ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ - ตอนที่ 313 นี่ไม่ใช่การสอบสวนเข้าใจไหม
- Home
- ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ
- ตอนที่ 313 นี่ไม่ใช่การสอบสวนเข้าใจไหม
หลังจากเอาของออก เราไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพักผ่อน ไม่นานหลังจากนั้น เมย์และคูกิจังก็มาถึงห้องพิเศษผ่านลิฟต์ส่วนตัว
“ขอต้อนรับกลับมา ห้องเธออยู่เลยประตูตรงนั้น เอาของออกข้างในก่อนเถอะ”
“ค่ะ ท่านลอร์ดของหนูขอบคุณมากๆค่ะ”
คูกิจังคำนับผมอย่างเรียบร้อยก่อนเข้าห้องที่ผมชี้ไป ของที่เธอเอามามีแค่พัสดุห่อผ้าชิ้นเดียวเท่านั้น มันค่อนข้างเล็ก มันเหมือนเธอไม่ได้เดินทางกับของส่วนตัวอะไรอย่างอื่นมากนอกจากเสื้อผ้าบนหลังเธอ
“เมย์”
“ค่ะ หนูจะทำการรายงาน สำหรับการสรุป ความเป็นไปได้ที่เธอจะเป็นพลเมืองของแท้และเป็นนักบวชหญิงจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสเกือบ 100% ค่ะ”
“เธอมีพื้นฐานสำหรับการประเมินดีแล้วถูกมั้ย?”
ถ้าเมย์พูดว่ามันเกือบ 100% ถ้าอย่างนั้นเธอควรมีพื้นฐานที่ถูกต้องแน่นหนา
“ใช่ค่ะ อย่างแรกเธอพูดไม่ถึงความเป็นจริงว่าที่พักเธอเป็นแค่สถานทูตเล็กๆของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์แต่จริงๆแล้วมันคืออะไรที่ถูกเรียกว่าวิหารหรือโบสถ์ หนูตรวจบันทึกการสร้างและยืนยันแล้วว่ามันถูกลงทะเบียนเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลหลักของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัส จักวรรดิกรากันก็รับรู้แล้วที่พวกเขาทำอย่างนั้นด้วย”
“พูดอีกอย่างโอกาสที่เธอจะเป็นพวกนักต้มตุ๋นหรือพวกรวมหัวสมคมคิดจากพวกนอกกฎหมายมันน้อย”
“เห็นได้ชัดว่าเป็นอย่างนั้นค่ะ”
“เข้าใจแล้ว…… งั้นฉันว่าฉันควรทำเหมือนเธอเป็นของแท้”
ผมคาดว่า 70% 80% มันไร้สาระแต่พอมาคิดว่ามันจริง อืม แน่นอนว่านี่ดูกระอักกระอ่วน…… ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมควรตอบรับเธอแค่ไหน เธอพูดว่ามันเป็นหน้าที่เธอ เธอน่าจะมีแผนอยู่กับผมไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ? ไม่คิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบหนักหนาหรืออย่างไรกัน?
ผมเหลียวไปมองมีมี่ที่นั่งต่อจากผม เธอดูเหมือนจะคิดบางอย่างระหว่างมีสีหน้าไม่รู้จะทำอะไรดีบนหน้า อึน น่ารัก ไม่ นั่นใช่แล้วบัดซบ!
