขอโทษอย่างมาก ท่านลอร์ดของหนู”
“อา…… อืม”
ผมไม่รู้เลยว่าผมควรตอบยังไงผมเลยแค่ตอบไปกำกวม
มันไม่เหมือนว่าผมเห็นว่ามันน่าสงสารที่เธอหยุดเข้าใกล้กับผมแล้วหรือบางอย่าง ดังนั้นพวกเธอหยุดกับสายตาที่ส่งมาจนเจ็บปวดได้แล้วมั้ย?
“ชื่อของหนูคือ เซย์โจว คูกิ โอ้ใช่ มันเป็นวัฒณธรรมที่นี่ที่เอาชื่อมาอยู่ข้างหน้าตามด้วยนามสกุลถูกมั้ย? ให้หนูได้ทำใหม่อีกครั้ง หนู คูกิ เซย์โจว หนูเป็นนักบวชหญิงจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสและ…… อืม มีอะไรเหรอ ท่านลอร์ด?”
ผมเอามือแปะหน้าตตัวเองและมองขึ้นไปบนเพดานห้องนั่งเล่น อา บัดซบ…… ถ้าอย่างนั้นนี่คือราคาที่ได้ยานเหมือนมดสิงโต มีมี่ดูเหมือนเธอกินแมลงแหยะๆ และเอลม่านวดขมับเหมือนทนอาการปวดหัวอยู่ เมย์มีสีหน้าไร้สีหน้าเหมือนเดิม สองพี่น้องช่างแสดงรอยยิ้มขมขื่น
“ไม่มีอะไร ไม่ต้องถือเรา เรามีสถานการณ์ของเราเอง ดังนั้นเอง ทำไมคนแบบเธอมาไกลจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสสู่จักรวรรดิกรากันจากนั้นมาเรียกฉันแล้วยังกอดฉันอีก? ฉันไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิดเดียว”
จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสเป็นอีกจักรวรรดิจักรวาลที่ต้องค่อนข้างไกลจากจักรวรรดิกรากัน ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับจักรวรรดิพูดไม่ได้ว่าดีหรือแย่เกินไป และอย่างน้อยมีการติดต่อทางการเมืองระหว่างสองชาติ ผมคิดว่ามันปลอดภัยที่จะคิดไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและจักรวรรดิกรากันมันดีกว่าชาติอย่างสพันธรัฐเวเรเวเรมและพวกเดียวกันเหมือนสหภาพเวอร์จิเนียเยอะ ผมเคยได้ยินว่ามันเป็นไปได้ที่จะไปด้วยประตูทางด้วยเหมือนกัน
และคุณสมบัติเด่นของเขามันก็เกี่ยวกับอะไรที่เรียกว่าอารยธรรมวิญญาณ อะไรคืออารยธรรมวิญญาณ มีคำถาม? เอ่ออ จริงๆแล้วผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไร เท่าที่ผมรู้ มันดูเหมือนพวกเขาเป็นอารยธรรมที่ใช้ปรากฏการณ์ลึกลับเช่นความสามารถเกี่ยวกับวิญญาณและพลังมนตร์และให้ความสำคัญกับมันมากมายด้วย
“มันเพราะท่านคือตัวตนที่มาจากโลกข้างบน ดังนั้นหน้าที่หนูคือเสนอร่างกาย, หัวใจ, และวิญญาณให้ท่านและรับใช้ท่านเต็มที่ความสามารถหนูที่ทำได้”
นัยน์ตาสาวที่ไม่ขุ่นมัวเติมเต็มไปด้วยความจริงใจและจ้องผมตรงๆ อะฮ่า เข้าใจแล้ว ……ผมยังไม่เข้าใจ
“เธอเข้าใจเปล่า?”
“ไม่ ไม่เลยสักนิด”
“ฉันไม่รู้ว่าสาวคนนี้พูดอะไร”
“ไม่ว่ายังไงนะ ทั้้งหมดที่ฉันได้จากเมื่อกี้นะคือที่เธอบอกว่าเธอสมควรจะเสนอตัวเธอให้บอสน่ะ บอส”
“ส-เสนอตัว?”