“นึนน–……”
ตอนนี้เรายืนยันคำพูดเธอแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดีนอกจากคร่ำครวญในความกังวล ผมหมายถึงสาวคนนั้นอยู่ดีๆก็มาเสนอ ทั้งร่างกาย, ทั้งหัวใจ, และทั้งวิญญาณให้กับผมรู้เปล่า มันจริงอยู่ที่คูกิจังนั้นน่ารักแต่พูดตรงๆผมมือผมไม่ว่างแล้ว
มีมีมี่่, เอลม่า, เมย์, และไม่นาน, ทีน่ากับวิสเกอร์ ผมคิดว่ามันเกินไปแล้วที่ทำอะไรกับสาวห้าคน…… อืม ผมทำมันแล้วเรียบร้อยแล้ว ผมเลยคิดว่าการกังวลมันแค่ธรรมชาติ ผมว่าผมจะแค่ไหลตามน้ำไปเหมือนเคยถ้าอย่างนั้น
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ มันเป็นห้องที่สวยงามมากๆ……. พูดตรงๆหนูรู้สึกว่ามันมากไปนิดนึงกับบางคนแบบหนู”
“แค่พยายามชินกับมันแล้วกัน เพราะเราไปทั่วแบบนี้อยู่”
“ถ้านั่นเป็นประสงค์ของท่านค่ะ ท่านลอร์ดของหนู”
หลังจากพูดอย่างนั้น คูกิจังให้สายตาเธอไปทั่วพร้อมสีหน้าอายบนหน้าเธอ ตอนนี้ผมนั่งกลางโซฟาในห้องนั่งเล่นระหว่างมีมี่อยู่ที่ทางขวาและเอลม่าอยู่ทางซ้าย ไม่มีที่ไหนที่เธอแทรกตัวเองเข้าไปได้แล้ว
“ทางนี้คูกิจัง”
“เอาเลยแล้วนั่งนี่สิ”
เมื่อพี่น้องช่างผู้นั่งอยู่โซฟาตรงข้ามหาที่ให้เธอ คูจกิจังไปและนั่งระหว่างพวกเธอพร้อมสีหน้าซาบซึ้ง
“อย่างแรก มาเข้าใจกันและกันก่อนคูกิจัง ดังนั้นมาทำการแนะนำตัวแบบเร็วๆ ฉันฮิโระฉันแนะนำตัวเองว่ากัปตันฮิโระบ่อย ฉันเป็นทหารรับจ้างที่อยู่ในสังกัดสมาคมทหารรับจ้างและฉันระดับทองคำขาวซึ่งพื้นฐานแล้วเป็นระดับสูงสุดที่เธอหาได้ในตำแหน่งทหารรับจ้าง และหน้าที่ทำงานของฉันก็เป็นงานที่คนรู้เยอะในจักรวรรดิกรากันและได้รับรางวัลเหรียญเกียรติยศเป็นผลลัพธ์ พร้อมกับได้ถูกรับรู้ว่าเป็นพลเมืองชั้นหนึ่ง แล้วก็…… เอ่อ ฉันมีอะไรพลาดตรงไหนมั้ย?”
“นายท่านก็ได้รับตำแหน่งวิสเคานต์กิตติมศักดิ์ในจักรวรรดินี้และได้รับรางวัลดาวทองระดับที่หนึ่งอันทรงเกียรติด้วยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว อย่างที่หนูคาดไว้กับท่านลอร์ดของหนู”
ผมไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนั้นเธอสมควรเข้าใจอะไร แต่มันดูเหมือนเธอได้รับความประทับใจส่วนตัวกับความสำเร็จหลากหลายและประทับใจเรียบร้อยแล้วด้วย
“ฉันจะแนะนำต่องั้น ฉันเอลม่า เหมือนที่เธอเห็นๆอยู่ ฉันเป็นเอลฟ์ ฉันก็เป็นทหารรับจ้างในสังกัดสมาคมเหมือนฮิโระ ฉันเป็นระดับเงิน เนื่องด้วยเหตุผลมากมายฉันทำงานด้วยกันกับฮิโระและเป็นคู่หูของเขานั่นแหละพื้นฐาน”
“คู่รักทั้งให้คนอื่นเห็นและไม่เห็น สนใจเรื่องนั้นด้วย”
“ตอนนี้มาดูก่อนซิ๊…… ไม่ ฉันว่านั่นก็จริง เพราะเราจะอยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนนี้ไปฉันว่าไม่มีจุดหมายที่จะพูด เหมือนที่ฮิโระพูดแหละ เราเป็นคู่รักไม่ใช่คู่หูทหารรับจ้างแต่คู่รักจริงๆ”
มันดูเหมือนเอลม่าอายที่พูดเปิดๆเลยว่าเราคู่รักกัน หูเธอแดงสด ผมอยากจับพวกมันกระทันหัน แต่ผมแน่ใจว่าเธอจะหยิกสีข้างสังหารใส่ผมถ้าผมทำอย่างนั้น ผมเลยห้ามตัวเองไว้
“เข้าใจแล้วค่ะ หนูเข้าใจ”
มันค่อนข้างเป็นการแนะนำตัวที่กล้าและตรงไปตรงมา กระนั้นคูกิจังยังพยักหน้าตอบโดยไม่หวั่นไหวเลย
หืมม? มันค่อนข้างต่างจากที่ผมคาดหวังถึงการตอบสนองของเธอ ผมคาดว่าอย่างน้อยเธอจะทำเหมือนค่อนข้างตกใจหลังจากได้ยินอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชายหญิง
“ฉันจะแนะนำต่อถ้าอย่างนั้น ฉันมีมี่ ฉันติดหนี้ชีวิตฮิโระซามะและตอนนี้อยู่ข้างเขาเป็นพนักงานสื่อสารของยาน ฉันก็รับมือกับการค้าขายและจัดหาของและเสบียง แล้วก็ ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องแต่งงานแล้วตามกฎหมายของฮิโระซามะ ภรรยาของเขา เข้าใจมั้ย”
มันสำคัญขนาดที่ต้องพูดสองครั้งหรือเอ๋? ผมพอเข้าใจ และจากนั้นมีมี่ทำการดันเขยิบดันใส่ตัวผมใกล้และกอดแขนผมแน่นๆ อึน แขนขวาผมได้รับความรู้สึกสุขล้นปรี่ แต่มันดูเหมือนมีมี่ทำตัวระวังคูกิจัง การตอบสนองของเธอครั้งนี้ค่อนข้างคล้ายกับที่เธอทำกับเมย์เมื่อเจอกันครั้งแรก
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น หนูจะเรียกชื่อท่านว่ามีมี่ซามะถ้าอย่างนั้น หนูจะอยู่ในความดูแลของท่านค่ะ”
คูกิจังทำตัวค่อนข้างสงบอีกครั้งและมองการแนะนำตัวของมีมี่แบบนั้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนริมฝีปากของเธอ อึน ผมไม่เข้าใจ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
เห็นได้ชัดว่า มีมี่รู้สึกเหมือนกันกับผมและแสดงสีหน้าผิดหวังบนใบหน้า
“หืม ถ้าอย่างนั้นมันควรเป็นเมย์ซังต่อถูกมั้ย?”
“ฉันเป็นดรอยด์แม่บ้านส่วนตัว ไม่มีอะไรมากกว่าหรือน้อยกว่า ดังนั้น ฉันไม่คิดว่าฉันต้องแนะนำตัวนานๆ”
“อย่างนั้นเหรอ? เราจะทำต่อนะงั้น ว่าไง ฉันทีน่า นี่เป็นแฝดฉันวิสเกอร์ ฉันเป็นพี่วิสเกอร์นะพูดถึง เราเป็นลูกจ้างของบริษัทสเปซดเวิร์ก และเนื่องจากคำสั่งของบริษัท เราทำงานกับบอสตอนนี้ ฉันและวีที่นี่ก็เป็นเมียน้อยบอสด้วย!”
“พ-พี่สาว……!”
หน้าวิสเกอร์แดงเหมือนมะเขือเทศสุกหลังจากได้ยินการแนะนำตัวกล้าและเปิดเผย และอีกคนแค่หัวเราะตอบ
“เข้าใจแล้ว พูดอีกอย่าง พวกท่านทุกคนได้รับบุญและความรักจากท่านลอร์ดของหนู”
“บ-บุญ…… อืมฉันว่าเธอพูดแบบนั้นได้ ใช่”
ตอนนี้ที่คูกิจังชี้ออกมาผมทำอะไรอุกอาจไปจริงไม่ใช่หรือ? ผมจะต้องใช้บางอย่างเหมือนปาฏิหาริย์เพื่อทำบางอย่างแบบนี้กลับไปที่โลกโดยไม่ได้รับความซับซ้อนเละเทะ มันเนื่องจากความรู้สึกถึงมูลค่าที่มีอยู่กับคนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอยู่นานในอวกาศหรือที่ผมยังเข้าใจไม่ชัดเจนจริงๆ? มันทั้งหมดทั้งหมดดูเหมือนค่อนข้างแปลกและลึกลับไม่ใช่หรือ?
“ช่างมหัศจรรย์ สมดุลของโลกนี้ดูเหมือนจะอยู่ในความมั่นคงเพราะต้องขอบคุณพวกท่านทั้งหมด หนูอยากสามารถพยายามทำแบบนั้นได้ด้วยในอนาคตเหมือนกัน”
คูกิจังพูดอะไรที่ตีความไม่ได้และประสานมือเข้าด้วยกัน เหมือนอธิษฐานจากนั้นเธอคำนับ
“““???”””
เราทั้งหมดเอียงหัวเพราะเราหาเหตุผลกับคำพูดและการกระทำเมื่อกี้ของเธอไม่ได้ ความสัมพันธ์มีมี่และคนอื่นๆกับผมเกี่ยวอะไรกับการรักษาสมดุลของโลกนี้หรืออะไรก็ช่าง? แค่สาวคนนี้พูดอะไรกันเนี่ย?