“นโยบายฉันคือกินข้าวที่กินได้ให้มากเท่าที่เป็นไปได้ แต่บางอย่างแบบนี้มันค่อนข้าง–”
“ตอนนี้บอสแค่โกหกโต้งๆแล้วล่ะนะ”
ทีน่าจ้องผมอย่างเกลียด แต่ผมไม่สนใจเธอ เอาน่า ฉันแค่ลังเลเพราะหน้าตาเธอรู้เปล่า ถ้าพวกเธอเป็นมนุษย์และอย่างน้อยตรงนั้นตรงนี้โตหมดแล้วเท่ามีมี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ลังเลสักนิด
เอ๋? แล้วเกี่ยวกับนาวาโทเซเรน่าและคริสเล่า? การทำอะไรกับสองคนนั้นมันเหมือนฆ่าตัวตายรู้เปล่า แม้ว่ากินอะไรที่ถูกยื่นให้เป็นนโยบาย มันยังมีขีดจำกัดที่ผมจะทำ พูดถึงแล้วคูกิจังนั้นในคู่มือของผมว่าเธอผ่าน
เมื่อมันเป็นหน้าตาอย่างน้อย มันแค่ผมยังต้องระวังเพราะผมแน่ใจอยู่เยอะว่าเรื่องมีปัญหาจะตามมาเมื่อผมทำอะไรกับสาวคนนี้จากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัส
“อย่างแรกเลย ฉันค่อนข้างไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับโลกข้างบนและอะไรพวกนั้น ได้โปรดอธิบายให้คนซื่อๆเหมือนเราในคำที่เข้าใจง่ายและเรียบๆได้มั้ย ได้โปรด?”
“หืม? ท่านไม่ใช่คนของโลกนี้และท่านเป็นคนที่มาจากโลกด้านบนถูกมั้ย? หนูคิดว่าท่านจะคุ้นกับความจริงนั้นมากกว่าทุกคนเสียอีก……? และที่สุดคือร่างกายท่านมันก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าตัวตนท่านน่ะพิเศษแค่ไหน”
“อา–…… เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นนั่นสินะ”
ผมยอม เห็นได้ชัดว่า สาวคนนี้เชื่อเต็มที่ว่าผมมาจากโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกนี้ เมื่อคิดดูแล้ว มิเรียมซังผู้นำเผ่ามินฟาก็พูดบางอย่างคล้ายกันด้วยกลับไปตอนนั้น
“เอิ่มได้ มาคิดว่าฉันเป็นตัวตนแห่งวิญญาณทรงพลังหรืออะไรก็ช่าง แล้วนั่นน่ะมันเกี่ยวอะไรกับเธอ พูดมาให้ตรงๆ? ฉันหมายถึง ทำไมเธอจะต้องทุ่มเทตัวเองให้ฉันเพราะแค่นั้น”
“มันก็เป็นธุระของหนู ที่สุดท้ายคนที่มาจากโลกด้านบนเหมือนท่านปรากฏที่โลกนี้”
“เธอคือตัวการเหรอ? นั่นหมายถึงอะไร?”
“พูดง่ายๆ คนของเราได้สร้างรูที่เปิดผิวโลกของโลกนี้”
“รู…”
“ใช่ มันเป็นรูใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ที่ไปไกลถึงโลกด้านบนจากโลกนี้ สำหรับผลลัพธ์คนจากจักรวาลมากมาย – รวมถึงโลกด้านบนด้วย – ถูกดึงมาที่โลกนี้ และพวกเขารวมพลังและศักยภาพเพื่อทำให้โลกนี้เกือบถูกทำลาย”
“อ-อุ……”
อะไรกันเนี่ย? อะไรกับเบื้องหลังแนวแฟนตาซีเต็มที่แบบนี้? มันแค่เหมือนประวัติศาสตร์ดำลับที่เขียนและเก็บอยู่ข้างในสมุดจดของนักเรียนมัธยมต้นเลย เมื่อผมมองไปรอบๆ ผมเจอว่าทุกคนยกเว้นเมย์มองคูกิจังอย่างน่าสงสัย นั่นการตอบสนองปรกติ ผมคิดว่ามันไร้สาระด้วยเหมือนกัน
“แต่ด้วยการแทรกแซงของบุคคลที่ยิ่งใหญ่จากโลกนี้ สถานการณ์สรุปลงดีและรูถูกปิดในที่สุด อย่างไรก็ตาม ศักภาพที่ไหลมาโลกนี้จากรูนั้นจะทิ้งรอยร้าวเล็กๆในเปลือกมิติ และตัวตนบางคนยังสามารถหลงมาโลกนี้ได้นานๆครั้ง”
“และเธอพูดว่าฉันเป็นหนึ่งในผู้มาเยือนพวกนั้น?”