“พูดอีกอย่าง มันต้องขอบคุณท่าน ท่านลอร์ดของหนูที่ไม่อยู่ในสภาวะคิดในแง่ลบที่สถานการณ์ปัจจุบันยังถูกรักษาไว้”
“ฉันไม่เข้าใจสักนิดเลย พูดตรงๆฉันไม่เข้าใจสักคำเดียวที่เธอพูดออกมา”
“พูดมันอย่างเรียบง่ายนะคะ ตัวตนทุกคนกลายเป็นสำคัญสำหรับท่านลอร์ดของหนู มันเพราะทุกคนอยู่กับท่านลอร์ดของหนูท่านถึงสามารถเป็นตัวเองปัจจุบันได้ และมันเพราะท่านลอร์ดของหนูพวกเธอกลายเป็นตัวตนแบบนี้ด้วยเหมือนกัน”
“พื้นฐานแล้วเธอจะพูดว่าความสัมพันธ์ของเรากับฮิโระเป็นบางอย่างที่ถูกกำหนดชะตาไว้แล้ว ฉันพูดถูกต้องมั้ย? คำสอนของระบบศรัทธาจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสวนเวียนอยยู่กับพรหมลิขิตนิยมเหรอ?”
เอลม่าขมวดคิ้วขณะเธอวิเคราะห์คำพูดคูกิจัง พรหมลิขิตนิยม…… ผมคิดว่าผมไม่ค่อยจะชอบมันเพราะมันค่อนข้างรู้สึกว่าคนจะมองที่ผลลัพธ์และเพียงแค่ตัดทิ้งว่าทุกสิ่งเป็นชนะตาอะไรแบบนั้น ถ้ามีบางอย่างลึกลึบเหมือนม้วนกระดาษที่บันทึกเหตุการณ์ในอดีต, ปัจจุบัน, และอนาคต ถ้าอย่างนั้นผมว่าทำได้คิดได้แบบหนึ่ง แต่ถ้าบางอย่างไร้สาระเท่านั้นไม่ได้มีอยู่จริงตั้งแต่แรก ถ้าอย่างนั้นจะเหมือนกับไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันอย่างนั้นหรือ?
“มันไม่เหมือนว่าฉันไม่สนใจปรัญชาและการคุยเปรียบเปรยทั้งหมดนี้สักนิด แต่มาเก็บนั่นไว้ในตู้เก็บของก่อน ฉันว่านั่นควรพอแล้วสำหรับการแนะนำตัวถูกมั้ย? ถ้าอย่านั้นมาคุยคำถามง่ายๆต่อ แค่คุยธรรมดา”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นท่านจะสอบสวนหน้าใหม่อย่าหนูงั้นเหรอคะ? หนูไม่ถือเลยค่ะ หนูไม่มีอะไรจะซ่อน”
ผมส่ายหัวปฏิเสธและมองคูกิจังที่แสดงท่าทางเชื่อฟังตรงๆ
“มันไม่ใช่การสอบสวนพอเข้าใจนะ? เราแค่จะคุยกันเพราะเราไม่คุ้นกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัส ฉันเลยแค่คิดถามเธอเกี่ยวกับมันทั้งหมด เพราะเราจะอยู่ด้วยกันกับเธอตั้งแต่ตอนนี้คูกิจัง มันเป็นตัวตนที่ฉันมองข้ามไม่ได้ถูกมั้ย”
“เข้าใจแล้ว อาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราไม่ได้ต้องการอะไรสักอย่างจากท่านท่านลอร์ดของหนู แต่ถ้าการรู้เกี่ยวกับเรามากขึ้นช่วยท่านได้ถ้าอย่างนั้น ได้โปรดถามตาบสบายถามได้ทุกอย่างและนายท่าน ได้โปรดเรียกหนูว่าคูกิ หนูไม่ได้เด็กขนาดนั้นอีกแล้วดังนั้นถูกเรียจังมันเลย–”
“งั้นเหรอ? อืม ถ้านั่นคือที่เธอต้องการคูกิ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ บอกเราเกี่ยวกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสมากกว่าได้มั้ย
“แน่นอนค่ะได้โปรดถามมาได้เลย”
คูกิพยักหน้ามั่นใจตอบ ความมั่นใจของเธอดูค่อนข้างน่ารักด้วย
“ฉันเคยได้ยินนี่ในอดีต แต่พวกเขาพูดว่าจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสให้ความสำคัญสูงที่สายเลือดบริสุทธ์ และเผ่าอื่นที่ไม่ได้ถูกตราหน้าว่าไม่ใช่พลเมืองเลือดแท้จะถูกทำเป็นทาส ถ้านั่นจริง ถ้าอย่างนั้นฉันคิดว่าเรามีปัญหาในการสนิทกัน”
“นั่นเป็นความเข้าใจผิดใหญ่ค่ะ แน่นอนมีการมองคุณค่าสายพันธุ์ดีกว่าบ้างในหมู่พวกเขา เพราะเราไม่มีนโยบายปฏิเสธเผ่าอื่น”
คูกิตอบด้วยสีหน้าจริงจังที่สุด เข้าใจแล้ว อืมมันค่อนข้างเป็นประเทศห่างไกล ข่าวลือเกี่ยกับมันเลยอาจบิดเบือนไปตามทางและกลายเป็นไม่ใช่ความจริงของสถานการณ์
“ถ้าอย่างนั้นเกี่ยวกับทาสล่ะ?”