“ไม่มีความผิดพลาด พลังที่แผ่ออกมาจากท่าน–ศักยภาพนั้นไม่ใช่ของโลกนี้ ในความเป็นจริง ท่านควรสามารถบิดเบือนกฎในโลกนี้ได้ถ้าท่านประสงค์จะทำมัน ท่านเคยได้รับประสบการณ์อะไรแบบนั้นมั้ย?”
“อื้———-มม……”
มันไม่เหมือนว่าผมไม่เคยเจอ ผมหมายถึง แค่กลั้นหายใจดูเหมือนจะมีผลทำให้เวลาช้าลงจากมุมมองผม ผมดูเหมือนอ่านและเข้าใจภาษาทั้งหมดได้โดยไม่ต้องใช้การฝังเครื่องแปลสากล และแค่ไม่นาน ผมถูกสงสัยว่าปัดการระดมยิงปืนใหญ่เลเซอร์ที่เล็งไปที่กฤษณะ
ให้ตาย ผมคิดว่าความสามารถดึงดูดปัญหาทุกที่ที่ไปก็ค่อนข้างไม่ปรกติด้วย
“มาคิดว่าที่เธอพูดมาเรื่องจริงและฉันพอเข้าใจอะไรที่เธอพูดถึง นั่นทำให้เธอเสนอตัวให้ฉันได้ยังไงถ้าอย่างนั้น?”
“เป้าหมายของเราคือแก้ความผิดพลาดที่มีในอดีต หน้าที่ของเราคือต้องกำจัดตัวตนอันตรายที่มาสู่โลกนี้เมื่อรูมิติเปิดออก จับตัวคนนั้นที่พบว่าตัวเองอยู่ในโลกนี้จากรอยแยกมิติ และรับใช้พวกเขาสุดหัวใจ”
“นั่นมันการอยากทำอะไรที่ยิ่งใหญ่…… หรือถ้านั่นจริง ถ้าอย่างนั้นมันจะไม่มีเหตุผลมากกว่าที่ฉันจะถูกปฏิบัติเป็นอริเอกของทั้งจักรวาลและตีให้ตายเหรอ?”
“เมื่อคนที่ยิ่งให้ฟื้นความเป็นระเบียบให้โลกนี้ ความรู้ทั้งหมดได้ถูกลืมไปหมดจากทุกคนยกเว้นเรา และจากช่วงเวลาที่เราเกิด ความรู้นี้ฝังสู่ความลึกของวิญญาณเรา มันเป็นการลงโทษของสิ่งมีชีวิตที่ยิงใหญ่ที่บังคับใส่มาบนเราเพื่อสั่งเราให้ไถ่บาปกับการล่วงละเมิด”
นัยน์ตาสีทองของสาวยังคงไม่ขุ่นมัวและจริงใจตอนที่เธอจ้องตรงมาทางผม จริงๆเลย ผมยอมแพ้ ผมไม่คิดว่าผมหนีจากคนนี้ได้
แม้ว่าผมปฏิเสธเธอ ก็จะมอบความรู้สึกว่าต้องทำภารกิจที่ยิ่งให้ ผมพนันว่าเธอจะตามเราไม่สำคัญว่าอะไรจะเกิดขึ้น จากนั้นมีโอกาสที่เธอจะหายไปซอยเปลี่ยวไร้ผู้คนไกลๆบางวันและสุดท้ายเป็นเหยื่อของพวกชั่วร้ายที่อยู่ในที่แบบนั้น
“……พวกเธอคิดยังไง?”