“หนูคิดว่ามันเป็นความเข้าใจผิดที่มีต้นเหตุมาจากการเห็นเรารับมือกับนักโทษที่ตกอยู่ในขั้นตอนการปลูกฝังจิตสำนึกค่ะ”
“ขั้นตอนการปลูกฝังจิตสำนึกอย่างนั้นหรือ…… พื้นฐานน่ะมันฟังดูอันตรายไม่ใช่เหรอ?”
“อ-อืม เธอขยายความเกี่ยวกับนั่นได้มั้ย……?”
เอลม่าและมีมี่เริ่มถอยห่างจากคูกิขณะพวเธอถามอย่างประหม่า อึน ผมอยากได้ยินเกี่ยวกับคำพูดนั้นด้วยเหมือนกัน
เพราะขึ้นอยูกับกระแสน้ำเหตุการณ์ไหล ผมอาจเจอว่าตัวเองตกอยู่ในขั้นตอนการปลูกฝังจิตสำนึกด้วย
“หนูเคยได้ยินว่าผู้เข้าร่วมขั้นตอนการปลูกฝังจิตสำนึกนี้ถูกนำออกจากเรื่องมีปัญาที่พวกเขาทำอยู่อย่างคนที่ทำการโจมตีเรากระทันหันและรุกรานประเทศเรา เช่นการก่อการร้ายและโจรสลัด ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของเราคือไม่ทำผิดพลาดแบบที่เคยทำอีกครั้ง แล้วก็ยังเสนอโอกาสให้พวกเขาแกเตัวได้โดยอนุญาตให้เขาเข้าร่วมการปลูกฝังของเรา”
“เอ่อ ไม่ใช่มันเหมือนล้างสมองเหรอ……?”
“ในแง่หนึ่งมันอาจเป็นแบบนั้น และมันช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม บาปควรต้องได้รับการลงโทษ หนูคิดว่ามันแค่ถูกต้องที่ให้พวกเขาไถ่บาปที่เป็นอุปสรรคกับภารกิจของเรา และในเวลาเดียวกันมันก็สำคัญที่จะให้พวกเขาเห็นความสำคัญของภารกิจเราเพื่อที่พวกเขาจะไม่ทำผิดแบบเดิมซ้ำอีก”
“มัน…… มีเหตุผลมั้ง?”
วิสเกอร์เอียงหัวตอบการพูดแบบคิดมั่นใจแล้วของคูกิ
อืม เพราะพวกเขาแค่ถูกมอบความรับผิดชอบที่ขวางทางและสร้างความเสียหาย และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ถูกทำให้เข้าใจและในท้ายที่สุดเห็นใจความคิดของคนที่จับตัวพวกเขาด้วย มันฟังดูเหมือนเหมาะสมที่จะรับมือพวกที่มีปัญหาเหมือนฝ่ายที่เป็นศัตรูประเทศหรือโจรสลัดผมว่ามั้ง? มันรู้สึกเหมือนผมแค่จะกล่อมตัวเอง
“ในแง่ของจักรวรรดินี้ โจรสลัดที่ถูกจับไม่โดนประหารก็โดนขังตลอดชีวิตหรือโดนจับไปทดลองด้วยมนุษย์ ดังนั้นวูเอลซารัสดูเหมือนมีมนุษย์ธรรมมากกว่าเมื่อเอามาเทียบกันถูกเปล่า……?”
“โจรสลัดมันไม่เป็นไรหรอก…… แต่เกี่ยวกับนักโทษจากประเทศอื่นล่ะ?”
“ฉันเดาว่านะ มันขึ้นอยู่กับข้อตกลงรับมือนักโทษสงครามระหว่างประเทศมากกว่านะ”
“จากอะไรที่เราได้ยิน มันไม่ได้ดูเหมือนเป็นประเทศน่ากลัวเหมือนที่ข่าวลือตกแต่งมันให้เป็น ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”
“มันน่าจะความต่างของวัฒนธรรมชาติและเผ่าพันธุ์…. เห็นว่ามันคือชาติที่ไม่มีเจตนาขยายดินแดนและสนับสนุนชาติอื่นในการรับมือกับภัยและหายนะเหมือนสัตว์ประหลาดอวกาศโจมตีด้วย มันพูดได้ว่าเป็นชาติที่นิสัยเรียบๆ แต่มันก็ให้ความสำคัญกับสายเลือดและเผ่าพันธุ์เป็นบางคน มันมีชื่อเสียงกับการรับมือเผ่าอื่นว่าเป็นประเทศค่อนข้างไม่บิดกฎและเข้มงวดมาก จริงแล้สๆนอกจากแนวคิดเชื่อปรกติจากประเทศ มันก็คิดด้วยว่าเป็นชาติที่นำด้วยเผ่าผู้ปกครองสูงสุดเดียว”
“เราไม่ได้ให้ความสัมพันธ์กับสายเลือดบริสุทธิ์เท่าที่คนอื่นคิด และเราไม่ได้มีแนวคิดการเลือกปฏิบัติด้วย อย่างไรก็ตามเรามีภารกิจที่สำคัญและเป็นทางการที่ทำแล้วมีเกียรติให้เติมเต็มและทำมันเป็นหนึ่งเดียวกันหมดชาติ แต่เผ่าอื่น ไม่มีแนวคิดหน้าที่เหมือนเหตุผลของเราอย่างโชคร้าย”
หลังจากได้ยินเอลม่าสรุป คูกิบอกจุดยืนเธอด้วยท่าทางสุดมั่นใจให้เอลม่ามั่นใจ ในท้ายที่สุด ผมว่าทำไมพลเมืองจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์วูเอลซารัสเหมือนคูกิถูกเห็นเป็นเผ่าปิดและเผ่าที่ต้องถูกเลือกปฏบัติเนื่องจากภารกิจที่ว่านี้เและท่าทางของพลเมืองก็คิดแบบนั้นด้วย
“ฉันคิดว่าฉันพอเข้าใจเกี่ยวกับประเทศเธอแล้ว ดังนั้นปล่อยมันไว้เท่านี้ ไม่ว่ายังไง มาพักก่อนสำหรับวันนี้ ฉันค่อนข้างเหนื่อย และระหว่างฉันหารุ่นเกราะพลังงานจักรกลน้ำหนักเบาเพื่อตัดสินว่าไปร้านไหนจะดีพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะได้แบบไหน มันใช้เวลาให้พวกเขาเตรียมดสิงโตมาส่งและตกแต่งบัวดำอีก เลยสบายๆก่อนตอนนี้นะพวกเธอ”
“ได้ คูกิ…… ฉันเรียกเธออย่างนั้นได้มั้ย?”
“ค่ะได้โปรดเรียกหนูอะไรก็ได้ที่ท่านอยากทำค่ะ”
“ขอบคุณ ไม่ว่ายังไง เพราะเราจะใช้ชีวิตและทำงานด้วยกันจากตอนนี้ ฉันเชื่อว่าเราควรรู้จักกันดีกว่านี้ก่อน และฉันก็เห็นด้วยที่จะสบายๆก่อนสำหรับตอนนี้ เธอไม่เป็นไรกับนั่นด้วยถูกมั้ย ทุกคน?”
มีมี่และพี่น้องช่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดเอลม่า เมย์นิ่งเงียบ แต่นั่นแค่หมายถึงเธอไม่คัดค้านด้วย
“จบแล้วถ้างั้น มากินอะไรก่อนดีมั้ย? มันควรได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้วถูกเปล่า?”
“โคโลนีไม่มีวงจรกลางวันกลางคืนที่ถูกต้อง แต่มันนานแล้วตั้งแต่ที่ผมกินอาหารมือท้ายสุดในบัว ผมเลยค่อนข้างหิว มันไม่ได้เหมือน ‘กินข้าวหม้อเดียวกัน’ ตรงๆ แต่กินข้าวด้วยกันยังเป็นวิธีที่ดีที่จะพัฒนาการสื่อสารระหว่างกลุ่มเราที่ดี