“มันจริงที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสมือชื่อเสียงว่าเป็นชาติที่ยึดหลักทำเพื่อคนอื่น ฉันได้ยินว่าพวกเขามารยาทดีสุดขีดและมีเหตุผลตราบใดที่คนไม่ได้ล้ำเส้นและรุกรานดินแดน แล้วก็เข้าร่วมช่วยต่อต้านวิกฤติอันตรายอย่างการที่สัตว์ประหลาดอวกาศโจมตีอย่างแข็งขัน”
“และพวกเขายังสามารถดูแลประเทศได้อย่างราบรื่นแม้ว่ามีนโยบายแบบนั้นเหรอ……?”
“มันดูเหมือนราบรื่นจริงแหละ อย่างน้อย เหล่าชาติที่พรมแดนติดกับพวกเขาก็มีแต่เรื่องดีๆเมื่อพูดเกี่ยวกับพวกเขา และชาติที่อยู่ไกลออกไปจากพวกเขาเหมือนกรากันก็คิดกับพวกเขาว่าเป็นชาติที่ไม่ทำดีมากหรือทำเสียๆ”
“แต่ยังมีพวกที่ทะเยอทะยานที่เล็งพวกเขาเป็นเป้าหมายถูกมั้ย?”
“พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าและยอมแพ้ให้กับเทคโนโลยีวิญญาณของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัส ฉันแค่ได้ยินจากข่าวลือ แต่มันดูเหมือนยานของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสสามารถใช้เทคโนโลยีวิญญาณเพื่อกระโดดในอวกาศได้”
“กระโดด……? อืม เธอหมายถึงการเทเลพอร์ตแบบทันทีทันใดน่ะเหรอ? ด้วยยานอวกาศเหรอ?”
“ใช่ มันพูดว่าทั้งกองยานสามารถกระโดดไปบางที่หลายระบบดาวห่างออกไปได้โดยไม่ต้องใช้หน่วยขับขั้นสูงสุด”
“ทั้งกองยานด้วย……”
ไม่มีทางที่จะชนะกับอะไรแบบนั้น มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่กองยานปรกติจะรับมือกับศัตรูที่เคลื่อนที่ระหว่างระบบดาวได้ในเร็วกว่าพริบตาโดยไม่ได้ใช้เส้นทางอวกาศขั้นสูงสุด
สงครามระหว่างจักรวรรดิจักรวาลในโลกนี้เหมือนกับเกมยึดแคมป์ที่พวกเขาต้องแข่งยึดและป้องกันดินแดนผ่านการใช้เครือข่ายเส้นทางอวกาศขั้นสูงสุด พื้นฐานนั้น ‘ผู้เล่น’ ส่วนใหญ่ต้องรู้ว่าเครือข่ายเส้นทางอวกาศขั้นสูงสุดระหว่างชาติทั้งหลายนั้นเชื่อมต่อถึงกัน และพวกเขาต้องทุ่มเทพยายามเพื่อยึดหรือป้องกันระบบดาวศูนย์กลางการเดินทางที่จุดพักรวมกัน – ที่ถูกเรียกกันว่าจุดสำคัญ – เพื่อที่จะรักษาหรือเพิ่มอิทธิพลกับ ‘กระดาน’ นี่เป็นกลยุทธ์ทั่วไป
นี่จำเป็นต้องทำสำหรับทั้งฝ่ายโจมตีและป้องกัน
อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนกองยานของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสเมินหัวเครือข่ายเส้นทางอวกาศขั้นสูงสุดทั้งหมดนั้นได้หมดเลยและกระโดดไปจุดไหนก็ได้ที่พวกมันเชื่อมต่อตามใจฉัน แน่นอน จักรวรรดิจักรวาลธรรมดาจะไม่สามารถชนะได้แม้พวกเขาสู้สุดใจ แม้ว่าพวกเขาเก็บจุดสำคัญไว้ได้ อีกฝ่ายหนึ่งเพียงแค่โจมตีที่ที่ป้องกันน้อยกว่าโดยไม่โดนอะไรสวน
“อืม ฉันจะปล่อยเรื่องนั้นเกี่ยวกับยานไว้ก่อนตอนนี้…… แต่ให้ตายเถอะ เธอจะทำอะไรถ้้าฉันปฏิเสธ?”
“น-นั่น…… ถ้านั่นเป็นประสงค์ของท่าน ท่านลอร์ดของหนู…… หนู- หนูจะไม่มีทางเลือกนอกจากเคารพ……”
หลังจากพูดอย่างนั้น คูกิจังเริ่มร้องไห้น้ำตาแตกระหว่างยังคงมองหน้าผม ไม่ใช่นั่นโกงหรือ? โจมตีความเมตตาตรงๆมันโกงแน่นอนเลยรู้เปล่า?
“……อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอหลังจากนั้น? เธอจำเป็นต้องรายงานว่าเธอไม่สามารถทำหน้าที่ได้ถูกมั้ย?”
“ห-หนูน่าจะถูกตัดทิ้ง……”
“ตัดทิ้ง? เหมือนหักเงินเดือนหรือปลดจากตำแหน่งน่ะเหรอ?”
“หนูคิดว่าหนูจะถูกนำออกจากหน้าที่นักบวชหญิง…… ไม่สามารถรับใช้บุคคลนั้นแต่สามารถเจอกันหมายถึงหนูไม่มีคุณสมบัติเป็นนักบวชหญิง และสำหรับเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น……”
คูกิจังตอบคำถามมีมี่และทีน่าด้วยเสียงสั่นเครือและเหลือบมองผมอีกครั้งด้วยหน้าตาเต็มไปด้วยน้ำตา ได้โปรดหยุดเสียที! หน้านั้นและหูตกแบบนั้นมันโจมตีติดคริแล้ว บัดซบ
“ฉันมีคำถาม”
ขณะที่ผมและสาวๆที่เหลือไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรดี เมย์พูดออกมากระทันหัน
“ค-คะ…… มันคืออะไร?”
“เธอพูดคำพูดที่กำกวมเหมือนทุ่มเทตัวเอง แต่แค่ประโยชน์อะไรที่เธอได้จากการเสนอนายท่านตั้งแต่แรก? อะไรที่ตัวเธอและจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสค้นหาต้องการจากนายท่าน? ฉันคิดว่าการกระทำเหมือนส่งบุคคลมาประเทศไกลๆเพื่อที่จะหาคนที่เรียกหนักหนาว่า ‘ผู้มาเยือนจากโลกด้านบน’ โดยไม่มีเป้าหมายหรือแผนอะไรที่ชัดเจนเข้าใจได้สำหรับการเสนอบริการและความทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้นมันไม่มีประสิทธิภาพและไร้ประโยชน์มากเกินไป ไม่มีเหตุผลที่แน่นหนาและมีเหตุผลจริงๆที่ทำแบบนั้นเรอะ?”
“หนูเสนอตัวเองอย่างแท้จริงสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง หนูทุ่มเทร่างกายนี้ด้วย, ชีวิตหนูด้วย, วิญญาณหนูด้วย, และร่างกายที่เป็นกายภาพจับต้องได้นี้ด้วย ทุกสิ่งทุกอย่าง หนูสละชีพเพื่อเขาได้ ร่างกายนี้เกิดและใช้ชีวิตเพื่อเหตุผลนั้น ล-และถ้าท่านลอร์ดตราหน้าว่าหนูมันไม่จำเป็น…… ถ้าอย่างนั้นมันช่วยไม่ได้……”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น เธออยากได้อะไรตอบแทนจากนายท่าน? มีบางอย่างที่เธออยากได้จากเขามั้ย?”
“น-นั่น…… เนื่องด้วยความผิดพลาดในอดีตของหนู ลอร์ดของหนูสูญเสียทุกอย่างและพบตัวเองอยู่ในโลกนี้ เสียความสัมพันธ์ในอดีต เสียทรัพย์สินและตำแหน่งในสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโลกเก่าถูกนำหายไปจากเขา มันอาจไม่พอที่จะชดใช้ทั้งหมดนั้น แต่เราหวังจะได้รับใช้เขาและไถ่บาปเช่นนั้น แม้ว่ามันจะแค่เศษเสี้ยวที่ไถ่ได้เท่านั้น”
“ไม่มีอะไรอื่นที่ต้องการเลยเหรอ? จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสไม่คิดจะใช้นายท่านเป็นต้นทางขุมพลังที่สะดวกมือไม้เรอะ? จากเรื่องราวของเธอ นายท่านครอบครองศักยภาพระดับสูง ไม่ใช่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสก็แค่มาใช้คุณหนูเหมือนเธอเพื่อผูกมัด 『ผู้มาเยือนจากโลกด้านบน』 เหล่านี้ซะเพื่อที่จะใช้ประโยชน์พวกเขาสำหรับความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิเรอะ?”
“มันไม่มีอะไรแบบนั้นเลยค่ะ! มันจริงอยู่ที่เรานั้นเตรียมต้อนรับผู้มาเยือนเหล่านั้นที่ตัดสินใจเข้ามาอยู่ในชาติของเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราบังคับเขา แน่นอนมีเวลาที่เราร้องขอความช่วยเหลือ แต่เราจะไม่มีวันใช้ประโยชน์คนเหล่านั้นที่หลงมาโลกนี้เหมือนลอร์ดของหนูเพื่อประโยชน์ตัวเราเอง ได้โปรดถอนคำพูดพวกนั้นด้วย”
หางคูกิจังชี้ฟูในความโกรธ อา หางเธอดูนุ่มดี เธอแม้แต่มีสามหางด้วย เธอก็มีหูสัตว์ที่งดงงามด้วย เธอเป็นสาวสุนัขจิ้งจอกหรอบางอย่างแบบนั้นหรือ?
“เข้าใจแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อคำที่เธอพูดด้วยหลักฐานที่มีแค่คำพูด แต่การอนุมานของฉันก็เป็นแค่การอนุมานของฉัน โปรดให้ฉันได้ถอนคำพูดถ้าอย่างนั้น”
หลังจากพูดอย่างนั้น เมย์คำนับคูกิจังนิดหนึ่ง เพื่อตอบไปเป็นการขอโทษ คูกิจังนั่งกลับลงไปบนโซฟาอีกครั้งและใจเย็นลง
มันดูเหมือนเธออายที่ระเบิดอารมณ์เมื่อกี้
“……ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอะไรกับสาวคนนี้ดีอ่ะ”
“เธอมาถามฉันเนี่ยนะ……?”
“หนูก็คิดว่าพี่ตัดสินใจได้เลย ฮิโระซามะ”
เอลม่าและมีมี่จ้องผม น่ากลัวมาก ผมหันไปหาทีน่าและวิสเกอร์เพื่อหากำลังเสริม แต่ทีทีน่าแค่ยักไหล่เธอระหว่างวิสเกอร์ส่ายหัว พวกเธอน่าจะส่งสัญญาณว่ามันจะเป็นปัญหาถ้าผมปล่อยให้พวกเธอตัดสินใจ
“……ฉันจะไม่ถูกบังคับและให้มุ่งหน้าไปจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสและทำงานให้พวกเขาถ้าอย่างนั้น…… ถ้าอย่างนั้นแค่มาอยู่กับเธอก่อนระหว่างเวลานี้ แต่เธอน่ะพยายามสนิทกับทุกคนด้วยล่ะ ฉันจะปล่อยที่เหลือให้เธอนะเมย์”
“ด-ได้ค่ะ! ขอบคุณมากๆค่ะ! หนูจะพิสูจน์ตัวเองอย่างแน่นอนว่ามีประโยชน์กับท่าน ท่านลอร์ดของหนู!”
“รับทราบค่ะ”
คูกิจังเหลือบมองหน้าผมและแสดงสีหน้าปิติเต็มเปี่ยมพร้อมด้วยแก้มที่ยังเปียกจากน้ำตา หูฟูตั้งชี้บนหัวของเธอด้วยความสุขล้นปรี่
เมย์ไร้สีหน้าเหมือนเดิมแต่ไม่ว่าแบบไหน การปล่อยอะไรให้เธอควรจะดีที่สุด มันควรเป็นแบบนั้น ฉันเชื่อเธอเมย์
สำหรับมีมี่ซังและเอลม่าซัง… มาพูดสักนานๆนานๆกับเธอแล้วกัน ได้เลย ผมถอนหายใจข้างในหัวใจ แต่ผมคิดว่ามันเหนือการควบคุมของผมไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ผมทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธเธออย่างสิ้นเชิง มันจึงช่วยไม่ได้